เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องสำอาง

เพื่อให้คุณได้เครื่องสำอางทุกชิ้นที่เหมาะกับคุณ และใช้งานมันอย่างสมคุณค่า เรามีกฎทั่วไปในการเลือกซื้อเครื่องสำอาง ที่คุณควรคำนึงถึงควรทั้งเคล็ดลับอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการจัดการกับกระเป๋าเครื่องสำอางของคุณด้วย
ต้องลองด้วยตัวเอง อายแชโดว์สีใหม่อาจดูดีเวลาที่ผู้เชี่ยวชาญแต่งให้คุณ ดังนั้นคุณควรศึกษาวิธีใช้หรือสอบถามจากพนักงานขาย

เช็คสีกับแสงแบบต่าง ๆ เครื่องสำอางอาจดูแตกต่างออกไปในแสงที่ต่างกัน โดยเฉพาะรองพื้น และเครื่องสำอางที่ใช้เพื่อปรับสีผิว เครื่องสำอางยังอาจดูแตกต่างกันได้อีกเมื่อมันเช็ตตัว ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสองสามหรือนาทีเพื่อที่จะเห็นความแตกต่าง ฉะนั้น หลังจากลองเครื่องสำอางที่คุณชอบแล้ว ลองเดินออกไปข้างนอก และดูเมคอัพของคุณในแสงธรรมชาติที่ต่างไปจากแสงที่เคาน์เตอร์

อย่าทาสีทับกัน บ่อยครั้งเวลาที่เราลองสีลิปสติก เรามักจะทาสีต่างๆ ผสมกันไปมาจนบางทีเมื่อสีที่เราลองผสมกันกลายเป็นสีที่ดูสวยสดใส ซึ่งคุณเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสีสุดท้ายที่คุณลอง แล้วก็ซื้อมาแต่เมื่อมาลองในวันต่อมา มันกลับดูไม่เหมือนสีที่คุณลองเมื่อวานเลย สิ่งที่ควรทำเวลาลองสีที่ต่างกันก็คือ ให้แน่ใจว่า คุณเช็ดสีก่อนหน้านั้นออกหมดแล้วเพื่อที่คุณจะได้เห็นว่าสีจริง ๆ เป็นอย่างไร

เชื่อตัวเอง เราทุกคนต่างรู้ดีว่าพนักงานขายมักกดดัน คนซื้อเพื่อที่จะขายของได้ และอาจบอกว่ามันดูดีทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ฉะนั้น เชื่อในความรู้สึกแรกของตัวเองที่เห็นหรือถ้าคุณไม่แน่ใจ ก็พาเพื่อนหรือญาติสนิทที่คุณไว้ใจไปด้วย เมื่อมีสองความเห็น อาจทำให้พนักงานขายไม่กล้ากดดันให้คุณซื้อของที่ไม่เหมาะกับคุณ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือให้แน่ใจว่าคุณเองก็ชอบเครื่องสำอางที่คุณลอง

สิ่งที่ต้องใช้ประจำ
แชมพู แชมพูบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสารทำความสะอาดที่มีฤทธิ์แรงเกินไป จนทำให้เส้นผมสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ ซึ่งแชมพูดี ๆ โดยทั่วไปมักไม่ใช้ส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อเส้นผม และยังมีความเข้มข้นสูง คุณจึงไม่ต้องใช้ในปริมาณมาก ซึ่งก็เท่ากับช่วยประหยัดเงินให้คุณได้ เพราะไม่ต้องเสียเงินซื้อบ่อย ๆ

แปรงหรือพู่กันแต่งหน้า การซื้อแปรงหรือพู่กันแต่งหน้าดี ๆ มาใช้นั้นนับเป็นการลงทุนที่คุ้นค่า เนื่องจากแปรงและพู่กันพวกนี้มักใช้ขนแปรงธรรมชาติ และใช้มือในการประกอบ จึงมักจะมีราคาแพง แต่ถ้าคุณดูแลดี ๆ ก็สามารถใช้แต่งเติมความงามให้คุณได้ไปนานแสนนาน

ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง คุณจำเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรก ที่ติดอยู่ในรูขุมขนได้อย่างมีสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำ นอกจากนี้ ผิวรอบดวงตาและริมฝีปากยังต้องการการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ซึ่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดคุณภาพต่ำ อาจสร้างความระคายเคืองให้แก่ผิวในบริเวณนั้นได้

อุปกรณ์แต่งผม เนื่องจากอุปกรณ์แต่งผมด้วยความร้อนอย่างไดร์เป่าผม และคีมรีดผมไฟฟ้าแบบที่มีราคาถูกนั้นมักจะทำจากวัสดุที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้เส้นผมต้องสัมผัสกับความร้อนมากเกินไป ส่งผลให้เส้นผมแห้งกรอบและสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ คุณจึงควรทุ่มทุนซื้อคีมรีดผมไฟฟ้าแบบที่มีแผนนำความร้อน ที่ทำจากเซรามิก หรือไดร์เป่าผมระบบไอออนนิก ซึ่งอ่อนโยนต่อเส้นผมมากกว่า

ครีมรองพื้น ครีมรองพื้นดีๆ มักจะใช้แต่ส่วนผสมที่มีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้ผิวหน้าของคุณดูเนียนใสไร้ริ้วรอยเหมือนไม่ได้ทารองพื้น ส่วนผสมที่ว่านั้นก็ได้แก่ชิลิก้าหรือชิลิโคนในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ครีมรองพื้นมีเนื้อครีมที่เรียบเนียน แถมยังมีความยืดหยุ่นพอจะไม่ทำให้เกิดรอยแตกหรือรอยยับย่นใด ๆ บนผิวหน้าด้วย

ลิปสติก ลิปสติกแบบที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้นใดๆ อาจทำให้ริมฝีปากแห้งและเหนียวเหนอะหนะได้ การเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยเพื่อซื้อลิปสติกดีๆ มาใช้ จะส่งผลดีต่อริมฝีปากของคุณมากกว่า และถ้าจะให้ดียิ่งไปกว่านั้น ก็ควรมีส่วนผสมของสารกันแดด ที่ช่วยปกป้องริมฝีปากจากรังสียูวีในแสงแดดได้ด้วย

บลัชออน คุณควรเลือกซื้อบลัชออนแบบเดียวกับที่เลือกซื้อครีมรองพื้น เพราะการจะปัดแก้มให้ดูเรียบเนียนได้ ก็ต้องอาศัยส่วนผสมที่มีคุณภาพ

มาสคาร่า มาสคาร่าคุณภาพต่ำมักจะจับตัวเป็นก้อน และทำให้ขนตาจับตัวติดกัน แถมยังแห้งเร็วเกินไปอีกด้วย แต่มาสคาร่าคุณภาพดีมักจะช่วยทำให้ขนตาของคุณดูคมเข้มได้อย่างนุ่มนวล

สิ่งที่ควรประหยัด(ถ้าประหยัดได้)

ยาทาเล็บ เนื่องจากมักจะมีอายุการใช้งานน้อย และเทรนด์แฟชั่นสีเล็บก็มักจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ฉะนั้น ทางที่ดีก็ควรซื้อแบบขวดเล็กๆ มาใช้ และไม่ควรเลือกแบบแห้งเร็ว เพราะมีโอกาสจะแห้งคาขวดได้ง่ายมาก

ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้คุณไม่ต้องเลือกอะไรมาก เพราะจุดประสงค์ของมันก็คือใช้ทำความสะอาดใบหน้า โดยไม่ทำลายความชุ่มชื้นตามธรรมชาติบนผิวหน้า ถ้าจะเลือกก็ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวเท่านั้น อย่างเช่น ถ้าผิวของคุณแห้งมากก็เลือกใช้ชนิดครีม แต่มีผิวมันก็เลือกใช้แบบเจล

ครีมกันแดด สิ่งที่คุณควรให้ความสนใจมากกว่าเรื่องราคาก็คือค่า SPF โดยควรเลือกแบบที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไปสำหรับสาวออฟฟิศทั่วไป แต่ถ้าต้องออกไปอยู่กลางแจ้งนานๆ ก็ควรเลือกแบบที่มีค่า SPF 30 เรื่อยไปจนถึง 60 แต่ถ้าคุณมีผิวที่แพ้ง่าย ก็อาจจำเป็นต้องเลือกใช้ยี่ห้อดีๆ ที่ทำขึ้นมาสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ

อายครีม ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิวรอบดวงตาส่วนใหญ่ มักเป็นผลมาจากผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น ฉะนั้น ใช้อายครีมที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องเลือกแบบที่มีส่วนผสมอะไรพิเศษหรอก

ลิปบาล์ม ส่วนผสมของลิปบาล์มยี่ห้อไหนๆ ก็มักไม่แตกต่างกัน นั่นคือขี้ผึ้ง กลีเซอรีน และสารให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ แต่ถ้าใช้แล้วยังรู้สึกแห้งกร้านก็ควรโยนทิ้งไป เพราะอาจสร้างความเสียหายให้ริมฝีปากได้

คอนดิชันเนอร์ เราต่างรู้ดีว่าคอนดิชันเนอร์นั้นช่วยฟื้นฟูผมที่แห้งเสียให้เราได้ จึงมีคอนดิชันเนอร์ดีๆ อยู่ในท้องตลาดมากมาย รวมทั้งแบบราคาถูกที่วางขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย

สิ่งที่ควรค้องคำนึงถึงอายุของการใช้งาน
รองพื้น มีสองแบบคือแบบสูตรน้ำกับสูตรน้ำมัน อย่างแรก มีอายุราว 12 เดือน อย่างหลังจะอยู่ได้นามกว่าคือ 18 เดือน หลังจากเปิดใช้ ถ้าคุณสังเกตเห็นสีที่เปลี่ยนไป หรือมีกลิ่นไม่ดี ก่อนเวลาก็ไปซื้อใหม่ได้แล้วล่ะ

คอนซีลเลอร์ สามารถใช้ได้นานถึง 12 เดือน แต่ถ้ามันเริ่มแห้งแข็งก็โยนมันทั้งไปก่อนได้เลย

แป้ง แป้ง ฝุ่นจะใช้ได้นานสองปี ส่วนแป้งแข็งจะอยู่ได้ราวหนึ่งปี เพราะน้ำมันที่สะสมอยู่ในฟองน้ำที่ใช้ทำให้มันเสียได้ง่ายกว่า ฉะนั้น ควรทำความสะอาดฟองน้ำอย่างสม่ำเสมอ และก็แผ่นพลาสติกที่รองกั้นระหว่างแป้งกับฟองน้ำเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันสัมผัสกับแป้งโดยตรง

อายแชโดว์ สามารถใช้ได้นานถึงสามปี แต่ถ้ามันเริ่มแตกร่อน ก็ควรหาอันใหม่ได้แล้ว

ดินสอเขียนขอบตา อยู่ได้นานถึงสามปี แต่ให้แน่ใจง่ายเหลามันอยู่เสมอ ส่วนแบบดินสอที่ไม่ต้องเหลาอาจแห้งได้ง่ายกว่า และถ้ามันแห้งก็ควรโยนทิ้งไปได้แล้ว

มาสคาร่า ใช้ได้ราว 4 เดือน ถ้าเก็บไว้นานกว่านั้นมันจะแห้งแข็งและทาได้ยาก

ลิปสติก หนึ่งถึงสองปี แต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะตักสินก็คือ คนกลิ่นดูว่ามันมีกลิ่นแปลกไปจากที่เคยเป็นหรือเปล่า

ยาทาเล็บ ใช้ได้ราวหนึ่งปี และพยายามอย่าให้มีอะไรบ่นเปื้อนลงไปในขวด

ที่มา: women.thaiza.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

เคล็ดไม่ลับ การแต่งหน้าสำหรับมือใหม่หัดแต่ง

“ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” สุภาษิตที่ยังสามารถใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย
วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับการเมคอัพสำหรับมือใหม่หัดแต่ง ที่จะช่วยให้คุณหยิบจับเครื่องสำอางและใช้มันแต่งหน้าได้อย่างสนุกและมั่นใจมากยิ่งขึ้น

1. ทำความรู้จักกับผิวตัวเอง  สิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณแต่งหน้าออกมาได้ประสบความสำเร็จ (ออกมาสวยและดูดีนั่นเอง) ก็คือต้องรู้จักกับสภาพผิวของตัวเองเสียก่อน รู้ว่าผิวของคุณเป็นแบบไหนแห้ง หรือมัน มีจุดด่างดำเยอะแค่ไหน ต้องการปกปิดมากเท่าไหร่ แพ้ง่ายหรือเปล่า สีผิวเฉดอะไร ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกเครื่องสำอางได้ถูกต้องและเหมาะกับผิว รวมทั้งรู้วิธีการบำรุงผิวที่เหมาะสมกับตัวเองด้วย

2. บำรุงเพิ่มความชุ่มชื้น เลือกบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์สูตรที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือว่าผิวแพ้ง่าย

3. ไพร์เมอร์ เมื่อบำรุงผิวแล้วขั้นตอนต่อมาก็เป็นการใช้ไพรม์เมอร์ ซึ่งจะช่วยให้เครื่องสำอางที่จะแต่งลงไปหลังจากนี้ติดทนนาน สีสดไม่ลบเลือน ทำให้ใบหน้าของคุณดูสดใสได้ตลอดทั้งวัน

4. เลือกเฉดสีที่พอดีกับผิว เมื่อได้ทำความรู้จักกับสภาพผิวและสีผิวของตัวเองไปเป็นอย่างดีแล้ว คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนของการเลือกซื้อและเลือกใช้เครื่องสำอาง โดยเฉพาะส่วนของรองพื้น คุณควรเลือกสีที่พอดีกับสีผิวจริง ๆ ของคุณ เพราะมันจะได้แนบเนียนสนิทเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้เห็นความต่างระหว่างผิวส่วนที่ทารองพื้นกับผิวเปลือย

5. คอนั้นสำคัญไฉน หากไม่อยากให้ใครเดินเข้ามาทักว่าใช้รองพื้นเบอร์อะไร หน้าขาวลอยออกมาเชียว! ก็อย่าลืมเกลี่ยรองพื้นไม่ว่าจะเป็นเนื้อฝุ่นหรือว่าเนื้อครีมลงไปยังลำคอของคุณด้วย คราวนี้สีผิวจะได้สม่ำเสมอเรียบเนียน ไม่ต้องกลัวคนทักให้อายอีกแล้ว

6. เนื้อฝุ่น กับ เนื้อครีม อย่างไหนดีกว่ากัน สาวๆ มือใหม่คงจะสับสนว่าควรเลือกใช้รองพื้นและบลัชแบบไหนดี เพราะปัจจุบันมีทั้งแบบเนื้อฝุ่นและเนื้อครีมให้เลือกใช้ คำตอบก็คือไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรดีกว่ากัน อยู่ที่คุณได้ลองแล้วถนัดใช้แบบไหนมากกว่านั่นเอง

7. บรอนเซอร์ นักเมคอัพมือใหม่อาจรู้สึกว่าการใช้บรอนเซอร์แต่งหน้าแล้วทำให้หน้าดูน่ากลัว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะคุณหนักมือกับมันมากเกินไป สำหรับคนที่ยังหัดแต่งหน้าอยู่ ให้ลองใช้บรอนเซอร์เพียงเล็กน้อยปัดเบา ๆ ที่หน้าผาก โหนกแก้ม และสันจมูก รับรองว่าจะทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น และยังได้ผิวที่ดูบ่มแดดเล็ก ๆ ด้วย

8. บลัชออน ดูเหมือนจะเป็นเครื่องสำอางชิ้นแรก ๆ ที่สาวหัดเมคอัพส่วนใหญ่มีในครอบครอง จงจำเอาไว้ว่าให้เลือกบลัชที่เข้ากันได้ดีกับสีผิวของคุณ และปัดแค่พอระเรื่อเท่านั้น อย่าหนักมือปัดจนแก้มแดงเถือกเป็นอันขาด

9. มาสคาร่า ไม่มีสูตรตายตัวสำหรับการเลือกใช้มาสคาร่า คุณสามารถเลือกลองได้หลาย ๆ ยี่ห้อจนกว่าจะพบแบบที่พอใจ จำไว้แต่หลักการเลือกเพียงว่า ขนตาสั้นให้เลือกแบบเพิ่มความยาว แต่ถ้าขนตาบางให้เลือกแบบเพิ่มความหนา และอย่าลืมเลือกแบบที่กันน้ำได้ด้วยนะคะ

10. อายไลน์เนอร์ นี่เป็นเมคอัพไอเท็มอีกหนึ่งชิ้นที่จะเปลี่ยนลุคของคุณได้ง่าย ๆ และเหมาะกับสาวตาตี่ เพราะจะทำให้ตาดู “ตื่น” และสดใส ลองกรีดอายไลน์เนอร์หลาย ๆ แบบ ทั้งตวัดขึ้นแบบ cat eye ลากตรง ๆ หากไม่ตวัด หรือลากหนา ๆ ให้ตาดูดำเข้ม ฯลฯ แล้วคุณจะได้พบตัวเองในลุคที่หลากหลาย เก็บเป็นแรงบันดาลใจได้ในการแต่งหน้าสำหรับโอกาสต่าง ๆ

11. เขียนคิ้ว แค่จัดคิ้วให้ได้รูปทรงก็ทำให้ดวงตาของคุณดูสดใสขึ้นได้มากแล้ว สาวคิ้วบางจะใช้ที่เขียนคิ้วแบบดินสอหรือแบบเนื้อฝุ่นเพื่อเติมความคมเข้มให้คิ้วก็ได้ ส่วนสาวคิ้วหนาลองกันคิ้วออกบ้างให้ได้รูปสวย เท่านี้ใบหน้าและดวงตาก็ดูสดใสขึ้นเยอะแล้ว

12. ลิปสติก เพื่อเลือกลิปสติกสีที่ใช่สำหรับตัวคุณ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ลองทาและดูว่าสีไหนที่ขับผิวให้คุณดูเปล่งปลั่ง ทำให้ริมฝีปากคุณดูอิ่มเอิบมากที่สุด

13. ลิปกลอส ถ้าคุณรู้สึกไม่ถูกใจสีสันสด ๆ และจัดจ้านจากลิปสติกแล้วล่ะก็ การใช้ลิปกลอสน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า มันให้ประกายของสีเคลือบฉาบที่เรียวปากพร้อมกับความแวววาวที่ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม

14. ลิปไลน์เนอร์ ลิปไลน์เนอร์อาจไม่ใช่ไอเท็มแต่งหน้าที่จำเป็นต้องมี แต่มันก็เป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้ริมฝีปากบาง ที่จะช่วยทำให้ดูหนาขึ้นด้วยการเขียนขอบปากให้เห็นชัดเจน และยังช่วยเรื่องป้องกันลิปสติกเปรอะเลอะออกนอกขอบปากได้ดีอีกด้วย

15. ชิมเมอร์ ประกายแวววาวของชิมเมอร์ไม่ว่าจะจากบลัช อายแชโดว์ หรือว่าลิปกลอส ช่วยให้ผิวส่วนนั้นดูวาววิบวับ เลือกใช้ชิมเมอร์บาง ๆ สำหรับแต่งหน้าตอนกลางวัน และชิมเมอร์จัดสำหรับการแต่งหน้าไปงานกลางคืน นอกจากนี้ให้แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางที่มีชิมเมอร์แค่คราวละส่วนของใบหน้าเท่านั้น หากใส่ชิมเมอร์เข้าไปทั้งที่แก้ม ตา ปาก ฯลฯ พร้อม ๆ กัน หน้าของคุณคงจะดูตลกเกินไป

16. ฟินิชชิ่ง พาวเดอร์ ในขณะที่ไพรม์เมอร์ช่วยให้เครื่องสำอางบนใบหน้าติดทน การใช้ ฟินิชชิ่ง พาวเดอร์ ปัดทับทั่วใบหน้าหลังแต่งหน้าเสร็จ ก็เป็นเหมือนการรับประกันอีกชั้นหนึ่งว่าเครื่องสำอางที่แต่งไว้จะไม่ลบเลือนไปได้ง่าย ๆ แน่นอน ทั้งยังช่วยเรื่องดูดซับความมันได้เป็นอย่างดี

เคล็ดลับทั้งหมดเหล่านี้เป็นคำแนะนำที่ดีสำหรับนักแต่งหน้ามือใหม่ แต่ถ้าอยากจะรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณคืออะไร ก็ต้องได้ทดลองแต่งหน้าตัวเองในหลาย ๆ แบบดูนะคะ

ที่มา : prthai.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 สุดยอดสมุนไพรช่วยแก้ปัญหาผิวพรรณ

ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ผิวบอบบางและแพ้ง่าย หมายถึงผิวที่หย่อนคล้อย บอบบางและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงของสีผิว มีลักษณะเป็นสีขาวด่าง แดง หรือน้ำตาลเทาถึงผิวบริเวณผิวหนังและอาการอาจรวมถึงผื่นแดงและอาการคันที่รุนแรง ปัญหาผิวประเภทนี้มักเกิดขึ้นที่หน้าอก ใบหน้าและขา

สาเหตุที่อยู่เบื้องหลังผิวรอยแดงอาจเป็นได้หลายอย่าง มันสามารถเกิดจากโรคผิวหนังเช่น โรซาเซีย rosacea, กลาก, โรคสะเก็ดเงิน โรคขนคุดและอื่น ๆ นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น เย็นเกินไปหรือแห้งเกินไป

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดผิวหยาบกร้านบนใบหน้า อาการนี้เรียกว่า melasma หรือ chloasma หรือชื่อภาษาไทย คือ ฝ้าที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง

ผิวคล้ำหรือรอยแดงอาจเกิดขึ้นได้หลังจากที่ผิวของคุณได้รับบาดเจ็บ เช่น การเผาไหม้หรือการบาดเจ็บ สภาพผิว เช่น ผื่นแพ้ ปฏิกิริยาหรือสิว ; และการติดเชื้อ เช่น เกลื้อน พยาธิตัวกลม หรือกลากเกลื้อน ความเครียดที่มากเกินไปสารระคายเคืองต่อสิ่งแวดล้อมและปัจจัยทางพันธุกรรมอาจทำให้เกิดปัญหาผิวประเภทนี้ได้

โดยไม่คำนึงถึงว่าทำไมมันเกิดขึ้นที่ผิวหนังมีรอยสีซีดจางสามารถทำให้ไม่สงบที่จะมองและทำให้คุณปรากฏแก่กว่าคุณจริงๆ ผู้ที่ประสบปัญหานี้พร้อมที่จะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อกำจัดปัญหานี้

คุณสามารถเลือกใช้วิธีการรักษาที่บ้านได้หากสาเหตุของปัญหาผิวหนังไม่รุนแรง อย่างไรก็ตามสำหรับสาเหตุที่ร้ายแรงขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสม

1. ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาอาการผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และปัญหาผิวต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผิวที่ถูกทำร้ายจากการถูกแดดเผา คุณสมบัติต้านการอักเสบสามารถลดอาการอักเสบผิวหนังแดงและบวมที่เกิดจากผิวหนังไหม้ได้

นอกจากนี้คุณสมบัติให้ความความชุ่มชื้นของเจลว่านหางจระเข้สามารถช่วยให้ผิวชุ่มชื้นซึ่งจะช่วยบรรเทา และรักษาผิวของคุณและคืนค่าสีผิวที่แข็งแรงและแม้กระทั่งฟื้นฟูให้ผิวขาวกระจ่างใส

วิธีใช้: ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ และนำเจลว่านหางจระเข้ ใส่ชามบดด้วยส้อม
ใช้เจลว่านหางจรเข้ทาลงบนผิวที่หยาบกร้านของคุณโดยใช้มอ ค่อยๆนวด
ทิ้งไว้บนผิวของคุณอย่างน้อย 20 ถึง 30 นาที
สุดท้ายล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ปฏิบัติเช่นนี้ 2 – 3 ครั้งต่อวันจนกว่าคุณจะมีผิวที่กระจ่างใสและดูมีสุขภาพดี


2. ข้าวโอ๊ต

อีกหนึ่งวิธีง่ายๆในการรักษาสภาพผิวไม่สม่ำเสมอคือ การใช้ข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ตเป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดีที่ช่วยบำรุงผิวที่แห้งมากซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดผิวหยาบกร้าน นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยจัดการกับผื่นแดงและอาการคัน สามารถใช้ข้าวโอ๊ตเพื่อกำจัดผิวที่หยาบกร้าน คุณสามารถใช้ทรีทเมนต์ต่อไปนี้ 3 หรือ 4 ครั้งต่อสัปดาห์:

วิธีที่ 1 : เติมข้าวโอ๊ตบด 2 ช้อนโต๊ะและเพิ่มน้ำอุ่น 2-3 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำมะเขือเทศ) และน้ำผึ้ง ½ ช้อนชา ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
ใช้ส่วนผสมนี้ทาลงบนผิวที่หยาบกร้านของคุณ ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วนวดเบาๆบนผิวโดยใช้นิ้วที่ชื้นนวดเบาๆ ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
วิธีที่ 2 : เติมน้ำในอ่างด้วยน้ำอุ่น เติมข้าวโอ๊ตลงในอ่างน้ำ แล้วใส่แป้งข้าวโอ๊ต 1 ½ ถ้วยลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน แช่ตัวลงในน้ำประมาณ 15 ถึง 20 นาที แล้วอาบน้ำ ชำระล้างร่างกายด้วยสบู่สูตรนม อ่อนโยนต่อผิว
วิธีที่ 3 : เติมข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ นมสด ½ ถ้วย น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันดีและปล่อยให้เย็นลง ทาส่วนผสมบนผิวบริเวณที่ได้รับผลกระทบประมาณ 20 นาทีก่อนล้างออก


3. น้ำมันมะพร้าว

กรดไขมันในน้ำมันมะพร้าวทำให้น้ำมันนี้มีความชุ่มชื้นที่ดีสำหรับผิวแห้งซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการผิวหยาบกร้านไม่สม่ำเสมอ ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ในเวลาเดียวกันก็มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรียช่วยลดรอยแดงและอักเสบ

วิธีใช้: ถูน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ระหว่างฝ่ามือของคุณ ใช้น้ำมันอุ่น ๆ ลงบนผิวหยาบของคุณ ถูเบา ๆ ประมาณ 5 ถึง 10 นาที ปล่อยทิ้งไว้ให้น้ำมันซึมลึกสู่ผิวปฏิบัติเช่นนี้ 2 หรือ 3 ครั้งต่อวัน
หรือเลือกใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ 2 ช้อนโต๊ะและน้ำตาลและน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมส่วนผสมให้เข้ากัน และทาลงบนผิวที่หยาบกร้าน  ทิ้งไว้ให้ซึมลึกสู่ผิว ปฏิบัติเช่นนี้เป็นเวลา 2 สัปดาห์


4. โยเกิร์ต

โยเกิร์ตทำงานได้ดีบนผิวที่หยาบกร้านโดยเฉพาะเมื่อเกิดจากแสงแดด โยเกิร์ตช่วยลดจุดด่างอายุ ผิวคล้ำเสียจากแสงแดด และผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด

ประกอบด้วยกรดแลคติกซึ่งมักใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ออกแบบมาเพื่อรักษาผิวหยาบและแห้ง กรดแลคติคทำงานเป็นสารขัดผิวเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอาจเป็นสาเหตุเบื้องหลังผิวที่หยาบกร้าน โยเกิร์ตยังมีฤทธิ์ในการทำความเย็นกับผิวซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผิวหนังที่ถูกแดดเผา

วิธีที่ 1 : ทาโยเกิร์ตลงบนผิวที่หยาบกร้านของคุณ ทิ้งไวให้ซึมลึกสู่ผิวประมาณ 20 ถึง 30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำซ้ำทุกวัน
วิธีที่ 2 : ผสมโยเกิร์ตธรรมดา 1 ช้อนโต๊ะ และผงขมิ้น 1 ช้อนชา ผสมส่วนผสมให้เข้ากัน ทั่วบริเวณผิวที่ได้รับผลกระทบ ปล่อยให้นั่งประมาณ 20 ถึง 30 นาทีหรือจนกว่าจะแห้ง ล้างด้วยน้ำอุ่นและลูบไล้ให้แห้ง ใช้วิธีนี้ 3 หรือ 4 ครั้งต่อสัปดาห์


5. ชาเขียว

การดื่มชาเขียวทุกวันมีคุณประโยชน์ตอสุขภาพมากมาย ชาเขียวยังเหมาะสำหรับการลดผิวบวมเนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติต้านการอักเสบในนั้น ชาเขียวช่วยขจัดความหมองคล้ำและอาการบวมที่ทำให้รู้สึกไม่สบายผิว

วิธีใช้: แช่ถุงชาเขียวไว้ในถ้วยน้ำอุ่นประมาณ 10 นาที และนำถุงชาออก
เติมแป้งข้าวเจ้าลงในน้ำชาและผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
ทาลงบนใบหน้าและผิวที่หยาบกร้าน
ทิ้งไว้บนผิวของคุณประมาณ 15 ถึง 20 นาทีก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ทำซ้ำ 2 หรือ 3 ครั้งต่อสัปดาห์
พร้อมกับการใช้มาร์คหน้าชาเขียวนี้กับผิวของคุณ ควรดื่มชาเขียวควบคู่ไปด้วย


6. เบคกิ้งโซดา

บางครั้งในการรักษาผิวที่หยาบกร้าน ควรหมั่นขัดและสครับผิวอย่างอ่อนโยน เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายไป สำหรับการขัดผิวอ่อนโยนส่วนผสมในครัวที่ดีที่สุดคือเบคกิ้งโซดา เบคกิ้งโซดาช่วยลดรูขุมขนอุดตันและทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกเพื่อให้ผิวมีสุขภาพดี

วิธีใช้: ผสมเบคกิ้งโซดากับน้ำเล็กน้อยเพื่อให้ได้เนื้อครีม
ทาลงบนผิวหยาบกร้านของคุณ ทั้งลำตัวและใบหน้า
นวดผิวเบา ๆ สักครู่ด้วยปลายนิ้วของคุณ
ล้างออกด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ
ทามอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้น
ทำซ้ำทุกๆ 2 ถึง 3 วันจนกว่าคุณจะกำจัดผิวที่หยาบกร้านของคุณ


7. น้ำมันวิตามิน E

วิตามิน E ช่วยในการรักษาสีผิวที่ไม่เรียบเนียน ไม่สม่ำเสมอและรอยคล้ำ บนเกือบทุกส่วนของร่างกาย น้ำมันวิตามิน E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระวิตามิน E สามารถลดความเสียหายที่เกิดจากรังสียูวีที่รุนแรงของดวงอาทิตย์ได้ น้ำมันวิตามิน E มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาผิวแห้ง

วิธีใช้: สารสกัดจากแคปซูลวิตามินE  1 หรือ 2 แคปซูล ใส่น้ำมันละหุ่งลงไป 1 ช้อนชาและผสมให้เข้ากัน ใช้ส่วนผสมบนผิวที่ได้รับผลกระทบก่อนเข้านอนปล่อยทิ้งไว้ค้างคืนและล้างออกในเช้าวันรุ่งขึ้น ใช้วิธีการรักษาแบบนี้ทุกวันจนกว่าโทนสีผิวจะมีสุขภาพดีและสม่ำเสมอ
นอกจากนี้คุณยังสามารถนวดน้ำมันวิตามิน E ลงบนผิวหนังที่ได้รับผลกระทบได้เป็นเวลา 10 ถึง 15 นาทีวันละ 2 ครั้ง ทำเช่นนี้เป็นเวลา2-3 สัปดาห์เพื่อปรับสภาพสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอของคุณ


8. น้ำกุหลาบ

คุณสามารถใช้น้ำดอกกุหลาบเพื่อลดอาการผื่นแดงที่ผิวหนัง ช่วยบรรเทาผิวและลดรอยแดงเนื่องจากคุณสมบัติต้านการอักเสบ นอกจากนี้น้ำดอกกุหลาบจะช่วยรักษาผิวแม้กระทั่งการปรับสีผิวและสร้างเซลล์ผิวใหม่หลังจากที่ผลัดเซลผิวที่ตายแล้ว

วิธีใช้: ใส่น้ำกุหลาบเล็กน้อยลงบนสำลีและทาลงบนผิวที่หยาบกร้าน
ทิ้งไว้ประมาณ 15 ถึง 20 นาทีแล้วล้างหน้า
ทำแบบนี้ทุกวันทุกสัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ


9. น้ำผึ้ง

น้ำผึ้งถือเป็นหนึ่งในสารให้ความชุ่มชื่นตามธรรมชาติที่ดีที่สุดที่เต็มไปด้วยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงวของคุณและจัดการกับอาการผิวแห้งและไม่เรียบเนียน นอกจากคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น สารต้านอนุมูลอิสระแล้ว น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบอีกด้วย ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น นอกจากนี้น้ำผึ้งยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเพิ่มสุขภาพผิวของคุณ ให้แข็งแรงดูมีสุขภาพดี

วิธีใช้: ทาน้ำผึ้งดิบทั่วบริเวณผิวที่ได้รับผลกระทบ ปล่อยทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนอาบน้ำ ทำซ้ำทุกวัน
อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้น้ำผึ้ง ขี้ผึ้งและน้ำมันมะกอก ละลายขี้ผึ้งในไมโครเวฟหรือหม้อต้ม ด้วยไฟอ่อนๆ จากนั้นให้ผสมน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอกและปล่อยให้เย็น ใช้ส่วนผสมนี้ทั่วบริเวณที่ได้รับผลกระทบและทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีก่อนอาบน้ำ ทำซ้ำทุกวัน ๆ


10. แตงกวา

แตงกวามีคุณสมบัติของความสดชื่นและความเย็น ช่วยรักษาผิวที่หยาบกร้านและแห้งได้ดีเนื่องจากช่วยให้ผิวของคุณควบคุมการผลิตเมลานิน แตงกวามีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยลดการอักเสบของผิว พวกเขายังอุดมไปด้วยวิตามิน C ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผิวและการชะลอความชรา นอกจากนี้กรด pantothenic ในแตงกวายังช่วยให้ผิวรักษาความชุ่มชื้นกักเก็บน้ำไว้ได้อีกด้วย

วิธีใช้: ผสมปริมาณแตงกวาและน้ำมะนาวให้เท่ากัน
ใช้ทาลงบนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบประมาณ 20 ถึง 30 นาที
ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำซ้ำวันละครั้ง

ที่มา : beautyclubthailand.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 วิธีล้างเครื่องสำอางจากธรรมชาติ เพื่อสุขภาพผิวที่ดี

เครื่องสำอาง ถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่สวยงามที่สุด ที่ผู้หญิงทุกคนใช้หรือแม้กระทั่งไปเรียน ไปทำงาน ไปเที่ยว ออกสังคม หลังจากที่กลับมาแล้วขั้นตอนที่น่าเบื่อหน่ายและทำร้ายผิวมากที่สุดคือการล้าง เช็ด เครื่องสำอางออก สำหรับการล้างเครื่องสำอางออกส่วนใหญ่เราจะใช้ผลิตภัณฑ์สารเคมีที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามซุปเปอร์มาร์เก็ตซึ่งง่ายและสดวกแต่หากทำร้ายผิวหน้าอย่างหนักโดยเฉพาะน้ำยาลบเลือนเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ซึ่งสามารถล้างเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด แต่ระคายเคืองต่อผิวและทำให้ผิวแห้งเสียบางยี่ห้อ ถึงกับมีส่วนผสมของ ฟอร์มาลีน (Formalin) หรือ ฟอร์มัลดีไฮด์ จะดีกว่าไหม หากเราสามารถใช้น้ำยาล้างเครื่องสำอางที่มาจากธรรมชาติ 100% และสามารถทำเองได้ที่บ้าน (Homemade) หากคุณมีผิวที่แห้งเสียต้องการ การบำรุงดูวิธีการทำสครับบำรุงผิวโฮมเมดด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่นี่ 10 เคล็ดลับ โฮมเมดการทำสครับผิวเพื่อผิวกระจ่างใส

1. น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ น้ำมันมะพร้าวเป็นส่วนผสมเดียวที่ทำหน้าที่เป็นน้ำยาล้างเครื่องสำอางธรรมชาติ, ครีมบำรุงผิว, Lip Balm และอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยเหตุผลเหล่านี้น้ำมันมะพร้าวเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่สาวๆต้องมีเก็บไว้ติดบ้านน้ำมันมะพร้าวนี้จะทำความสะอาดผิวของคุณโดยไม่ทำลายให้ผิวแห้งเสียและน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์นั้นเป็นน้ำยาลบมาสค่าและลิปสติคที่ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากลบเครื่องสำอางออกแล้วน้ำมันมะพร้าวยังช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่น

วิธีใช้ : นวดน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ระหว่างฝ่ามือของคุณเพื่อช่วยให้น้ำมันแตกตัวในรูปแบบของเหลวและเข้ากัน ใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์นวดให้ทั่วใบหน้าและนวดเบาๆ เช็ดทุกอย่างออกจากใบหน้าของคุณด้วยสำลี ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว เพื่อขจัดน้ำมันส่วนเกิน และเครื่องสำอาง เพื่อลบมาสคาร่าและลิปสติก เทน้ำมันมะพร้าวลงบนสำลีและเช็ดออกเบาๆที่ขนตาและลิปสติก


2. นมสด นม เป็นน้ำยาล้างเครื่องสำอางที่ดีที่สุด และมีราคาถูกกว่าน้ำยาล้างเครื่องสำอางทำร้ายผิวที่เราซื้อมา ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต เป็นที่รู้จักกันอย่างดี ว่า นมนั้นอุดมไปด้วยคุณค่าและดีต่อสุขภาพผิวปริมาณไขมันและโปรตีนในนมเป็นสารบำรุงผิวจากธรรมชาติอย่างดีที่ช่วยบำรุงให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่นนุ่มนวลและมีสุขภาพดี

วิธีใช้ : เทนมใส่ชสม หรือภาชนะ จุ่มสำลีลงไปในนมให้ชุ่มและบีบหมาดๆ เช็ดสำลีชุ่มน้ำนมให้ทั่วใบหน้า ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


3. ว่านหางจระเข้ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาสารเคมี และทำร้ายผิว คุณสามารถใช้ว่านหางจระเข้ที่นอกจากมีคุณสมบัติทำให้ผิวชุ่มชื่นอิ่มน้ำแล้ว ยังสามารถลบล้างเครื่องสำอางได้อีกด้วย เจลว่านหางจระเข้สามารถล้างเครื่องสำอางออกจากผิวของคุณอย่างสะอาดหมดจดและยังช่วยให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื่นอิ่มน้ำ ไม่ทำร้ายผิว

วิธีใช้ : ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ ใช้เฉพาะส่วนที่เป็นเจล นำมาบดให้ละเอียดและใช้สำลีชุบว่านหางจรเข้ให้สำลีชุ่ม
เช็ดให้ทั่วใบหน้าเพื่อล้างเครื่องสำอางออก ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว
ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


4. น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์

น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เป็นอีกหนึ่งน้ำยาล้างเครื่องสำอางจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ สามารถล้างเครื่องสำอางและในขณะเดียวกันก็บำรุงผิวทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้น เนียนนุ่มและมีสุขภาพดีไม่แห้งเสีย นอกจากนี้น้ำมันมะกอกเหมาะกับทุกสภาพผิวอีกด้วย

วิธีใช้ : ใช้สำลีชุบน้ำมันมะกอกให้ชุ่ม เช็ดให้ทั่วใบหน้าที่ต้องการล้างเครื่องสำอางออก สามารถผสมน้ำมันมะกอกกับครีมอาบน้ำเด็กและนำมาล้างหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรักษาผิวได้ ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


5. โยเกิร์ต โยเกิร์ตเป็นอีกหนึ่งผลิตภันฑ์ประจำครัวที่ทุกบ้านต้องมี นอกจากประโยชน์ในการลดความอ้วนแล้ว ยังสามารถใช้มาสก์หน้า สครับผิวเพื่อบำรุงผิว และนำมาล้างเครื่องสำอางได้อีกด้วย และสามารถลดอาการเจ็บปวดจากการที่ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด ช่วยรักษาผิวให้นุ่ม ชุ่มชื้น

วิธีใช้ : เทโยเกิร์ตใส่ชามหรือภาชะ และใช้สำลีจุ่มให้ชุ่ม ถูให้ทั่วใบหน้า เป็นวงกลม และทำซ้ำๆจนล้างเครื่องสำอางออกจนหมด
ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


6. น้ำกุหลาบ

น้ำดอกกุหลาบเป็นน้ำยาล้างเครื่องสำอางธรรมชาติที่ดีสำหรับทุกสภาพผิว ช่วยทำความสะอาดผิวของคุณและทำงานเป็นโทนเนอร์บำรุงผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ น้ำดอกกุหลาบช่วยเพิ่มเปล่งประกายกระจ่างใสให้กับผิวของคุณ (สามารถใช้น้ำดอกกุหลาบล้างหน้าได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดี)

วิธีใช้ : ใช้สำลีชุบน้ำกุหลาบให้ชุ่ม ถูให้ทั่วใบหน้า เป็นวงกลม และทำซ้ำๆจนล้างเครื่องสำอางออกจนหมด ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว คุณสามารถทำน้ำดอกกุหลาบไว้ล้างหน้าได้เองที่บ้านด้วยขั้นตอนง่ายๆ DIY วิธีทำน้ำกุหลาบ Homemade


7. น้ำมันโจโจบา

น้ำมันโจโจบาสามารถใช้เป็นครีมบำรุงผิว และบำรุงผมได้เป็นอย่างดี มีประสิทธิภาพ และคุณยังสามารถใช้เป็นน้ำยาล้างเครื่องสำอางธรรมชาติ นอกจากล้างเครื่องสำอางแล้วยังช่วยบำรุงผิวทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้น เนียนนุ่มและมีสุขภาพดีไม่แห้งกร้าน น้ำมันโจโจบานั้นอ่อนโยนมาก และไม่ระคายเคืองต่อผิวเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย มีค่า pH ที่สมดุลและไม่อุดตันผิวเหมาะสำหรับผิวอ่อนโยนแพ้ง่าย

วิธีใช้ : ใช้สำลีชุบน้ำมันโจโจบาให้ชุ่ม ถูให้ทั่วใบหน้า เป็นวงกลม และทำซ้ำๆจนล้างเครื่องสำอางออกจนหมด ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


8. แตงกวา

แตงกวามีคุณสมบัติต่อต้านการอักเสบและน้ำมันธรรมชาติในแตงกวามีคุณสมบัติเหมาะที่จะใช้เป็นโทนเนอร์หลังล้างหน้า เราสามารถทำสารสกัดจากน้ำแตงกวาเก็บไว้ในขวดสเปรย์

วิธีใช้ : ใช้สเปรย์พรมน้ำแตงกวาน้ำบนใบหน้าของคุณจากนั้นใช้ผ้าเช็ดลงไปเบา ๆเพื่อทำความสะอาดผิวของคุณ
ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว สำหรับการล้างเครื่องสำอางหรือน้ำผสมน้ำแตงกวากับน้ำมันมะกอกในอัตราส่วน 2: 1 ถูสำลีลงบนใบหน้าของคุณและทำความสะอาดมันออกด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาด
ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


9. กล้วย

หากคุณต้องการการบำรุงและให้ความชุ่มชื่นให้แก่ผิวของคุณในขณะที่คุณทำความสะอาด ล้างเครื่องสำอางออกจากใบหน้า กล้วยเป็น 1 ทางเลือกที่ดีที่สุด

วิธีใช้ : บดกล้วยหอมสุกด้วยช้อนไม้ เติมน้ำผึ้งและผสมให้เข้ากันกับกล้วย นำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ 5 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


10. อะโวคาโด

อะโวคาโดนั้นมีคุณสมบัติที่ดีในการลบเครื่องสำอางออกจากรอบดวงตา กรดโอเมก้า 3 ไขมันและวิตามิน A, D และ E ในอโวคาโดเป็นครีมบำรุงผิวอย่างดีในการบำรุงรอบดวงตาและล้างเครื่องสำอางออก

วิธีใช้ : บดอโวคาโดลงในชามด้วยช้อนไม้ ใช้สำลีชุบลงไป

ที่มา : www.beautyclubthailand.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


สมุนไพรไทยกับเครื่องสำอาง

อุตสาหกรรมเครื่องสำอางเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย ดังเห็นได้จากการเติบโตของการส่งออกเครื่องสำอางที่มีมูลค่าการตลาดสูงอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีแผนในการพัฒนาองค์ความรู้ของประชากรในประเทศทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการศึกษาและวิจัย โดยมุ่งเน้นงานวิจัยแบบมุ่งเป้าที่สามารถนําองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ในภาคธุรกิจได้ ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาประเทศให้พึ่งตนเองได้ในอนาคต รวมทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติโดยเพิ่มรายได้ ลดการนําเข้าและเพิ่มการส่งออก ผลิตณฑ์ธรรมชาติและสมุนไพรรวมทั้งภูมิปัญญาพื้นบ้านไทยเป็นองค์ความรู้ที่มีข้อได้เปรียบที่จะสามารถนํามาใช้เป็นเอกลักษณ์ของจุดขายในธุรกิจเครื่องสำอางโดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องสําอางจากธรรมชาติในการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้

แนวโน้มตลาดเครื่องสำอางในปัจจุบันเน้นเครื่องสำอางที่มาจากธรรมชาติ โดยมีการนําสารสกัดจากธรรมชาติ สมุนไพรและภูมิปัญญาพื้นบ้านมาเป็นวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและต้นทุนต่ำ สําหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสําอาง ประเทศไทยมีความได้เปรียบในองค์ความรู้ของความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งสมุนไพรและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีการใช้สืบต่อกันมานานหลายชั่วอายุคน หากสามารถนําองค์ความรู้เหล่านี้มาพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ก็จะสามารถใช้เป็นเอกลักษณ์เพื่อประโยชน์ในทางธุรกิจในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ช่วยให้ได้ผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางจากธรรมชาติที่เป็นที่ยอมรับและสามารถแข่งขันในตลาดสากลได้ โดยเฉพาะตลาดหลักคือสหรัฐอเมริกา ยุโรปและจีนรวมทั้งประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการนําผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สมุนไพรไทยและภูมิปัญญาพื้นบ้านไทยมาพัฒนาเป็นวัตถุดิบเครื่องสําอางอย่างจริงจังเท่าที่ควร ดังเห็นได้จากที่มีการนําเข้าด้วยมูลค่าสูงของวัตถุดิบธรรมชาติจากต่างประเทศเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสําอาง ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากขาดความน่าเชื่อถือของสมุนไพรไทยเพราะขาดข้อมูลการวิจัยด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย ขาดการพัฒนาวัตถุดิบจากสมุนไพรไทยที่เป็นระบบ ขาดการนําเทคโนโลยีมาประยุกต์กับสมุนไพรไทย และในประการสําคัญคือ ขาดการจัดระบบขององค์ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ธรรมชาติสมุนไพรไทยและภูมิปัญญาพื้นบ้านไทยที่จะช่วยให้การนําสมุนไพรไทยไปใช้ประโยชน์ทางเครื่องสําอางได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม

ผู้ประกอบการเครื่องสําอางจากธรรมชาติในประเทศไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ส่วนใหญ่ยังขาดข้อมูลและองค์ความรู้ของผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สมุนไพรไทยและภูมิปัญญาพื้นบ้านไทยเพื่อใช้ตัดสินใจในการคัดเลือกสมุนไพรเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจในการนํามาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางในขณะนี้ ยังไม่มีการจัดระบบขององค์ความรู้ให้เป็นฐานข้อมูลเฉพาะที่รวบรวมองค์ความรู้และผลงานวิจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรไทยที่มีอยู่ในประเทศไทยที่มีศักยภาพที่จะสามารถนํามาพัฒนาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสําอาง การรวบรวมองค์ความรู้และจัดเป็นระบบโดยจัดทําเป็นฐานข้อมูลเฉพาะสําหรับสมุนไพรใช้ทางเครื่องสําอาง รวมทั้งการมีโปรแกรมที่จะสามารถสืบค้นข้อมูลต่างๆ ของสมุนไพรไทยได้โดยง่ายแล้ว จะช่วยให้ผู้ประกอบการมีข้อมูลผลงานวิจัยต่างๆของสมุนไพรเกี่ยวกับผลทางเครื่องสําอางที่จะสามารถนําไปใช้ตัดสินใจเพื่อคัดเลือกสมุนไพรไปต่อยอดผลิตเป็นเครื่องสําอางสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย เป็นการช่วยส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจเครื่องสําอางจากสมุนไพร ช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทยสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางจากธรรมชาติที่นําเข้าจากต่างประเทศ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลก

ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 – 2560 กลุ่มควบคุมเครื่องสำอาง สำนักควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยในการจัดทำฐานข้อมูลสมุนไพรไทยที่ใช้ทางเครื่องสำอาง (Thai Medicinal Plants for Cosmetics Database หรือ TMPCD) ในระยะที่ 1 – 3 แก่คณะผู้วิจัย (ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์มานานมากกว่า 25 ปี ในการจัดทำฐานข้อมูลตำรับยาสมุนไพรไทย “มโนสร้อย 3”) ประกอบด้วย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ภญ. อรัญญา มโนสร้อย (หัวหน้าโครงการ) และศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ภก. จีรเดช มโนสร้อย พร้อมด้วยคณะผู้วิจัยในศูนย์วิจัยสุขภาพและความงามมาโนเซ่ (www.manose.co) โดยผ่านทางศูนย์บริหารงานวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ฐานข้อมูลนี้บรรจุข้อมูล องค์ความรู้และผลงานวิจัยต่างๆในรูปแบบ monograph ที่มี 22 หัวข้อของสมุนไพรต่างๆ ที่มีในประเทศไทยที่สามารถนำมาใช้ทางเครื่องสำอางได้จำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัว โดยเน้นข้อมูลเกี่ยวกับฤทธิ์และความปลอดภัยทางเครื่องสำอาง การเตรียมสารสกัด การตรวจสอบวิเคราะห์และการพิสูจน์เอกลักษณ์ของสารสำคัญที่มีฤทธิ์ทางเครื่องสำอาง รวมทั้งผลงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสำอางโดยมีโปรแกรมที่จะสามารถสืบค้นด้วยคำสำคัญ (key words) ต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ 1-5 คำสำคัญ ซึ่งสามารถสืบค้นได้ทั้งแบบด่วนและแบบละเอียด คณะผู้วิจัยยังได้จัดทำโปรแกรม application ของฐานข้อมูลนี้เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้ในการดูและสืบค้นข้อมูลได้ในมือถือทั้งระบบ android และ ios

ฐานข้อมูลนี้จะสนับสนุนการใช้องค์ความรู้ วัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญาไทยและเทคโนโลยีสารสนเทศในรูปแบบฐานข้อมูลเพื่อการสืบค้นข้อมูลในด้านต่างๆ ของสมุนไพรที่มีศักยภาพในการนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้ประกอบการจะสามารถนำไปใช้เป็นจุดเด่น เอกลักษณ์ที่แตกต่างและได้เปรียบกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ได้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการนอกจากจะสามารถนำผลการสืบค้นจากฐานข้อมูลนี้ไปใช้ตัดสินใจเลือกสมุนไพรที่จะเป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการผลิตในเชิงพาณิชย์ และใช้เป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์โดยเป็น Geographical Index (GI) แล้ว ข้อมูลที่สืบค้นได้ยังมีประโยชน์สำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการควบคุม กำกับดูแล และให้การสนับสนุน SMEs ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางจากธรรมชาติและสมุนไพรไทย ดังนั้น ฐานข้อมูลนี้จึงมีส่วนช่วยสร้างและพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs ไทยในธุรกิจเครื่องสําอางจากธรรมชาติจากฐานความรู้ด้วยการสร้างแหล่งที่เป็นองค์ความรู้ในรูปแบบฐานข้อมูลทางด้านสมุนไพรที่จะช่วยให้ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจอยู่รอดได้ในภาวะของผลกระทบที่รุนแรงจากทั้งในและนอกประเทศ

หากคุณสนใจ สร้างแบรนด์เครื่องสําอางจากธรรมชาติ เรามีบริการให้คำปรึกษาครบวงจร  ติดต่อเรา

ที่มา : tmpcd.fda.moph.go.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


สิวหายด้วย มาส์กหน้าโฮมเมด

สิวและริ้วรอยแผลเป็น ที่เกิดจากสิวและรอยคล้ำใต้ตาเป็นฝันร้ายของสาวๆที่ดูแลรักษาผิวหน้าเป็นอย่างดี ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะบดบังความงามของใบหน้าของคุณ แต่ยังสร้างความเสียหายให้กับผิวของคุณ ผลิตภัณฑ์ความงาม สรรค์สร้างผลิตภัณฑ์มาเพื่อแก้ปัญหานี้ให้กับผู้หญิง แต่ก็ยังไม่ดีพอ ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นสารเคมีแต่อ้างว่าเป็นสูตรธรรมชาติ ฉะนั้นจะเป็นการดีกว่า หากเราทำผลิตภัณฑ์ลดเลือนรอยแผลเป็นและสิวด้วยตัวเอง แทนที่จะหาซื้อสินค้า คุณก็สามารถมองไปรอบ ๆ ตู้ห้องครัวของคุณ คุณสามารถหาส่วนผสมจากธรรมชาติหลายๆอย่างที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อผิวปราศจากสารเคมี หนึ่งส่วนผสมดังกล่าว คือ ขมิ้น เครื่องเทศสีเหลืองมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต่อสู้กับความเสียหายอนุมูลอิสระและช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียจากรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส

นอกจากนี้ก็จะมีประสิทธิภาพมากในการรักษาสิวลบแผลเป็นและลดริ้วรอยและความหมองคล้ำ มันมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P. สิวซึ่งก่อให้เกิดสิว นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ช่วยลดการอักเสบและความเจ็บปวด ขมิ้นและส่วนผสมในครัวอื่น ๆ ที่ช่วยบำรุงสุขภาพผิวที่ดีและสมบูรณ์แบบ คือน้ำผึ้ง, น้ำมันมะพร้าว และโยเกิร์ต น้ำผึ้งเป็นที่ดีสำหรับผิวของคุณชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ช่วยลดรอยแดงและการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับการเกิดสิว มันยังสามารถรักษารอยแผลเป็นจากสิวและทำให้ผิวของคุณเนียนนุ่ม น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียเช่นเดียวกับผลประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระสำหรับผิวของคุณ มันเป็นเรื่องใหญ่ในการรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวและสีซีดจางรอยแผลเป็นและสิว
โยเกิร์ตมีกรดแลกติกที่สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งก่อให้เกิดอาการของริ้วรอยเช่นริ้วรอย มันยังช่วยรักษาระดับค่า pH ของผิว เมื่อใช้มาสก์หน้าจากธรรมชาตินี้เป็นประจำ จะช่วยขจัดรอยแผลเป็น จุดด่างดำที่ไม่พึงประสงค์จากสิวได้

ที่มา : beautyclubthailand.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน