ส่องเทรนด์ สกินแคร์ 2020

เชื่อว่าสาวๆ คงจะเห็นผลิตภัณฑ์ออกใหม่มากมายที่จะช่วยดูแลผิวพรรณให้สวยเต่งตึงสู้กับกาลเวลาที่ผ่านไป เรียกได้ว่า ตามซื้อตามใช้กันแทบจะไม่ทันเลยทีเดียว และปี 2020 ก็คงเป็นอีกปีหนึ่งที่บรรดาแบรนด์ต่างๆ จะปล่อย สกินแคร์ ใหม่ๆ มาให้เลือกกันอย่างจุใจ วันนี้ SI จะขอตามเทรนด์ ลองมาดูกันดีกว่าว่า “เทรนด์ของสกินแคร์” ในปีนี้ จะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

1. สวยแบบ “Zero-Waste”
สวยแบบรักโลก กระแสที่ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากสกินแคร์สาวๆ ต้องการนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อผิวแล้ว ยังจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นจากกระบวนการผลิต ส่วนผสมต่างๆ และบรรจุภัณฑ์

2. ครีมกันแดดสูตร “Mineral”
ปัญหาหลักของครีมกันแดดที่สาวๆ ร้องยี้นั่นก็คือ ความเหนียวเหนอะหนะ รวมไปถึงเนื้อครีมที่ขาววอก ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้หน้าลอยแล้ว ยังเป็นคราบขาวอีกด้วย ปัจจุบันมีครีมกันแดดสูตร Mineral หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Physical Sunscreens” เริ่มวางจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ด้วยสูตรที่ให้สัมผัสเบาสบาย กลมกลืนกับสีผิวได้อย่างเรียบเนียน และไม่มี “สารเคมี” ที่เป็นอันตรายต่อผิวพรรณและสิ่งแวดล้อม

3. “เรียวปาก” นุ่มชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี
“ริมฝีปาก” เป็น “ผิวหนัง” ที่บางที่สุดบนใบหน้า ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลและการบำรุงผิวของริมฝีปากเป็นพิเศษ นอกจากการทา “ลิปบาล์ม” อย่างสม่ำเสมอแล้ว ล่าสุดยังมี “เซรั่ม” และผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในการ “มาส์ก” รวมถึงการ “สครับ” ริมฝีปากให้คุณสาวๆ ได้ปรนนิบัติเรียวปากให้นุ่มสวยน่าสัมผัสอีกด้วย

4. สกินแคร์ต้าน “มลภาวะ”
ด้วยสภาพแวดล้อมทางอากาศที่มี “มลภาวะ” เป็นพิษมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพร่างกาย รวมถึงสุขภาพของผิวหน้าและผิวกาย ผลิตภัณฑ์ประทินผิวหลายๆ แบรนด์จึงเริ่มให้ความสำคัญกับส่วนผสมหลักอย่าง “Antioxidants” ที่มีส่วนช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพจากการทำลายของสภาวะแวดล้อม

5. “โทนเนอร์” ขั้นตอนที่ (เคย) ถูกมองข้าม
“โทนเนอร์” เริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังจากที่สาวๆ เคยมองข้ามขั้นตอนนี้ไปเวลาที่บำรุงผิวในแต่ละวัน เพราะคิดว่าไม่สำคัญ แต่จากการให้ข้อมูลความรู้ของสื่อและแบรนด์ต่างๆ ทำให้สาวๆ เข้าใจถึงหน้าที่ของโทนเนอร์ และหันกลับมาใช้โทนเนอร์กันเป็นประจำมากขึ้น โดยที่โทนเนอร์นั้นไม่เพียงช่วยในการปรับ “pH Balance” ให้กับผิว แต่ยังช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อีกด้วย

ที่มา : thairath.co.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


Anti-Aging หยุดความแก่ด้วย 4 เทคนิคง่ายๆ

คำว่า  Anti Aging  ที่เรามักได้ยินกันอยู่บ่อยๆ นั้น ในทางการแพทย์หมายถึงการชะลอวัย หรือการฟื้นฟูการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย ที่จะช่วยทำให้คุณเข้าสู่ความชราช้าลง โดยมีหลักอยู่ที่การรักษา ฟื้นฟู และป้องกัน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย และมีอายุที่ยืนยาว

ทั้งนี้ Aging หรือความแก่ชรานั้น ถือได้ว่าเป็นโรคอย่างหนึ่งที่เราสามารถป้องกันและฟื้นฟูได้ โดยเมื่อไหร่ที่ร่างกายเริ่มมีสัญญาณ เช่น เหนื่อยง่าย ตื่นยาก นอนไม่หลับ อ้วนง่าย มีริ้วรอยต่างๆ คือสัญญาณเตือนว่าโรคความแก่ชราเริ่มมาเยี่ยมเยือนคุณแล้ว ซึ่งก็ควรได้รับการรักษาฟื้นฟูด้วยศาสตร์ชะลอวัยหรือ Anti Aging โดยมีหลักปฏิบัติในการดูแลตัวเองง่ายๆ เรียกว่า 4H ค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้ SI มีบทความดีๆ มาฝากกันค่ะ

1. Healthy Weight คือการรักษาน้ำหนักไม่ให้อ้วนเกินไป เพราะความอ้วนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เร่งให้คนแก่เร็วและยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายก็จะลดลงไปในแต่ละวัน จึงทำให้อ้วนได้ง่าย ควรเลี่ยงการกินแป้งและน้ำตาลขัดขาว

2. Healthy Diet and Life Style Healthy diet หมายถึง การเลือกรับประทานอาหารดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง อย่างผักผลไม้ที่ช่วยเสริมวิตามินและแร่ธาตุ, การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ, การเลือกอาหารปลอดสารพิษ หลีกเลี่ยงอาหารขยะ ของหวาน หรืออาหารจำพวกแป้ง น้ำตาลและอาหารที่เค็มจัด ส่วนเรื่องไลฟ์สไตล์นั้น หมายถึงการใช้ชีวิตอย่างสมดุล แบ่งเวลาให้กับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

3. Healthy Mind คือการออกกำลังขัดเกลาจิตใจ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย การออกกำลังสมอง โดยให้ลองหัดทำอะไรที่ไม่เคยทำ เช่น เล่นเกมหรือกีฬาที่ไม่เคยเล่น ลองเปลี่ยนเส้นทางหรือวิธีการเดินทางไปทำงาน เพื่อกระตุ้นและฝึกสมองในส่วนต่างๆ ให้มีการทำงานที่ประสานสัมพันธ์กัน ทั้งในแง่การคิด แก้ปัญหา ตัดสินใจ และการวางแผนต่างๆ ดีขึ้น ทำให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถัดมาคือ การออกกำลังใจ หรือ การทำสมาธิ ปัจจุบันมีผลวิจัยพบว่าคนที่ทำสมาธิเป็นประจำจะมีสมองที่ดีและคิดอะไรได้ฉับไวกว่าอายุจริง ทั้งยังช่วยให้ร่างกายแก่ชราช้าลง เพราะการนั่งสมาธินั้นทำให้การหายใจคงที่ ร่างกายจึงใช้ออกซิเจนลดลง อัตราการเผาผลาญของร่างกายลดลง ทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพช้าลงตามไปด้วย และยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย

4. Healthy Skin เมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนและอีลาสตินที่มีบทบาทสำคัญต่อผิวลดลง ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยร่องลึก เหี่ยวย่น อีกทั้งแสงแดดและมลภาวะยังคอยทำร้ายผิวทำให้ผิวดูแก่ก่อนวัย ซึ่งวิธีการฟื้นฟูได้ดีและตรงจุดนั้นก็คือ การเลือกใช้ครีมบำรุงที่เน้นในเรื่องของ Anti Aging ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนและอีลาสติน ต่อต้านอนุมูลอิสระและปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยรักษาปัญหาได้ตรงจุด

ที่มา : praew.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


แอนโทไซยานิน สารอาหารตัวจี๊ด

ปัจจุบันสารแอนโทไซยานิน เป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ลดอาการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอล และต้านไวรัส ทำให้มีการนำสารชนิดนี้มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามมากขึ้น โดยพบได้จากธรรมชาติพบได้มากในผัก และผลไม้ที่มีสีน้ำเงิน สีแดง และ สีม่วง เช่น กะหล่ำปลีม่วง มันเทศสีม่วง ชมพู่มะเหมี่ยว ชมพู่แดง ลูกหว้า ข้าวแดง ข้าวนิล ข้าวเหนียวดำ ถั่วแดง ถั่วดำ หอมแดง ดอกอัญชัน เผือก หอมหัวใหญ่สีม่วง มะเขือม่วง พริกแดง องุ่นแดง-ม่วง แอปเปิ้ลแดง ลูกไหน ลูกพรุน ลูกเกด บลูเบอรี่ เชอรี่ แบล็กเบอรี่ ราสเบอรี่ สตรอเบอรี่ มะเกี๋ยง ข้าวโพดสีม่วง เป็นต้น

1. ใช้เป็นส่วนผสมในแชมพู และครีมนวดผม ซึ่งสารแอนโทไซยานินจะช่วยกระตุ้นให้รากผมสร้างผมได้มากขึ้นถึง 3 เท่า

2. ใช้เป็นส่วนผสมในสารกันแดด (Sunscreen) ช่วยให้ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัย ชะลอความเสื่อมสภาพของผิวหนัง เนื่องจากสารแอนโทไซยานินช่วยยับยั้งความเสียหายของผิวหนังจากกระบวนการออกซิเดชันที่เกิดจากแสงอัลตราไวโอเลต และหากใช้ร่วมกับวิตามินอีจะทำให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง ยังใช้ทำสบู่ได้ด้วย

3. ช่วยดูดซับอนุมูลอิสระ เนื่องจากแอนโทไซยานินทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกระบวนการเมแทบอลิซึม (Metabolism) ภายในสิ่งมีชีวิต ทำให้สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โดยพบว่าแอนโทไซยานินมีประสิทธิภาพในการต้านสารอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซี และวิตามินอี ถึง 2 เท่า

ดังนั้น การรับประทานผักและผลไม้ที่เป็นแหล่งของสารแอนโทไซยานิน ส่งผลให้ให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของผู้บริโภค สามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดอัตราเลี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ชะลอการเสื่อมของเซลล์ และยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดีด้วย ซึ่งปริมาณของแอนโทไซยานินที่มนุษย์สามารถบริโภคได้เฉลี่ยสูงสุด คือ 200 มิลลิกรัม

ที่มา : goodlifeupdate.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


6 เคล็ดลับ ผิวใสหน้าเด็กโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

สำหรับคนที่รักสวยรักงาม เมื่ออายุมากขึ้นจำเป็นต้องหาวิธีดูแลสุขภาพร่างกายเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผิวพรรณที่เริ่มมีอาการหมองคล้ำไม่สดใส แต่จะมีวิธีการอย่างไรในการดูแลผิวพรรณให้สดใสผุดผ่องดูอ่อนกว่าวัย เราลองมาดูกัน

1.ใช้น้ำเย็นหลังหน้า

ทุกครั้งหลังล้างหน้าจนสะอาดแล้ว ให้ใช้น้ำเย็นจัดล้างหน้าอีกครั้งหนึ่ง น้ำเย็นนอกจากจะทำให้รู้สึกสดชื่นแล้ว ยังมีส่วนช่วยกระชับรูขุมขนทำให้ผิวดูสวยใสน่าสัมผัส

2.บริหารใบหน้า

การบริหารใบหน้าจะช่วยให้กล้ามเนื้อยกกระชับ ผิวหนังยืดหยุ่นได้ดี ช่วยให้หน้าแลดูอ่อนกว่าวัย ตัวอย่างการบริหารใบหน้า เบิกตากว้างค้างไว้ ช่วยบริหารกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา การทำแก้มป่องเหมือนกับคนเป่าขลุ่ยหรือแซกโซโฟน เป็นการเกร็งกล้ามเนื้อแก้มให้แข็งแรง สำหรับผู้เริ่มต้นอย่าทำหักโหม จะทำให้เกิดอาการเมื่อยตึงบนใบหน้าได้

3.พักหน้า

ให้เวลาพักหน้าบ้าง โดยการงดใช้เครื่องสำอางทุกชนิด เปิดโอกาสให้ผิวหน้าได้สัมผัสอากาศธรรมชาติ การใช้เครื่องสำอางเป็นประจำ นอกจากทำให้รูขุมขนอุดตัน ผิวหนังถูกกระตุ้นตลอดเวลาแล้ว ถ้าหากทำความสะอาดไม่ดีจะทำให้เกิดริ้วรอย เกิดปัญหาสิว และทำให้ผิวอักเสบได้

4.รับประทานผักผลไม้หลายสี

ผักผลไม้มีเกลือแร่ วิตามินและเส้นใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ผักผลไม้ที่มีสีสันแตกต่างกันไปให้คุณค่าทางอาหารที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีสารไฟโตนิวเทรียนท์ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดสมดุล กำจัดสารพิษ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ผักสีเขียวบำรุงผิวลดริ้วรอย ผักสีม่วง กระตุ้นการทำงานของเซลล์ ชะลอความชรา ผักสีขาวและน้ำตาล ลดการอักเสบ สีแดง บำรุงหัวใจและบอด สีส้ม มีเบต้าแคโรทีนลดความเสื่อมของเซลและลดไขมันในเส้นเลือด

5.นอนหลับให้เพียงพอ

การอดนอนทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดปัญหาริ้วรอย หมองคล้ำ ผิวหน้าไม่กระจ่างใจ การหลับนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำให้ผิวพรรณดูสดใสผุดผ่อง

6.ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ

การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแคลลอรี่ ทำให้เหงื่อออกช่วยขับของเสียออกจากรูขุมขน ลดการเกิดสิว ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง การออกกำลังกายอย่างเพียงพอมีส่วนสำคัญทำให้ผิวพรรณสดใส ดูอ่อนกว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด

ด้วยเคล็ดลับวิธีการง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณมีผิวสวยสุขภาพดี โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมให้เจ็บตัว

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


8 วิธีดูแลผิวเมื่อลมหนาวมาเยือน

ลมหนาวแวะมาทักทายอีกแล้ว แต่หน้าหนาวผิวแห้ง เป็นของคู่กันจริงๆ และเป็นปัญหาที่กวนใจสาวๆอย่างมาก วันนี้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เรามาพร้อมวิธีการแก้ไข ที่จะทำให้สาวๆมีผิวที่นุ่ม ชุ่มชื่น อีกครั้ง รวมวิธีดูแลผิวหน้าช่วงหน้าหนาว จะมาเป็นตัวช่วยให้สาวๆได้กลับมามั่นใจอีกครั้ง พร้อมเผชิญกับทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะหน้าหนาว หน้าร้อน หน้าฝน ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะ SI มีเคล็ดลับดีๆ ของดูแลผิวหน้าผิวกายในช่วงหน้าหนาวนี้มาฝากกันค่ะ

1.ดื่มน้ำสะอาดมากๆ

ข้อที่แนะนำข้อที่สำคัญมาก ใช้กับทั้งอากาศหนาวทุกระดับตั้งแต่หนาวบ้านเราไปจนหนาวติดลบ ทุกครั้งหลังอาบน้ำอย่าลืมชดเชยน้ำหล่อเลี้ยงผิวที่สูญเสียไปจากแดดและลมหนาว รวมไปถึงจากน้ำอุ่นที่เพิ่งอาบไป และอย่าลืมบำรุงผิวบริเวณนิ้วและมือของคุณด้วยครีมทามือ เพราะเรามักลืมกันว่ามือและนิ้วของเรานี่มักผ่านการล้างน้ำ สัมผัสสิ่งต่างๆ มากกว่าผิวหนังส่วนอื่นๆ

2.การหลีกเลี่ยงน้ำร้อน

หน้าหนาวแบบนี้หลายคนมีทางออกด้วยการอาบน้ำอุ่น แต่ทราบหรือไม่ว่าการอาบน้ำอุ่นเป็นต้นเหตุทำให้ผิวหน้าสาวๆเกิดอาการแห้ง แตก ดังนั้นกลั้นใจอาบน้ำเย็นดีกว่า แถมยังมอบความชุ่มชื้น และยังทำให้รูขุมขนกระชับด้วย

3.ขัดผิวอาทิตย์ละครั้ง

สาวๆหลายคนชื่นชอบการขัดผิว เพราะฉะนั้นหากถึงหน้าหนาวสาวๆควรที่จะหยุดขัดผิว เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้สาวๆมีผิวที่แห้ง แนะนำให้ขัดผิวอาทิตย์ละครั้ง โดยเลือกสิ่งที่นุ่ม มีความอ่อนโยนมาขัดผิว เพื่อให้ได้ผิวที่เนียน นุ่ม

4.การเลือกใช้สบู่อ่อนๆ

หน้าหนาวแบบนี้อย่าลืมเลือกใช้สบู่ที่มีความอ่อนโยน เพราะหากเลือกใช้สบู่ที่มีสารเคมีจะทำให้ผิวของสาวๆแห้ง แตก เพราะฉะนั้นควรเลือกสบู่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว และมีความชุ่มชื่น

5.การทาเบบี้ออยล์หลังอาบน้ำ

เมื่อสาวๆทำการอาบน้ำเสร็จ อย่าลืมที่จะทำการบำรุงผิวตัวเองด้วยการมอบความชุ่มชื่นให้กับผิว แนะนำให้เลือกทาเบบี้ออยล์ 2-3 หยุด ในขณะที่ผิวยังเปียกอยู่ การทำเช่นนี้จะเป็นการทำให้ผิวของสาวๆชุ่มชื่น นุ่ม เหมือนผิวเด็ก ควรทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน เพื่อผิวที่ดี

6.การทามอยเจอร์ไรเซอร์

การเลือกทามอยเจอร์ไรเซอร์ ถือเป็นการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวของคุณ แต่อย่าลืมเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีความเข้มข้น ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เป็นอย่างดี และต้องเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของสาวๆ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด

7.การเลือกทาครีมกันแดด

ถึงแม้ว่าหน้าหนาวจะไม่คอยมีแดดสักเท่าไหร่ แต่สาวๆอย่าลืมเลือกที่จะทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านด้วนนะ เพื่อเป็นการปกป้องผิวจากแสงแดดอ่อนๆ แถมยังทำให้ผิวหน้าไม่หมองคล้ำอีกด้วย แนะนำ Yadah Oh My Sun Slush Sunscreen SPF50+/PA+++ เนื้อเจลมอบความนุ่มนวล ชุ่มชื่น และให้ผิวดูมีชีวิตชีวา พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดด

8.พักผ่อนให้เพียงพอ

ณ จุดที่อากาศหนาวจริงจัง มาเยือนเราไม่บ่อยครั้งนัก สิ่งที่ฟินคือการนอนใต้ผ้าห่มนุ่มๆ อุ่นๆ น่าจะดีกว่าการออกไปเที่ยวข้างนอก หรือ อดหลับอดนอนนะจ๊ะ เพราะหากคุณพักผ่อนไม่พอ ร่างกายของคุณจะอ่อนเพลียและรู้สึกเหมือนขาดน้ำ ผิวกายหยาบแห้งกร้าน และต่อให้คุณอาบชโลมผิวด้วยครีมบำรุงผิว ตั้งหน้าตั้งตาดื่มน้ำมากเพียงใดก็ไม่สามารถลบความเหนื่อยและทดแทนน้ำหล่อเลี้ยงที่ร่างกายสูบไปใช้เพื่อพยุงให้กลไกของร่างกายทำงานได้ ข้อแนะนำข้อนี้อีกเช่นกันที่ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวเมืองหนาวระดับไหน ก็อย่าได้ละเลยการนอนหลับพักผ่อน

ที่มา : yadahthailand.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


20 ประโยชน์ครบเครื่องเรื่องน้ำมันจมูกข้าว

น้ำมันจมูกข้าว (Rice germ Oil) มีสารสำคัญคือ แกมม่า-ออริซานอล (Gamma-Oryzanol) ทำหน้าที่เพิ่มระดับโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ให้กับร่างกาย วันนี้ SI จะพาทุกคนไปรู้จัก 20 ประโยชน์ของน้ำมันจมูกข้าวกันค่ะ

1. ลดระดับโคเลสเตอรอล
2. ลดและป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
3. ช่วยให้สมองและหัวใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
4. บำรุงเซลล์ประสาทและสมอง ทำให้ความจำดี
5. บรรเทาอาการของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
6. เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย
7. ป้องกันความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
8. ชะลอความแก่ ผิวพรรณสดใส
9. กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
10. มีผลในการลดความดันโลหิตและระดับน้ำตาล รวมทั้งการอุดตันของหลอดเลือด
ในหัวใจ สมอง ไตและต่อมลูกหมาก
11. บรรเทาอาการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งมีผลทำให้เกิดปัญหากระดูกและข้อต่อ
12. ช่วยยับยั้งและป้องกันการทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อของสารอนุมูลอิสระ
13. ช่วยลดการอุดตันและการแข็งตัวของเกร็ดเลือด รวมทั้งความเข้มข้นของเลือด
ที่เกิดจากการฉายรังสีและการรับประทานยาลดความดัน
14. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตฮอร์โมนประเภทต่าง ๆ จากต่อมใต้สมอง ต่อมไร้ท่อ ต่อมลูกหมาก ต่อมหมวกไต ตับอ่อน รังไข่และอัณฑะ
15. ช่วยในการขยายตัวของเส้นเลือดฝอย ทำให้สายตาดีขึ้นและช่วยป้องกันการเกิดของโรคต้อ
16. ช่วยระบบขับถ่ายให้ทำงานดีขึ้น
17. ช่วยการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติซึ่งมีผลทำให้เกิดอาการผ่อนคลายและนอนหลับสบาย
18. บรรเทาอาการปวดศีรษะเนื่องจากอาการไมเกรน
19. ช่วยฟื้นฟูผิวหนังที่แห้งและเหี่ยวย่น
20. บรรเทาอาการมึนศีรษะเพราะการดื่มสุรา

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ไลโคปีน (Lycopene) กับ 6 ประโยชน์จัดเต็ม

ไลโคปีน หรือ ไลโคพีน เป็นหนึ่งในราชาของสารอาหารเพียงไม่กี่ชนิดที่มีประโยชน์มากมายเหลือเกิน ทั้งดีต่อสุขภาพ ผิวและผมจะเรียกว่าอาหารเสริมผิวขาว อาหารเสริมบำรุงผิว อาหารเสริมผิวขาวใส นั่นก็คงไม่ผิด เมื่อคุณรู้ถึงสรรพ คุณของมัน ไม่เพียงเท่านั้น มันยังมีฤทธิ์ในการป้องการโรคหลายชนิด รวมถึงมะเร็งอีกด้วย วันนี้ SI มีบทความดีๆ ที่จะทำให้ทุกคนรู้จักไลโคปีนมากขึ้นจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปดูกันนะคะ

1.ช่วยลดความรุนแรงของรังสี UV ต่อผิวหนัง
การรับประทานสารสกัดจากมะเขือเทศ ไลโคปีน (Lycopene) เป็นประจำจะช่วยลดความรุนแรงของรังสี UVA และ UVB จากแสงแดดที่เข้ามากระทบผิวลงได้ ทำให้ผิวทนต่อแสงแดดได้มากขึ้น ไม่คล้ำเสียง่าย

2. อาหารเสริมผิวขาวใส
มีผลต่อการทำงานของเม็ดสี (เมลานิน) มันช่วยลดเม็ดสีทำให้ผิวขาวขึ้น ไลโคปีนจึงเป็นอาหารเสริมผิวขาวใส ที่ป้องกันผิวคล้ำที่ต้นเหตุซึ่งก็คือรังสี UV นั่นเอง

3. สารสกัดมะเขือเทศต้านอนุมูลอิสระ
สารสกัดมะเขือเทศไลโคปีน (Lycopene) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังชนิดหนึ่งจากธรรมชาติ พลังในการต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดมะเขือเทศไลโคปีน (Lycopene) นั้น
มีฤทธิ์แรงกว่า เบต้าแคโรทีน 2 เท่า ดังนั้น มันสามารถใช้เป็นอาหารเสริมเพื่อดีท็อกซ์ร่างกาย ซึ่งก็จะส่งผลต่อผิวหนังที่ขาวสวยใสขึ้น เป็นอาหาร เสริมผิวขาวชั้นดี

4. ช่วยลดอาการผิวหนังอักเสบ ผื่นแดง
ช่วยลดผื่นแดง อาการอักเสบของผิวหนังได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ ผิวแข็งแรง ขึ้น ไม่แพ้ง่าย เรียบเนียบ เปล่งปลัง ทั้งยังช่วยสร้างชั้นผิวใหม่แทนผิวหนังชั้นเดิม ที่เสื่อมด้วย

5. ช่วยต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย
หลังการรับประทานอาหารเสริมมะเขือเทศ ร่างกายจะย่อยและได้รับ ไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งส่วนหนึ่ง สามารถแปลี่ยนไปเป็น วิตามินเอ ที่ช่วยลดริ้วรอยลึกให้ดูตื้นขึ้นและช่วยในการสร้างคอลลาเจน และ เมลาโทนิน ทั้งสองตัวนี้มีส่วนช่วยในสุขภาพและผิวหนังโดยรวมด้วยค่ะ

6. มะเร็งต่อมลูกหมาก
มะเร็งร้ายติดอันดับ 1 ใน 3 ของผู้ชาย อาจจะป้องกันได้หากมีการรับประทานอาหารเสริมมะเขือเทศ ไลโคปีน เป็นประจำ สำหรับคนที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ไปแล้วและต้องผ่าตัดเป็นนำเนื้อมะเร็งออกไปการรับประทานสารสกัดจากมะเขือเทศ ไลโคปีนนั้นเป็นประจำ
2-3 สัปดาห์ก่อนผ่านตัด สามารถช่วยลด ขนาดก้อนเนื้อ รวมถึงทุเลาและลดการลุกลามของเนื้อร้ายได้ด้วยค่ะ

ที่มา : tvdirect.tv

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


อาบน้ำแบบไหน เหมาะกับผิว ดีต่อสุขภาพ

การอาบน้ำไม่ใช่แค่การชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายเท่านั้น แต่ยังช่วยคืนความสดชื่นให้กับร่างกายและสมอง รวมทั้งน้ำยังช่วยดูแลผิวให้สุขภาพดีได้ด้วย การอาบน้ำในอุณหภูมิที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่คนรักสุขภาพไม่ควรมองข้าม เราลองไปดูกันว่าการอาบน้ำในอุณหภูมิที่ต่างกันจะให้ผลดีกับผิวต่างกันอย่างไร และอุณหภูมิน้ำแบบไหนที่ดีกับผิวเราบ้าง วันนี้ SI พาไปไขข้อสงสัยกันค่ะ

น้ำร้อน
การอาบน้ำร้อนจะต้องมีอุณหภูมิประมาณ 37-42 องศาเซลเซียส (ไม่ควรเกิน 42 องศาเซลเซียส) อุณหภูมิระดับนี้จะทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ทำให้ร่างกายตื่นตัว แต่ไม่ควรอาบหรือแช่น้ำร้อนเกิน 15 นาที เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไปจนหน้ามืด เป็นลมได้ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวแห้ง มีผื่นขึ้น ผิวเหี่ยว หรืออาจทำให้เลือดคั่ง ประสาทอ่อนล้า กระวนกระวาย ง่วงเหงา และเมื่ออาบน้ำร้อนเสร็จควรอาบซ้ำด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน หรือจะทาครีมบำรุงผิวเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวก็ได้ เพื่อไม่ให้ผิวแห้งจนเกินไป

น้ำร้อนอุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียส เทียบได้กับการแช่บ่อน้ำพุร้อนคล้ายออนเซนของญี่ปุ่น หรืออ่างน้ำร้อนแช่ตัวในสปาหรือสถานบำบัดต่างๆ น้ำร้อนอุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียสจะมีละอองไอน้ำบางมากๆ ลอยขึ้นมา ไอน้ำจะไม่หนาและเห็นเป็นสีขาวชัดเจนเหมือนน้ำเดือด

น้ำอุ่น
อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการอาบน้ำอุ่นอยู่ที่ 27-37 องศาเซลเซียส จะช่วยให้ผิวขับของเสียที่คั่งค้างออกมาได้มากขึ้น ทำให้รู้สึกสบายตัว ช่วยลดอาการมือเท้าเย็น บวม เส้นเลือดขอด ช่วยกระตุ้นการไหลของเลือด และช่วยลดความเครียดได้ การแช่น้ำอุ่นเหมาะสำหรับคนที่นอนไม่ค่อยหลับ เพราะน้ำอุ่นจะไปเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายทำให้รู้สึกสบายตัว หลับได้ง่ายและนานขึ้น

น้ำอุ่นอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียสจะเป็นความร้อนระดับเดียวกับอุณหภูมิในร่างกาย โดยให้สังเกตว่าเมื่ออาบแล้วจะสบายตัว แม้จะอาบน้ำแช่นานๆ ก็จะไม่รู้สึกแสบผิว แต่จะรู้สึกสบายตัว

น้ำเย็น
การอาบน้ำเย็นควรอาบที่อุณหภูมิต่ำกว่า 27 องศาเซลเซียส ในช่วงแรกที่อาบน้ำเย็นจะรู้สึกหนาวจนขนลุก แต่กลับช่วยทำให้กล้ามเนื้อตื่นตัวได้ดี เพราะเลือดจะมาเลี้ยงผิวหนังได้มากขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อตื่นตัวก็ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ขณะเดียวกัน งานวิจัยในต่างประเทศยังพบว่า การอาบน้ำเย็นจะช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า อาการหดหู่ได้ด้วย นอกจากนี้หลังอาบน้ำเย็นแล้วควรทาครีมบำรุงผิวเพื่อป้องกันผิวแห้งแตก เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวสุขภาพดี

น้ำเย็นอุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส เป็นความเย็นที่พอเหมาะที่จะไม่ทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนจนผิวซีด เล็บมือไม่เขียวคล้ำ ผิวนิ้วไม่เหี่ยว และไม่เย็นจนรู้สึกปากสั่นฟันกระทบ

ที่มา : siphhospital.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 เรื่องของโทนเนอร์ ที่สาวๆ ต้องรู้!

โทนเนอร์ สกินแคร์ที่หลายๆ คนอาจมองข้าม แต่สาวๆ ทราบกันมั๊ยคะว่าประโยชน์ของโทนเนอร์นั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าการกระชับรูขุมขน การบำรุงก่อนการแต่งหน้า การทำความสะอาดผิว หรือการเติมอาหารให้ผิว แล้ววันนี้ SI มี 10 เรือ่งไม่ลับของโทนเนอร์ มาฝากกันนะคะ เชื่อได้เลยว่าประโยชน์นั้นอาจมีมากกว่าที่คุณคิด

1.โทนเนอร์แปลว่าปรับสภาพผิว ฉะนั้นแล้ว จึงไม่ใช่การบำรุง สาวๆ อย่าได้คาดหวังว่าการใช้โทนเนอร์จะให้ให้ใบหน้าชุ่มชื่น หรือได้ผลเทียบเคียงครีมบำรุง แต่เป็นการเตรียมผิวก่อนทาครีมต่างหาก ซึ่งผลที่ได้แน่นอนคือความสะอาดที่มั่นใจได้มากขึ้น และการทำให้ผิวรู้สึกสบาย

2. ถ้าผิวมีสิว เลี่ยงทันที กับโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์ เมนทอล และไซลิไซลิค แอซิด (Sylicylic Acid) ที่ยิ่งทำให้ผิวแห้ง และยิ่งเร่งการขับไขมันออกมามากขึ้น

3. ถ้าอยู่บ้าน และผิวหน้าไม่เสี่ยงกับมลภาวะมากนัก วันนั้นๆ เราอาจพักและงดใช้โทนเนอร์ก็ได้ แล้วใช้ในวันที่ผิวต้องการดูแลมากเป็นพิเศษ หรือช่วงเวลาก่อนนอน

4.หัวใจสำคัญอีกอย่างคือการเช็ดถู ฉะนั้นเลือกใช้สำลีธรรมชาติที่อ่อนนุ่มประกอบกันด้วย เช็ดผิวจากด้านล่างขึ้นด้านบน และทำอย่างเบามือที่สุด เพื่อลดการเกิดริ้วรอยและการขยายของรูขุมขน

5. การคาดหวังในโทนเนอร์ ว่าจะเป็นตัวทำความสะอาดผิว แต่คือสิ่งที่ช่วยปรับความสมดุลผิวต่างหากฉะนั้นแล้ว ต้องมั่นใจด้วยว่าขั้นตอนการล้างหน้านั้นสะอาดดีก่อนแล้ว จึงค่อยใช้โทนเนอร์เป็นขั้นตอนต่อไปในการปรับสภาพผิว

6. ค่า pH คืออะไรใครรู้บ้าง เพราะสำคัญมากที่เราควรรักษาความเป็นกรดด่างของผิวหน้าให้สมดุล นั่นคือ ค่าความเป็นกรดด่างของผิวที่เหมาะสมคือ 4 – 6 หรือมีความเป็นกรดเล็กๆ (1 – 6 คือเป็นค่ากรด และ 7 – 14 เป็นค่าด่าง) โทนเนอร์ก็สำคัญที่ไม่ควรมีกรดมากเกินไปเพราะเป็นการขโมยออกซิเจนออกจากผิว ทำให้ต่อมไขในทำงานหนักขึ้น และต้องใช้เวลาอีกกว่า 30 นาที กว่าผิวจะปรับสภาพกลับมาตามเดิม

7. โทนเนอร์ช่วยให้ครีมบำรุงทำงานดีขึ้น เมื่อเราใช้หลังล้างหน้าในการปรับให้ผิวรักษาความสมดุล ชุ่มชื่น จากนั้นเมื่อทาครีมบำรุง ครีมจึงซึมซาบลงสู่ผิวง่ายขึ้น และลึกมากขึ้น หากใช้ครีมบำรุงหลังโทนเนอร์ภายใน 1- 2 นาที

8. น้ำไม่ใช่โทนเนอร์ เพราะฉะนั้น เฟเชียล สปริทซ์ หรือน้ำแร่กระป๋องทั้งหลายจึงทำงานต่างกันไป ด้วยมีคุณสมบัติต่อผิวต่างกัน โดยชนิดหลังนั้น จะเน้นทำให้ผิวรู้สึกเย็นสบาย ลดอักเสบ แต่ไม่ใช่การบำรุงผิว

9. แต่โทนเนอร์สามารถดัดแปลงได้ โดยนำชนิดที่ปราศจากแอลกอฮอล์นำมาฉีดหน้าระหว่างวัน แค่เอามาแช่เย็นแล้วฉีดพรมใบหน้าและลำตัว เพื่อให้น้ำเย็นๆ ได้ลดการขยายตัวของเส้นเลือด ผิวจะรู้สึกสบาย แถมยังได้บำรุงไปในตัว

10.และยังช่วยทำให้เครื่องสำอางติดทนได้ด้วย กับการดัดแปลงโทนเนอร์ที่คุณชอบ เช่นชนิดที่ให้กลิ่นหอม ชื่นใจ นำมาใส่ขวดที่มีหัวฉีด จากนั้นฉีดพรมบางๆ บนใบหน้าหลังแต่งหน้าเสร็จ จะช่วยให้เครื่องสำอางที่ใช้ส่วนผสมจากแร่ธาตุ (Mineral Make-up) ทั้งหลายเกาะผิวได้ดี และทำให้ผิวดูชุ่มชื่นขึ้น

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


หยุดผิวแก่! ให้สวยเด้ง ด้วยเทรนด์ “ไฮยาลูรอน”

เชื่อว่าทุกคนรู้จักไฮยาลูรอน กันบ้างแล้ว เป็นเทรนด์ที่มาแรงในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ไม่แพ้คอลลาเจนเลยค่ะ แม้จะเป็นสารสังเคราะห์ที่ใช้กันมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องมาโดยตลอด ด้วยคุณสมบัติชะลอผิวแก่ได้ชะงัด ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ลดริ้วรอย ทำให้ผิวดูนุ่มเด้ง เต่งตึง เนียนใสได้อย่างมหัศจรรย์ แต่เอ๊ะ… แล้วมันช่วยได้จริงหรือไม่ วันนี้ SI พาไปไขข้อสงสัยกันค่ะ

วิวัฒนาการของไฮยาลูรอน

เมื่ออายุล่วงเลยถึงวัย 30 ปีเป็นต้นไป ร่างกายของเราจะผลิตกรดไฮยาลูโรนิคลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งนอกจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยทางสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก ที่ไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการเสื่อมสภาพและลดการผลิตสารนี้ลงรวดเร็วกว่าเดิม เช่น การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ความร้อน แสงแดด และรังสียูวี เป็นต้น

สิ่งที่ตามมาเมื่อกรดไฮยาลูโรนิคและคอลลาเจนในชั้นผิวของเราลดลงก็คือ ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น แห้งเหี่ยว ขาดความยืดหยุ่น จึงเกิดความหย่อนคล้อย ริ้วรอย และร่องลึกตามบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า เรียกว่าความแก่ชราจะปรากฏชัดขึ้นเลยล่ะค่ะ

ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงได้คิดค้น “กรดไฮยาลูโรนิคสังเคราะห์” ขึ้น เพื่อนำมาทดแทนกรดไฮยาลูโรนิคที่ร่างกายสร้าง ซึ่งเป็นสารที่ได้มาจากการเพาะเลี้ยงเชื้อในห้องปฏิบัติการ โดยใช้โปรตีนจากนกเป็นอาหาร ทำให้ได้สารไฮยาลูโรนิคที่มีสภาพใกล้เคียงกับกรดที่อยู่ในร่างกายมนุษย์มากที่สุด มีลักษณะข้นหนืด ละลายน้ำได้ดี แต่ก็อุ้มน้ำได้ดีมากเช่นกัน

เริ่มแรกนั้น สารดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นยาประเภทฉีด เพื่อบำบัดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ภาวะอักเสบรอบข้อไหล่ หรือลดอาการปวดข้อได้ผลชะงัด ต่อมาได้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียม ช่วยหล่อลื่นลูกตา และนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเวชสำอางอย่างเช่นในปัจจุบันค่ะ

ประโยชน์ของไฮยาลูรอน

– ช่วยแก้ปัญหาผิวขาดความสมดุล ผิวแห้งลอก เป็นขุย ด้วยคุณสมบัติอุ้มและกักเก็บน้ำไว้ที่ผิวได้อย่างดีเยี่ยม

– บำรุงให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง มีความตึงกระชับ และปกป้องผิวจากการระคายเคือง

– ลดการอักเสบของผิว ซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย เร่งกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ที่มีผลต่อการหายของแผล รวมถึงช่วยรักษาแผลในปากได้

– เป็นสารเติมเต็มผิวที่มีความบริสุทธิ์สูง สามารถช่วยเพิ่มปริมาตรผิว (Filler) ได้อย่างยอดเยี่ยม

– ใช้ฉีดเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้า ซึ่งสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ

– ช่วยในการรักษาต้อกระจก บรรเทาอาการตาแห้ง

– บรรเทาอาการปวดข้อจากข้อเสื่อม และช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น

ที่มา : kapook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน