สมองดี ความจำดี เริ่มต้นที่อาหาร

สมองดี เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ เพราะสมองมีบทบาทต่อการทำงานของอวัยวะหรือระบบอื่น ๆ ด้วย เช่น ระบบประสาท การเคลื่อนไหวของแขน ขา ไปจนถึงการเดิน การทรงตัว และความจำ ปัจจุบันคนไทยมีความเสี่ยงในการเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและสมองเพิ่มขึ้น เนื่องจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป สมองต้องการสารอาหารทั้ง 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ ดังนั้นเพื่อส่งเสริมการทำงานของสมอง จึงควรรับประทานอาหารให้ได้ครบ 5 หมู่ หลากหลายและไม่มากไม่น้อยจนเกินไป วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของอาหารบำรุงสมองจะมีอะไรบ้างนั้นดูกันเลยค่ะ

คาร์โบไฮเดรต สมองต้องการคาร์โบไฮเดรตในรูปน้ำตาลกลููโคสเพื่อเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ ควรเลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตในรูปที่ไม่ขัดสี เพราะการรับประทานแป้งและน้ำตาลมากเกินไปส่งผลให้สมองเฉื่อย

โปรตีน ทำหน้าที่ช่วยเป็นสารสื่อระหว่างเซลล์กับเซลล์ ควรเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ชนิดไม่ติดมัน และในหนึ่งสัปดาห์ควรรับประทานปลาน้ำลึกอย่างน้อย 2-3 ครั้ง เนื่องจากมีสารโอเมกา-3 ซึ่งเป็นสารบำรุงสมองที่สำคัญ แต่หลักสำคัญคือ อย่ารับประทานปลาเพียงชนิดเดียว ควรเลือกรับประทานปลาหลากชนิดสลับหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันสารพิษตกค้างที่อาจอยู่ในเนื้อปลา สำหรับปลาในประเทศไทย เช่น ปลาทู ปลากระพง ปลาเก๋า ก็เป็นปลาที่มีโอเมกา-3 เช่นกัน สามารถเลือกรับประทานสลับกันไปได้ ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องรับประทานปลาทะเลทุกมื้อ อาจเปลี่ยนเป็นปลาน้ำจืดบ้าง แต่ควรทำให้สุกเพื่อป้องกันพยาธิและแบคทีเรียต่างๆ โดยวิธีการปรุงอาหารควรใช้การนึ่ง ต้ม หรือย่าง จะดีกว่าการทอด

ไขมัน มีความสำคัญในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทและเยื่อบุผิวของเนื้อเยื่อสมอง โดยกรดไขมันที่มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์สมอง เยื่อหุ้มประสาทสมอง และการทำงานของร่างกาย ได้แก่ กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่รู้จักกันดีในชื่อโอเมก้า 3, 6 และ 9 ทั้งนี้ควรเลือกรับประทานเฉพาะไขมันหรือน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันสัตว์ กะทิ น้ำมันมะพร้าว ไขมันทรานส์ เพราะนอกจากไขมันเหล่านี้จะมีผลต่อสมอง โดยเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอัลไซเมอร์ถึง 2 เท่าแล้วยังส่งผลร้ายกับหัวใจอีกด้วย

วิตามินบี 1 ช่วยบำรุงสมอง ทำให้สมองแข็งแรง พบมากในถั่ว งา ข้าวโพด หรืออาหารที่ปรุงจากเมล็ดข้าว เช่น ขนมปังที่ทำจากแป้งไม่ขัดขาวหรือมีธัญพืชผสม พาสตา รวมถึงในข้าวกล้องที่เรารับประทานกันทุกวัน สำหรับในผู้สูงอายุแนะนำให้รับประทานงาคั่วและบด เพราะจะช่วยให้ย่อยได้ดีกว่าการรับประทานเป็นเม็ด

วิตามินบี 5 ช่วยในการถ่ายทอดสัญญาณประสาทเมื่อถูกกระตุ้น พบในเนื้อวัว สัตว์ปีก ไข่ ปลา ธัญพืช รวมถึงนมสดและผลไม้

โคลีน เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงสมอง มีอยู่ในอาหารจำพวกข้าวกล้อง ข้าวโพด ซึ่งมีมากในส่วนที่เป็นจมูกข้าวโพด ในคนที่ชอบรับประทานข้าวโพดฝานมักจะไม่ได้รับโคลีน ดังนั้นควรใช้มีดฝานลงไปให้ลึกถึงซังข้าวโพดเพื่อให้ได้รับโคลีน นอกจากนี้ โคลีนยังพบได้ในไข่แดง ซึ่งคนที่มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงต้องระวังไม่รับประทานมากเกินไป

วิตามินบี 6 ช่วยในการผลิตสารเคมีในสมอง พบในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ธัญพืช

วิตามินบี 12 ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงให้สมบูรณ์ และบำรุงเนื้อเยื่อประสาท พบได้แต่เฉพาะในเนื้อสัตว์ ปลา สัตว์ปีก และผลิตภัณฑ์จากนมต่างๆ ในคนที่ขาดวิตามินบี 12 อาจส่งผลให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้ ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติจึงควรหมั่นตรวจว่ามีโรคของวิตามินบี 12 ต่ำหรือไม่ ถ้าต่ำแพทย์อาจให้รับประทานวิตามินบี 12 ชนิดเม็ดเพิ่มเติม

กรดโฟลิก จำเป็นต่อระบบรับรู้อารมณ์ ความรู้สึกในสมอง พบมากในกล้วย ส้ม มะนาว สตรอเบอร์รี แคนตาลูป ผักใบเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง หรือถั่วลันเตา และเป็นกรดที่สำคัญมากสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ ช่วยในการสื่อสารอารมณ์และความรู้สึกจากแม่ไปสู่ลูก

แมงกานีส เป็นเกลือแร่ที่ช่วยดูแลสุขภาพของสมองและระบบประสาท พบมากในอาหารทะเล โดยเฉพาะหอยนางรม แต่ต้องระวังในเรื่องของคอเลสเตอรอลและแบคทีเรียในกรณีที่รับประทานสด

แมกนีเซียม โพแทสเซียม และแคลเซียม เป็นสารอาหารที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาท พบในผักใบเขียวและผลไม้ เช่น กล้วยหอม สับปะรด ทั้งนี้การรับประทาน ผัก ผลไม้จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยชะลอการเสื่อมของสมอง และป้องกันไม่ให้สมองถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ

สารแคปไซซิน มีอยู่ในเม็ดพริก ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนผ่านเส้นเลือดขนาดเล็กในสมองได้ดี ควรรับประทานพริกสดมากกว่าพริกป่น เพื่อป้องกันการได้รับเชื้อราอะฟลาทอกซิน แต่ผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารควรระมัดระวัง เพราะพริกอาจทำให้เป็นแผลมากขึ้น

วิตามินซี วิตามินอี และเบตาแคโรทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดสมองเสื่อม จึงอาจช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ สารต้านอนมูลอิสระนี้พบในผัก ผลไม้ และถั่วต่างๆ ควรรับประทานผักผลไม้สีเข้มๆ ต่างชนิดกันไป

ขมิ้น มีสารเคอร์คูมิน ช่วยต้านการอักเสบและลดการเสื่อมของสมองจากโรคอัลไซเมอร์ มีงานวิจัยที่พบว่าชาวอินเดียมีอัตราการเป็นโรคอัลไซเมอร์น้อยกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากใช้ขมิ้นประกอบอาหารกันมาก

ที่มา www.bumrungrad.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


อาหารกับโรคข้อเข่าเสื่อม

ผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม หรือมีอาการปวดหัวเข่าจากสาเหตุอื่นๆ การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไปจะยิ่งทำให้อาการลุกลามหรือหายช้า จึงควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือการปรับการกินอาหาร แม้ว่าอาหารที่กินนั้นจะไม่ได้ช่วยในการรักษาโรคโดยตรง แต่หากผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เหมาะสมก็จะลดปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว และลดโอกาสการเกิดการอักเสบ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างข้อกระดูกรวมถึงกล้ามเนื้อให้แข็งแรงได้อีกทางหนึ่ง วันนี้ SI จะพาทุกคนไปรู้จักอาหารที่ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อมควรรับประทาน จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันนะคะ

1.อาหารมีกรดไขมันโอเมก้า3 สูง โดยเฉพาะอาหารทะเล เช่น ปลาทะเล ปลาแซลมอน หรือแม้แต่ปลาน้ำจืดประเภทปลาเนื้อขาว จะช่วยบำรุงข้อต่อกระดูกให้แข็งแรง และลดอาการปวดหรืออักเสบในผู้ป่วยที่มีข้อเข่าอักเสบ และลดอาการติดแข็งบริเวณข้อต่างๆ

2. อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระหรือเบต้าแคโรทีนสูง โดยเฉพาะผักต่างๆ อย่างใบยอ ยอดแค ผักโขม ผักคะน้า บรอกโคลี ผักกระเฉด ถั่วงอก อีกทั้งยังควรกินผักให้หลากสี เช่น มะเขือเทศสีแดง แครอทสีส้ม กะหล่ำปลีสีม่วง ข้าวโพดและฟักทองสีเหลือง เพราะจะได้วิตามินที่หลากหลาย โดยเฉพาะผักใบเขียวต่างๆ จะมีวิตามินเคที่มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกค่อนข้างสูง

3. อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น อัลมอนด์อบ งาดำ นมและผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น น้ำเต้าหู้ เต้าหู้หลอด แม้แต่การกินปลาตัวเล็กตัวน้อยก็จะช่วยเพิ่มแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง ทั้งนี้ควรจะกินอาหารที่มีวิตามินดีสูง จำพวก นม ไข่ ปลาซาดีน ควบคู่กันไปได้ด้วย เพราะวิตามินดีจะช่วยเรื่องการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น

4. อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี โดยเฉพาะผลไม้ต่างๆ เช่น ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะละกอสุก เพราะวิตามินซีจะช่วยต้านการเกิดอนุมูลอิสระอีกทางหนึ่ง

5. อาหารที่มีสารกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ เช่น เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แอปเปิ้ล ชาเขียว หัวหอม และมะเขือเทศ จะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมวิตามินซี สร้างความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อ ทำให้ผนังหลอดเลือดและเส้นเลือดฝอยแข็งแรง ลดโอกาสเกิดการฟกช้ำ บวม

ที่มา www.phyathai.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


มะขามป้อมกับ 15 ประโยชน์จัดเต็ม!

มะขามป้อมที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงเชื่อกันว่ามีฤทธิ์ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ ช่วยรักษาโรคหลากหลาย เช่น ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง โรคเบาหวาน ตับอ่อนอักเสบ โรคมะเร็ง ท้องเสีย โรคทางสายตา ปวดข้อ ถ่ายเป็นเลือด โรคอ้วน โรคข้อเข่าเสื่อม หรือฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และคุณประโยชน์อีกมากมายจะมีอะไรบ้างนั้น ตาม SI ไปดูกันค่ะ

1. อุดมไปด้วยสารอาหารและเป็นแหล่งของวิตามินซี เชื่อว่าถ้าพูดถึงผลไม้วิตามินซีสูง หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงส้ม แต่หารู้ไม่ว่าผลไม้อย่างมะขามป้อมนั้นมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึงเท่าตัว แถมในมะขามป้อมยังมีสารแทนนินและโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารป้องกันการสลายตัวของวิตามินซี ทำให้วิตามินซีคงตัวอยู่ได้นานอีกด้วย

2. แก้ไอ เจ็บคอ ลดเสมหะ แก้หวัด ถ้าพูดถึงประโยชน์ดี ๆ ของมะขามป้อม แทบทุกคนคงจะต้องบอกว่าช่วยแก้ไอ แก้หวัด ละลายเสมหะ รักษาอาการเจ็บคอแน่นอน เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารกลุ่มแทนนิน แถมรสเปรี้ยวของมะขามป้อมยังช่วยละลายเสมหะและบำรุงเสียงได้

3. เสริมสร้างภูมิต้านทาน สารแทนนินและวิตามินซีที่มีอยู่ในมะขามป้อม เป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย

4. โรคข้อเข่าเสื่อม ตามแนวทางการแพทย์อายุรเวทของอินเดียได้ใช้สมุนไพรหลายชนิดในการรักษาโรค โดยมะขามป้อมเป็นสมุนไพรอีกชนิดที่เชื่อว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบและเป็นส่วนผสมอยู่ในตำรับยาดังกล่าว จึงมักถูกนำมาใช้รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม

5. รักษาลักปิดลักเปิด มีงานวิจัยพบว่า ร่างกายคนเราสามารถดูดซึมวิตามินซีจากมะขามป้อมได้ดีกว่าวิตามินซีเม็ดทั่วไป เนื่องจากในมะขามป้อมมีสารอื่น ๆ ที่ช่วยให้วิตามินเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคลักปิดลักเปิดที่มีอาการเลือดออกตามไรฟัน ซึ่งเป็นโรคที่ร่างกายขาดวิตามินซีจึงควรทานมะขามป้อมที่มีวิตามินซีสูงเข้าไปมาก ๆ เพราะสามารถช่วยให้หายจากโรคนี้ได้

6. บรรเทาอาการคันจากเชื้อรา น้ำกัดเท้า เราสามารถนำรากของมะขามป้อมมาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ และนำไปต้มประมาณ 15 นาที จากนั้นก็นำมาทาบริเวณที่เป็นเชื้อรา ก็จะช่วยบรรเทาอาการคันได้ ส่วนใครที่มีอาการคันจากน้ำกัดเท้า ให้นำเปลือกมะขามป้อมไปตำผสมกับน้ำเล็กน้อย แล้วนำมาทาบริเวณที่คันก็จะช่วยรักษาได้ หรือหากใครอยากจะฆ่าเชื้อโรคหรือป้องกันน้ำกัดเท้าไว้ก่อน จะนำเปลือกของต้นมะขามป้อมไปแช่น้ำ แล้วนำเท้าไปแช่ก็จะช่วยให้ผิวบริเวณเท้าหนาขึ้น เนื่องจากความฝาดของเปลือกมะขามป้อมจะช่วยตะกอนโปรตีน ทำให้ผิวหนังของเท้าและข้อเท้าหนาขึ้น ทนทานต่อการเกิดน้ำกัดเท้ามากยิ่งขึ้น

7. รักษาแผล แก้ฟกช้ำ รู้หรือไม่ว่าเราสามารถนำเปลือกลำต้นของมะขามป้อมมาบดเป็นผงแล้วโรยที่บริเวณบาดแผลเพื่อรักษาแผลและอาการฟกช้ำได้ด้วย ส่วนใครที่เป็นแผลแล้วหายช้า เป็นแผลแล้วมีน้ำเหลืองไหลเยอะ หรือป่วยเป็นโรคน้ำเหลืองเสีย เราขอแนะนำให้ทานมะขามป้อม 1 ลูก ทุกวันหลังอาหาร เพราะในมะขามป้อมมีวิตามินอยู่มาก โดยเฉพาะวิตามินซี จะสามารถแก้อาการน้ำเหลืองเสียได้ค่ะ

8. รักษาหอบหืดนอกจากแก้ไข้หวัดแล้ว หากใครเป็นหอบหืดยังสามารถนำเมล็ดมะขามป้อมมาตำเป็นผง แล้วชงดื่มกับน้ำร้อน ก็ช่วยรักษาให้หายได้ด้วย

9. แก้อาการผื่นคัน ใครที่มีอาการผิวหนังอักเสบหรือเป็นผื่นคัน เราขอแนะนำให้นำใบมะขามป้อมมาต้มอาบ หรือนำเมล็ดมาเผาแล้วบดให้ละเอียด จากนั้นนำไปผสมกับน้ำมัน คนให้เข้ากันจนเหลวข้น แล้วนำมาทาแผล จะช่วยบรรเทาอาการคัน แก้พิษน้ำร้อนลวก และช่วยรักษาแผลได้

10. เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก ยางของผลมะขามป้อมและวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายของเราดีขึ้น และแก้อาการท้องผูกได้ ฉะนั้นมะขามป้อมจึงถือเป็นผลไม้อย่างหนึ่งที่ช่วยแก้อาการท้องผูกได้ดี แถมยังมีคนนำไปสกัดเข้าเครื่องยา ทำเป็นยาระบายได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม หากเราทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้มีอาการท้องเสียแทนได้ ดังนั้นควรควบคุมปริมาณการทานในแต่ละวันด้วยนะคะ

11. บำรุงผิว วิตามินซีในมะขามป้อมยังสามารถบำรุงผิวพรรณ ให้กระจ่างใส ชะลอการเกิดริ้วรอย

12. บำรุงผม มีการนำมะขามป้อมมาสกัดทำเป็นยาสระผม มะขามป้อมสามารถบำรุงรักษาเส้นผมให้มีสุขภาพแข็งแรง นุ่มลื่น และยังช่วยทำให้ผมดกดำ ป้องกันผมหงอกได้ด้วย

13. บำรุงร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า เนื่องจากมะขามป้อมมีสารอาหารมากมาย ที่ช่วยบำรุงทั้งผม สมอง ดวงตา คอ หลอดลม ปอด หัวใจ ตับ ตับอ่อน ไต กระเพาะ ลำไส้ และผิวหนัง แถมยังช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย บำรุงกำลัง บำรุงเลือด ลดความดันเลือดสูง และปรับประจำเดือนให้มาปกติได้ จึงบอกได้เลยว่าการทานมะขามป้อมช่วยบำรุงร่างกายเราให้ดีขึ้นได้แทบทุกส่วนจริง ๆ ค่ะ

14. ต้านมะเร็ง มีการวิจัยพบว่าสารฝาดในมะขามป้อมอย่างกรดแกลลิคและสารแทนนินสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้ก่อตัวในร่างกายเราได้ แถมมะขามป้อมยังสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารแทนนินที่ประกอบไปด้วย emblicanin A, emblicanin B, punigluconin และ peduculagin

15. ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด การแพทย์ทางเลือกด้านอายุรเวท (Ayurveda) ระบุคุณประโยชน์ของมะขามป้อมไว้หลายด้าน รวมถึงสรรพคุณช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล เนื่องจากอุดมไปด้วยสารสำคัญหลายตัว โดยเฉพาะสารเพกทิน (Pectin) และสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่มีองค์ประกอบทางเคมีและมีรายงานว่ามีฤทธิ์ช่วยลดไขมันในเลือด

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

โสมตังกุย สารสกัดเด็ดเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ

7 ประโยชน์ “โสมตังกุย” สารสกัดเพื่อ “ผู้หญิง” มีรอบเดือน ตังกุย หรือโสมตังกุยเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับนิยมเป็นอย่างสูงในประเทศ จีน ญี่ปุน และเกาหลี โดยส่วนใหญ่ในตังกุยในการรักษา อาการปวดท้องประจำเดือน, อาการของผู้สูงอายุวัยทอง และอาการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับผู้หมดประจำเดือน นอกจากนั้นยังใช้ในการรักษา หรือบรรเทาอาการอะไรบ้าง ตาม SI ไปดูกันค่ะ

1. ช่วยบำรุงเลือด
ในช่วงเวลาที่ผู้หญิงมีประจำเดือน ร่างกายจะอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายกว่าปกติ เนื่องจากร่างกายเสียเลือดมาก จึงมีความต้องการสารอาหารที่จะช่วยสร้างเลือดเพื่อชดเชยกับเลือดที่ร่างกายต้องเสียไป สามารถชดเชยด้วยการรับประทานอาหารจำพวกตับ เนื้อสัตว์ ที่มีธาตุเหล็กเยอะๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทน หรืออาจจะบำรุงเลือดเพิ่มเติมได้ด้วยการรับประทาน “สมุนไพร” โสมตังกุย ที่มีสรรพคุณการสร้างเลือด บำรุงเลือด และฟอกเลือด

2. รักษาโรคโลหิตจางในผู้หญิง
สมุนไพรตังกุยมีตัวยาที่สำคัญ ช่วยสร้างความเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลให้กับผู้หญิง ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้สมุนไพรตังกุย ยังมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคโลหิตจาง เพราะในตังกุยอุดมไปด้วย วิตามินบี 12 ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเลือด และยังช่วยให้ระบบการหมุนเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น

3. แก้ปวดประจำเดือน
ตังกุย ถูกขนานนามว่าเป็น โสมสำหรับสตรี มีสารสำคัญคือ Ligustilide, Vitamin B12 จึงถูกนำมาใช้รักษาอาการปวดประจำเดือน ขับประจำเดือน ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดได้เป็นอย่างดี

4. ยับยั้งเนื้องอกในมดลูก รังไข่
มีงานวิจัยที่พบว่าตังกุยช่วยยับยั้งการเจริญของเนื้องอก เช่น เนื้องอกในมดลูก เนื้องอกรังไข่ และมีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งต่างๆ ต้านการอักเสบ และรักษาโรคหอบหืดได้ด้วย

5. รักษาอาการวูบวาบใน “ผู้หญิง”
เหง้าตังกุยนิยมนำมาใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยแก้ปวดเอว ปวดประจำเดือน ขับระดูของสตรี ปรับประจำเดือนให้เป็นปกติ แก้ประจำเดือนผิดปกติ ภาวะขาดประจำเดือน แก้อาการร้อนวูบวาบในผู้หญิงสูงวัย แก้อาการท้องผูกของสตรีมีครรภ์ แก้รกตีขึ้น แก้ไข้บนกระดานไฟ นอกจากนี้ยังใช้รักษาเกี่ยวกับอาการเลือดออกทุกชนิด

6. ยาแก้ลมสำหรับผู้หญิง
ในบัญชียาจากสมุนไพร ตามประกาศของคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) มีปรากฏการใช้โกฐเชียงหรือตังกุยในยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิตหรือยาแก้ลม มีปรากฏในตำรับ “ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ “ยาหอมนวโกฐ” ซึ่งเป็นตำรับยาแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน และช่วยแก้ลมจุกแน่นในท้อง เป็นต้น

7. ช่วยฟอกเลือด
เหง้าตังกุยมีรสเผ็ดหวาน เป็นยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อหัวใจ ตับ และม้าม ใช้เป็นยาบำรุงโลหิต ฟอกเลือด ช่วยรักษาภาวะเลือดพร่อง สีหน้าซีดขาวหรือซีดเหลือง เล็บและริมฝีปากซีด สีลิ้นซีด ช่วยสลายเลือดคั่ง เป็นต้น

ที่มา : greenclinic, medthai

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


จัดเต็ม! สรรพคุณสารสกัดจากเปลือกสน

สารสกัดจากเปลือกสน มีคุณสมบัติ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูง (Super Anti-oxidation) เเละยังเสริมฤทธิ์การทำงานของ วิตามิน C เเละ วิตามิน E ช่วยป้องกันร่างกายจากอนุมูลอิสระ ที่เกิดขึ้นในร่างกายตลอดเวลา รวมทั้ง ปัจจัยภายนอกต่างๆ อันเป็นสาเหตุของ ความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น หลอดเลือด หัวใจ ดวงตา ผิวหนัง รวมไปถึงระบบประสาท และนอกจาก จะสามารถลดความเสี่ยงต่อ การเป็นโรคหัวใจ เส้นเลือดขอด เเละ การอุดตันของลิ่มเลือด โดยจะเข้าไปเสริมความเเข็งเเรงของหลอดเลือด  และสำหรับผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน อัมพาต ยังช่วยให้เลือดนำออกซิเจน ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้มากขึ้น เเถมยัง ช่วยลดภาวะเเทรกซ้อนจากการติดเชื้อ เเขนขาลีบ เเละกล้ามเนื้ออ่อนเเรง วันนี้ SI มีบทความดีๆ เกี่ยวกับสรรพคุณของสารสกัดจากเปลือกสนมาฝากกันค่ะ

-เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
-เป็นวิตามินบำรุงผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวเรียนเนียนขึ้น
-ช่วยให้วิตามินซีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
– ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ผิว
– ช่วยเพิ่มคอลลาเจน และอิลาสตินในผิว
– ปรับสภาพผิวที่หมองคล้ำ ฝ้า กระ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
– ลดระดับน้ำตาลในเลือด และป้องกันโรคเบาหวาน
– ลดโอกาสเกิดโรคความดันโลหิตสูง และภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว
– รักษาเส้นเลือดขอด และลดความเสี่ยงของหลอดเลือดดำอุดตัน
– ป้องการเกิดลิ่มเลือด และโรคหัวใจ
– บรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ หอบหืด
– ลดไขมันคอเลสเตอรอลไม่ดี(LDL) เพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี(HDL)
– บำรุงสายตา
– บรรเทาอาการโรคสมาธิสั้น
– บำรุงสมอง ป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์
– เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ส้มยูซุกับ 15 คุณประโยชน์จัดเต็ม

ส้มยูซุ (Yuzu) เป็นผลไม้ในวงศ์ส้ม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Citrus junos  ผลสีเหลืองอย่างเลมอน มีรสชาติคล้ายเกรปฟรุตและส้มแมนดาริน ส้มยูซุเป็นพืชที่ชอบแสงอาทิตย์ พื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่นจะให้ผลผลิตส้มยูซุที่ดี รสชาติจะหวานกลมกล่อม แต่ถ้าเป็นส้มยูซุที่เติบโตในอากาศเย็นจะไม่ได้รสชาติที่หวานนักแต่มีกลิ่นหอมมากกว่า คนญี่ปุ่นนิยมนำส้มยูซุมาใช้แต่งกลิ่นและรสชาติอาหาร บ้างก็ใช้แค่ผิวส้มยูซุเพื่อทำให้อาหารมีกลิ่นหอมสดชื่นน่ากินมากขึ้น

Yuzu (ยูซุ)  ส้มชนิดนี้จะเป็นผลไม้ที่ปลูกในบริเวณที่มีอากาศร้อนชื้น บริเวณชายฝั่งทะเล พบมากในประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น เอกลักษณ์ของส้มชนิดนี้คือ เม็ดใหญ่ ผิวขรุขระ ที่สำคัญคือเปลือกหนา เนื้อน้อย จึงเป็นส้มที่ไม่นิยมกินเนื้อ แต่ในข้อเสียก็มีข้อดี ตรงที่เปลือกหนานั้นจะทำให้ส้ม มีน้ำมันผิวส้มเยอะมากเป็นพิเศษ มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หอมมาก ไม่เหมือนส้มอื่นๆ อีกทั้งยังมีวิตามินและสารอาหารมากเป็นพิเศษ

– ส้มยูซุมีวิตามินซี ซึ่งมีสูงกว่ามะนาวถึง 3 เท่า
– ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวเต่งตึง มีความยืดหยุ่น
– ช่วยลดริ้วรอยก่อนวัย มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ
– ส้มยูซุมีมีกรดซิตริคสูง สามารถป้องกันไวรัส ช่วยลดอาการหวัด ไอ เจ็บคอ และปวดศรีษะ
– ช่วยเสริมภูมิต้านทาน ป้องกันโรคติดเชื้อได้
– ช่วยสร้างภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อในทางเดินหายใจ
– ส้มยูซุประกอบด้วยสาร โนมีลิน (nomilin) ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง
– ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยในการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
– ช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างใส
– ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ
– ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดีชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้าน
– ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงการเกิดโรคต้อกระจก
– ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
– ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
– ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือด

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

4 วิธีบำรุงขนตาให้งอนงามอย่างเป็นธรรมชาติ

นอกจากคิ้วแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าขนตาเป็นสิ่งที่เสริมเสน่ห์ความงามบนใบหน้า แล้วการมีขนตาที่ยาวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่สาวๆ ใฝ่ฝัน วันนี้ SI มีบทความดีๆ วิธีช่วยบำรุงขนตาให้งอนยาวสวยมาฝากกันค่ะ

1.ทานโปรตีน
การทานโปรตีนที่ช่วยในการบำรุงขนตาและเส้นผมนั้น ถือเป็นวิธีที่จำเป็นอย่างมากสำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบหรือจำเป็นต้องแต่งหน้าเป็นประจำ เพราะสารเคมีในเครื่องสำอาง มีผลต่อการทำให้ขนตาและผิวบนใบหน้าอ่อนแอได้ ดังนั้นจึงควรบำรุงขนตาด้วยการทานอาหารประเภทโปรตีน เพราะสารอาหารชนิดนี้จะช่วยให้ขนตาและเส้นผมมีความแข็งแรงนั่นเอง

2.ทาน้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติช่วยบำรุงขนตาให้สวยและยาวอย่างเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากการใช้น้ำมันมะพร้าวเลย ขั้นตอนการทำง่ายๆ แค่เพียงใช้คัตตอนบัตจุ่มน้ำมันมะกอก แล้วทาบางๆ บริเวณปลายขนตาก่อนนอนทุกคืน ก็จะช่วยให้ขนตางอนยาวและเด้งสวยอย่างเป็นธรรมชาติได้แล้วค่ะ

3.ทาน้ำมันละหุ่ง
เชื่อว่าสาวๆ หลายคนไม่เคยทราบมาก่อนว่า น้ำมันละหุ่งคือไอเท็มเด็ดของสาวอินเดีย ที่ช่วยให้สาวอินเดียมีขนตาที่ยาวสวยและเรียงรายเป็นแพอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับใครที่ใฝ่ฝันอยากมีขนตาสวยดกดำและยาวเป็นธรรมชาติแบบสไตล์สาวอินเดีย แนะนำให้ใช้น้ำมันละหุ่งทาบริเวณขนตาก่อนนอนทุกคืน

4.ทาวาสลีน
กระเป๋าเครื่องสำอางของสาวๆ ต้องมีวาสลีนอยู่แน่นอน เพราะถือเป็นไอเท็มเด็ดที่ช่วยบำรุงได้สารพัดอย่าง จะปากแห้งผิวแห้งก็แค่ทาวาสลีน สักพักผิวก็กลับมานุ่มชุ่มชื้นเหมือนเดิม เช่นเดียวกันกับการบำรุงขนตาให้ยาวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถใช้วาสลีนมาทาตั้งแต่บริเวณโคนไปจนถึงปลายขนตาก่อนนอนทุกคืนได้เลย รับรองว่าวิธีนี้ดีไม่แพ้วิธีอื่นๆ เลยทีเดียว

ที่มา : sanook.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

สารสกัดจากถั่วขาว ตัวช่วยดีๆ ของการควบคุมน้ำหนัก

ถั่วขาว เป็นพืชในตระกูลถั่วที่มีคุณประโยชน์มากมายในตัวมันเอง เพราะให้สารอาหารที่มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และมีใยอาหารสูง ขณะเดียวกันในถั่วขาวก็มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัว คือ มีสารที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์อะไมเลส ที่ใช้ย่อยอาหารประเภทแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ให้กลายเป็นน้ำตาลที่มีโมเลกุลขนาดเล็กเพื่อให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้

หลายคนอาจจะเคยเข้าใจผิดคิดว่า ไขมันเป็นสาเหตุหลักของการมีน้ำหนักเกินหรือความอ้วน แต่ความจริงแล้วอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่เราทานเป็นอาหารหลักอยู่ทุกมื้อ หรืออาหารมื้อย่อยๆ ที่เราชอบทานกันเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะมาในรูปของข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว มะกะโรนี หรือผัดไทย ซึ่งเป็นอาหารที่เรามักลืมไปว่าเป็นเมนูที่ค่อนข้างหนักทั้งแป้งและไขมัน ก็เป็นสาเหตุสำคัญของความอ้วนเช่นกัน ดังนั้นการควบคุมน้ำหนักอีกทางหนึ่งคือ การลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่กินมากเกินความต้องการไปนั่นเอง

แล้วสารสกัดจากถั่วขาวจะสามารถจัดการกับคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไปได้อย่างไร?

ด้วยคุณสมบัติพิเศษของถั่วขาวที่สามารถยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์อะไมเลส จึงไม่สามารถย่อยแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตที่กินเข้าไปให้เป็นน้ำตาลได้ ร่างกายจึงได้รับพลังงานจากแป้งได้น้อยลง จึงไม่มีพลังงานส่วนเกินที่จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ได้ ในทางกลับกันเมื่อร่างกายได้รับพลังงานน้อยลง ร่างกายจึงต้องดึงเอาไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมาใช้ นอกจากนี้แป้งที่ไม่ถูกย่อยในทางเดินอาหารก็ยังทำให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น สุดท้ายก็จะถูกขับถ่ายออกมาจากร่างกาย จึงเป็นที่มาของคุณสมบัติพิเศษจากถั่วขาวที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้โดยที่ ไม่ต้องอดอาหาร

สารสกัดจากถั่วขาว เป็นวัตถุดิบที่ทั่วโลกยอมรับ ที่จะนำไปเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่ม อาหาร และอาหารเสริมต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการช่วยควบคุมน้ำหนัก แต่อย่างไรก็ตามขอให้สารสกัดจากถั่วขาวเป็นเพียงตัวช่วยตัวหนึ่งเท่านั้นนะ คะ เพราะคุณควรกินอาหารที่มีประโยชน์ ครบทุกหมู่อย่างสมดุล ไม่มากไม่น้อยเกินไป และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นั่นจะทำให้คุณสามารถควบคุมน้ำหนักและรูปร่างให้ดูดีได้โดยไม่ส่งผลเสียต่อ สุขภาพอย่างแน่นอน

ที่มา : sanook.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


สารสกัดจากเมล็ดองุ่นกับ 15 คุณประโยชน์

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) จัดเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงและเป็นที่น่าสนใจมากที่สุดตัวหนึ่ง เพราะเปี่ยมด้วยสารฟลาโวนอยด์ซึ่งมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าวิตามินซีและวิตามินอี ถึง 20 เท่า ประโยชน์ของสารสกัดจากเมล็ดองุ่นจะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้ SI พาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ

ประโยชน์ของสารสกัดจากเมล็ดองุ่น

1.เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ เพราะช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง และช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
2. ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยชะลอไม่ให้ผิวหนังแก่ก่อนวัยและแห้งกร้านของเซลล์ผิว ด้วยการเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
3. ช่วยปกป้องดวงตาหรือโรคที่เกี่ยวกับการมองเห็นอื่น ๆ ด้วยการป้องกันและรักษาโรคต้อหิน ศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม
4. มีประโยชน์ต่อหัวใจ โดยการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
5. ช่วยลดกระบวนการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติอันเป็นสาเหตุของฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ
6. ช่วยลดปัญหาสำหรับผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอกัน
7. ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบ
8. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตด้วยการยับยั้งการถูกทำลายของคอลลาเจน
9. ช่วยรักษาความผิดปกติของหลอดเลือดและเส้นเลือดขอด เส้นเลือดฝอยแตก หรือเส้นเลือดฝอยเปราะได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
10. ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ ซึ่งสารสกัดจากเมล็ดองุ่นจะเข้าไปทำลายเซลล์สมองจากอนุมูลอิสระ
11. ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ และหอบหืด
12. ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่าง ๆ
13. ช่วยลดอาการอักเสบต่าง ๆ
14. ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน ลดแผลในช่องปาก และโรคเริมในช่องปาก
15. ช่วยลดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย แต่ทั้งนี้ควรออกกำลังกายด้วยเป็นประจำ

ที่มา : disthai.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ไฮยาลูรอนกับคอลลาเจนต่างกันอย่างไร

ไฮยาลูรอน  คำที่สาวๆ ทั้งหลายต้องคุ้นหูกันอย่างแน่นอน เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมเจ้า “ไฮยาลูรอน” ถึงได้รับความนิยมมากมายขนาดนี้ แล้วแตกต่างคอลลาเจนอย่างไร และหากใช้มากเกินไปจะมีผลข้างเคียงอย่างไร วันนี้ SI จะพาทุกคนมาหาคำตอบกันค่ะ

“ไฮยาลูโรนิค” กับ “คอลลาเจน” ต่างกันอย่างไร
“คอลลาเจน” คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ชั้นหนังแท้ เปรียบได้ว่าเป็นส่วนสปริงของผิวหนัง ในการสร้างความตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ จึงช่วยเสริมความเรียบตึงของผิวหนัง และทำให้ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม “คอลลาเจน” มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มาก จึงไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ด้วยการทา เหมือนครีม สกินแคร์ต่างๆ ซึ่งแตกต่างจาก “กรดไฮยาลูโรนิค” ที่มีรูปแบบโมเลกุลที่หลากหลาย สามารถซึบซาบเข้าถึงชั้นผิวได้แตกต่างกันตามรูปแบบโมเลกุล จนสามารถสร้างผิวที่มีความชุ่มชืน นุ่ม ดูอิ่มน้ำ และลดริ้วรอยแห่งวัยได้อย่างล้ำลึก

อันตรายหรือไม่ที่ใช้ “ไฮยาลูโรนิค” มากเกินไป?
“กรดไฮยาลูโรนิค” นั้นจริงๆ แล้วค่อนข้างปลอดภัยต่อผิวพรรณของสาวๆ แต่อย่างไรก็ตาม อะไรที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปอาจไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นการใช้ “ไฮยาลูโรนิค” ก็ควรอยู่ภายใต้การใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ที่สำคัญสาวๆ ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองด้วย เพื่อช่วยลดอัตราความเสี่ยงของอาการแพ้ในผู้ที่มีผิวบอบบาง เพราะสำหรับบางคนก็อาจเกิดอาการแพ้ หรือผลข้างเคียงได้ เช่น รอยแดง คันระคายเคือง มีผื่นขึ้น อันนี้ควรหยุดใช้และรีบปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ

ที่มา : thairath.co.th

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน