7 เคล็ดไม่ลับ! นอนหลับง่ายไม่ต้องพึ่งยา

การนอนสำคัญต่อสุขภาพที่สุด แต่เพราะชีวิตอันแสนวุ่นวาย กับความเครียดที่ถาถมเข้ามาอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพ การเงิน ครอบครัว เป็นต้น จึงทำให้การนอนกลายเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน อาการดังกล่าวยังมีทางออก เพียงลองปรับพฤติกรรมกันดูสักนิด วันนี้ SI มีบทความดีๆ แบบไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ ด้วย 7 เคล็ดลับง่าย ๆ ไปดูกันค่ะ

1. สร้างบรรยากาศห้องนอนใหม่
ห้องนอนที่ดีควรจะเงียบไม่มีเสียงรบกวน อุณหภูมิห้องต้องเย็นพอดีและอย่าใช้แสงสว่างจ้าจากหลอดไฟยามดึก ส่วนอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาดสำหรับคนนอนหลับยาก เพราะแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายจะกดการหลั่งเมลาโทนินออกจากต่อมใต้สมอง ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งการนอน ชะลอวัย และลดความเครียด มีรายงานการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน The Journal of Pineal Research พบว่า แสงสีฟ้าจะทำให้ระดับเมลาโทนินลดลงไปอยู่ระดับเดียวกับช่วงกลางวัน ซึ่งจะทำให้ตาสว่างและนอนหลับยาก

2. ผ่อนคลายตัวเอง
ก่อนนอนสัก 1 – 2 ชั่วโมงลองทำกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย อย่างการฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยหายใจเข้ายาว ๆ ลึก ๆ และค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกอย่างช้า ๆ พยายามให้สติกำหนดอยู่กับลมหายใจก็จะได้ผลที่ดีขึ้น และเมื่อจะเอนตัวลงให้เลิกการคิดเรื่อยเปื่อย คิดถึงปัญหา หรือถ้าตัวเองรู้ตัวว่า เริ่มคิดอีกแล้วให้ดึงสติกลับมาและทำใจให้สบาย บอกกับตัวเองว่านื่คือเวลานอน เวลาพักผ่อน ปัญหาทุกอย่างควรสะสางต่อพรุ่งนี้ รวมถึงให้หลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่ทำให้สมองไม่ผ่อนคลาย ได้แก่ ทีวี สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต

3. กินอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง
ลองกินอาหารแมกนีเซียมสูงอย่าง ถั่ว เมล็ดธัญพืชต่าง ๆ อะโวคาโด กล้วย โยเกิร์ต มันฝรั่ง ลูกเกด ผักโขม นมถั่วเหลือง เต้าหู้และปลาทูน่า เพราะถ้าร่างกายขาดแมกนีเซียมจะส่งผลต่อระบบประสาทสมองที่ช่วยในการนอนหลับ และควรงดอาหารที่สารกาเฟอีนสูง เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม จะทำให้ระบบประสาทตื่นตัวและนอนไม่หลับ

4. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน
เป็นวิธีธรรมชาติและเสริมสุขภาพที่ดี เพียงแช่เท้าในน้ำที่อุณหภูมิประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส แล้วใช้ฝ่ามือถูนวดบริเวณเท้าไปด้วยเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดจะช่วยคลายความอ่อนล้าได้ดี ฉะนั้นการแช่เท้าด้วยน้ำร้อนจะดึงเลือดจากข้างบนมาสู่ข้างล่าง ลดภาวะตึงเครียดของสมอง ทำให้หลับสบาย และไม่ค่อยฝัน

5. กลิ่นลาเวนเดอร์ช่วยบำบัด
กลิ่นหอมจากสมุนไพรธรรมชาติที่สกัดออกมาเป็นน้ำมันหอมระเหยหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “อโรมาเธอราปี” ช่วยให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย ลดปฏิกิริยาทางกายที่มีต่อความเครียด น้ำมันหอมระเหยมีหลายชนิดให้เลือกใช้ตามความต้องการ แต่ถ้าเป็นใครมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ แนะนำให้ใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ ซึ่งช่วยให้นอนหลับง่าย ปรับอารมณ์ให้เกิดความสมดุลและจิตใจสงบ

6. ปรับอุณหภูมิและเครื่องฟอกอากาศ
เพื่อให้การนอนหลับมีความสบายมากขึ้นควรปรับอุณหภูมิห้องให้อยู่ระหว่าง 17 – 25 องศาเซลเซียส อีกทั้งการใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้สมดุลและยังช่วยกำจัดสารก่อภูมิแพ้ที่มีอนุภาคเล็ก เช่น ฝุ่น ขนสัตว์ สปอร์ของเชื้อรา กลิ่นสเปรย์ปรับอากาศ เป็นอีกวิธีที่จะทำให้นอนหลับลึกได้ต่อเนื่อง

7. นอนให้เป็นเวลา
ลองจัดตารางการนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกคืนจนเป็นกิจวัตร ถ้าทำติดต่อกันภายใน 1 อาทิตย์ ร่างกายก็จะปรับตัวและคุ้นเคยจนทำให้หลับได้ตามเวลานั้น ๆ หรือมีบางกรณีที่นอนแล้วยังไม่หลับนานถึง 30 นาที อย่าเพิ่งฝืนนอนต่อ อย่าโกรธหรือหงุดหงิด และอย่าดูนาฬิกาบ่อย ๆ เพราะจะเป็นการกดดันตัวเองว่า ทำไมยังไม่หลับสักทีและจะทำให้ไม่หลับจริง ๆ ในที่สุด

ที่มา : www.bangkokhospital.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


6 วัคซีน ที่จำเป็นสำหรับผู้ใหญ่ป้องกันก่อนเกิด

หลายคนอาจเข้าใจว่าวัคซีนจำเป็นสำหรับเด็ก แต่ความจริงแล้วการได้รับวัคซีนป้องกันโรคในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มตัว การป้องกันก่อนเกิดโรคถือเป็นหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี ทั้งยังช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 6 วัคซีนที่จำเป็นสำหรับผู้ใหญ่มาฝากกันค่ะ

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine)
แนะนำให้ฉีดทุกปี ปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคเบาหวาน โรคไต โรคเลือด รวมถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน

วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ (Pneumococcal vaccine)
ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย นิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นสาเหตุสําคัญของการติดเชื้อ ปอดอักเสบ และอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงนำไปสู่การเสียชีวิตได้ แนะนำให้ฉีดวัคซีนในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงได้แก่ ผู้ที่มีผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ผู้ป่วยที่ตัดม้าม ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน โรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคตับแข็ง โรคไตวายเรื้อรัง โรคเบาหวาน รวมถึงผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ

วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ-ไอกรน/บาดทะยัก-คอตีบ (Tdap/Td) เข็มรวม
ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรฉีดวัคซีนกระตุ้นเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันเพียงพอต่อการป้องกันโรคทั้ง3ชนิดนี้ โดยควรฉีดวัคซีน บาดทะยัก-คอตีบ-ไอกรน(Tdap) 1 ครั้งในวัยผู้ใหญ่ หลังจากนั้นฉีด วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ (Td) ทุก 10 ปี

วัคซีนงูสวัด(Zoster vaccine)
แนะนำให้ฉีดในผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไปเนื่องจากเป็นช่วงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคงูสวัดสูงสุด ผู้ป่วยที่มีอายุ
50 – 59 ปีที่มีความประสงค์จะรับวัคซีนนี้ ควรปรึกษาแพทย์เนื่องจากวัคซีนนี้สามารถป้องกันโรคงูสวัดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในช่วง 5 ปีแรก แนะนำฉีดเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องมีการฉีดกระตุ้นซ้ำ

วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A vaccine)
แนะนำฉีดวัคซีนในประชากรกลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง เนื่องจากมีโอกาสสูงในการเกิดโรครุนแรง ผู้ประกอบอาหาร กลุ่มชายรักชาย ผู้ติดยาเสพติด ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ โดยฉีดเพียง 1 เข็มสำหรับวัคซีนเชื้อเป็น

วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B vaccine)
เป็นโรคที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรังนำไปสู่ โรคตับแข็งและมะเร็งตับได้ แนะนำฉีดวัคซีนประชากรกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคนี้ ได้แก่ ผู้ติดยาเสพติด รักร่วมเพศ ผู้ป่วยโรคไตที่ทำการฟอกไต ผู้ป่วยที่รับเลือดบ่อย ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ โดยฉีดทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 ห่างครั้งแรก 1-2 เดือน ครั้งที่ 3 ห่างครั้งแรก 6 เดือน

ที่มา : www.phukethospital.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


4 สัญญาณอันตรายเมื่อต้องติดซีรีย์ในช่วง Quarantine

ในช่วง Work From Home หรือช่วงที่หยุดงานชั่วคราวแบบนี้ อาจทำให้ใครหลายคนดูซีรีส์ได้ยาวกว่าเดิม แต่อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพได้มากกว่าตอนที่ออกไปทำงานข้างนอกตามปกติเสียอีก วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 4 สัญญาณอันตรายที่อาจแฝงมาในช่วงติดซีรีย์มาฝากกันค่ะ

นอนไม่หลับ
อาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่การที่เราอดนอนเพื่อดูซีรีส์ข้ามวันข้ามคืน เมื่อเราจะกลับมานอนในเวลาเดิม จะรู้สึกว่านอนหลับได้ยากขึ้น และยังรู้สึกเพลียมากหลังตื่นนอน (นอนหลับก็ยาก ตื่นนอนก็ยาก) หากปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตผิดเวลาแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจส่งผลต่อการทำงานของสมองในเรื่องของความจำได้อีกด้วย

กระดูกสันหลังผิดปกติ
การนั่งดูซีรีส์อยู่ท่าเดิมเป็นเวลานานอยู่บนโซฟา หรือเก้าอี้ยาวใดๆ อาจไม่ใช่ท่านั่งที่ดีนักเมื่อต้องนั่งไปนานๆ อาจส่งผลต่อกระดูกสันหลังได้ หากยังมีพฤติกรรมเดิมอยู่บ่อยๆ โดยไม่เปลี่ยนท่านั่งให้ถูกต้อง อาจเสี่ยงกระดูกสันหลังเสื่อมเร็วขึ้นได้

โรคอ้วนถามหา
เมื่อเราสิงร่างรวมตัวเข้ากับโซฟา หรือเตียงไปแล้ว (หรือที่ฝรั่งเรียกว่า couch potato ที่แปลว่าคนที่วันๆ นั่งอยู่กับที่ไม่ยอมไปไหน) ก็มีความเสี่ยงมากที่เราจะเสี่ยงโรคอ้วน น้ำหนักขึ้น ไปจนถึงการเพิ่มความเสี่ยงของโรคความดันโลหิต เบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดได้

Computer Vision Syndrome
คนส่วนใหญ่รับชมซีรีส์ผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ การจ้องหน้าจอนานๆ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงกับอาการ Computer Vision Syndrome ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยที่ใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานานเกิน 2 ชั่วโมงขึ้นไป และอยู่ในที่มีความสว่างไม่เพียงพอ หรือเกิดจากความสว่างของหน้าจอที่ปรับไว้ไม่เหมาะสมในขณะใช้งาน ทำให้เกิดอาการอาการตาพร่ามัว ล้าตา ตาแห้ง เคืองตา เจ็บตา ปวดรอบดวงตา เห็นภาพซ้อน บางรายอาจมีการปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดไหล่ และหลังร่วมด้วย เนื่องจากอยู่ในท่านั่งการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม หรือเกิดจากค่าสายตาที่ไม่ได้รับการแก้ไข อาทิ สายตายาว สายตาเอียง

ที่มา : www.sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


อาหารเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายในช่วงโควิด

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังมีการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ทำให้สร้างความตื่นกลัวไปทั่ว โดยเชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายผ่านละอองน้ำในอากาศได้ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบปิดเป็นระยะเวลานาน และสาเหตุการติดเชื้อส่วนใหญ่ เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรือการหายใจเอาละอองน้ำที่มีเชื้อเข้าไป จึงเป็นต้นเหตุให้ผู้ที่ได้รับเชื้อเกิดปอดอักเสบชนิดรุนแรง และอาจทำให้เสียชีวิตได้ทางที่ดีที่สุดคือการเตรียมพร้อมป้องกันนั่นเอง โดยการใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อยๆ และควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดและมีมลภาวะเป็นพิษ รวมถึงพื้นที่ที่อากาศปิดเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้การเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อม โดยการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เราลดความเสี่ยงและความรุนแรงจากการติดเชื้อนี้ได้

โดยระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) คือ ระบบที่ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม ที่เป็นอันตรายไม่ให้เข้ามาทำอันตรายต่อร่างกายหรือหากเราได้รับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันก็จะกำจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นให้หมดไปจากร่างกายโดยเร็วและอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเสริมภูมิคุ้มกันก็ทำได้ด้วยการดูแลรักษาตัวเองเบื้องต้นเพื่อให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอเช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารให้ครบหมู่โดยคำนึงถึงสารอาหารที่ควรได้รับอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะในช่วงนี้การเพิ่มสารอาหารในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันจึงเป็นเรื่องจำเป็นซึ่ง SI มีบทความดีๆ  เคล็ดไม่ลับในการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมาฝาก ง่ายๆ เลยก็คือ การรับประทานวิตามินและสารอาหารที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

1 วิตามินซี (Vitamin C)
ข้อมูลจากงานวิจัยทางการแพทย์ พบว่าวิตามินซีมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน รวมถึงการเสริมสร้างความแข็งแรงของภูมิต้านทานต่อโรคติดเชื้อ มีรายงานว่าผู้ที่มีระดับวิตามินซีในร่างกายสูงจะหายจากการเจ็บป่วยบางชนิดเช่นไข้หวัด และการติดเชื้อไวรัสได้เร็วกว่าคนที่ไม่ได้รับวิตามินซีเสริม โดยวิตามินซีจะพบมากในอาหารประเภทผัก ผลไม้สด โดยเฉพาะผลไม้กลุ่ม Citrus fruits ได้แก่ส้ม มะนาว เกรปฟรุต รวมถึงผักบางชนิดเช่น บรอคโคลี่ กะหล่ำต่างๆ และมะเขือเทศ

2 กระเทียม (Garlic)
มีงานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันชัดเจน ถึงคุณสมบัติของสารอัลลิซิน (Allicin) ในกระเทียมที่สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสและเชื้อโรคอีกหลายชนิด ทั้งยังช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น เม็ดเลือดขาว และเม็ดเลือดแดงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระบบภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้น มีข้อมูลที่บ่งชี้ชัดเจนว่าผู้ที่รับประทานกระเทียมเป็นประจำ จะมีโอกาสป่วยลดลงและหายจากอาการป่วยด้วยโรคติดเชื้อเร็วขึ้น

3 เอ็กไคนาเซีย (Echinacea)
เอ็กไคนาเซียเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งเป็นสมุนไพรที่ช่วยการฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน เพิ่มภูมิต้านทาน จากงานวิจัยพบว่าเอ็กไคนาเซียมีคุณสมบัติยับยั้งการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส นอกจากนี้ช่วยกระตุ้นส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่มีตามธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายซึ่งก็คือ เซลล์แมคโครฟาจ (Macrophage) และเซลล์ภูมิต้านทานชนิด NK Cell (Natural Killer Cell) ซึ่งเมื่อมีเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย เซลล์แมคโครฟาจในเม็ดเลือดขาว จะเป็นปราการด่านแรกในการทำลายเชื้อโรค ทำให้กำจัดเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมในร่างกายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนเซลล์ภูมิต้านทานชนิด NK Cell ทำให้ระบบภูมิต้านทานโรคกำจัดเชื้อโรคได้เร็วขึ้นกว่าปกติ

ที่มา : พญ.อนงนุช ชวลิตธำรงค์

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

แพร่เชื้อ Covid-19 ไม่รู้ตัว แค่ออกกำลังกายนอกบ้าน

ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ที่ออกมาเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกายนอกบ้าน อาจเสี่ยงแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ไกลกว่าที่คิด เพราะล่าสุดงานวิจัยจากเบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า เชื้อไวรัสที่ออกมาจากผู้ป่วยโควิด-19 ขณะกำลังเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน อาจสามารถแพร่เชื้อไปได้ไกลกว่าการอยู่เฉยๆ กับที่แล้วไอ หรือจาม ที่จะมีรัศมีในการแพร่เชื้ออยู่ที่ 1-2 เมตร แต่การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน อาจแพร่เชื้อได้ไกลถึง 20 เมตรเลยทีเดียว

งานวิจัยล่าสุดจาก KU Leuven (เบลเยี่ยม) และ TU Eindhoven (เนเธอร์แลนด์) ระบุว่า จากที่เราให้การระมัดระวังในเรื่องของ Social Distancing หรือการรักษาระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร เพื่อป้องกันการสูดเอาละอองฝอยน้ำลายจากการไอจามของผู้ป่วยโควิด-19 นั้น หากตัวผู้ป่วยเคลื่อนที่ไปข้างหน้า คนที่อยู่ด้านหลังอาจได้รับละอองฝอยน้ำลายของผู้ป่วยที่อยู่ด้านหน้าได้ไกลกว่า 1-2 เมตร

1.การเดินอยู่ด้านหน้า สามารถแพร่เชื้อที่อยู่ในละอองฝอยน้ำลายไปทางด้านหลังได้ไกลเพิ่มขึ้นถึง 4-5 เมตร

2. การวิ่ง หรือปั่นจักรยานช้าๆ จะไปได้ไกลถึง 10 เมตร

3. การปั่นจักรยานเร็วๆ สามารถแพร่เชื้อได้ไกลถึง 20 เมตร
ดังนั้นในหลายพื้นที่จึงออกมาตรการห้ามใช้บริการในสถานที่สาธารณะ รวมถึงบ้านเราที่ปิดสวนสาธารณะในบางช่วงเวลาในช่วงนี้ด้วย เพื่อลดการออกกำลังกายในสถานที่สาธารณะที่อาจเป็นการแพร่เชื้อไวรัสให้กับผู้อื่นได้

แนะนำว่า ช่วงนี้ควรออกกำลังกายในพื้นที่ส่วนตัว ในบ้าน ในห้อง หรือรอบๆ บ้านที่มีรั้วกั้นระหว่างบ้านเราและบ้านคนอื่นอย่างชัดเจนจะดีที่สุด

ขอขอบคุณ
ข้อมูล : gladiator-lab.ru,เฟซบุ๊คเพจ หมอเวร

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


พลิกวิกฤต COVID-19 ด้วย 5 สินค้าทำเงิน!

ในช่วงเวลาที่ไวรัส COVID-19 กำลังระบาด ส่งผลให้สินค้าบางกลุ่มมีความต้องการสูง อย่างเช่น หน้ากากอนามัย หรือเจลล้างมือ สำหรับผู้ประกอบรายเล็กอย่าง SME จะใช้สถานการณ์นี้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้กับตัวเองอย่างไร ท่ามกลางต้นทุนที่มีจำกัด ทั้งยังเข้าไม่ถึงวัตถุดิบบางอย่างที่อาจขาดตลาดด้วย

หลังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ลุกลามไปในประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสดังกล่าว มีความต้องการทางการตลาดพุ่งสูง แซงหน้าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งปัจจุบันผู้ประกอบการยังไม่สามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอกับความต้องการอีกด้วย ส่องไอเดียพลิกข้อจำกัด SME สู่ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์สุดปังจะมีอะไรบ้างนั้นตาม SI ไปดูกันค่ะ

1.เปลี่ยนการผลิตเสื้อผ้าสู่หน้ากากผ้าได้ง่ายๆ

การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ความต้องการหน้ากากอนามัยมีสูงกว่าช่วงเวลาปกติ สวนทางกับกำลังการผลิตภายในประเทศ ที่ทำได้ประมาณ 40.5 ล้านชิ้นต่อเดือน (ข้อมูลจาก กรมการค้าภายใน) ดังนั้น ผู้ประกอบการในกลุ่มสิ่งทอ สามารถปรับกระบวนการผลิต การตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้ากีฬา มาสู่การตัดเย็บหน้ากากผ้าได้ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีด้วย

เนื่องจากประชาชนจำนวนมากเริ่มหันมาใช้หน้ากากผ้าทดแทนกับหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลนกันแล้ว โดยสามารถดีไซน์ลวดลายตามเทรนด์แฟชั่นและพัฒนาขนาดให้สอดรับกับกลุ่มผู้ใหญ่และเด็ก สำหรับโครงสร้างสิ่งทอที่เหมาะสมกับการป้องกันไวรัส COVID-19 อาทิ ผ้านิตเจอร์ซี่ (Jersey Knit) หรือ ผ้าสะท้อนน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันสารคัดหลัง ไอ จาม หรือเสมหะ เป็นต้น

2.ปรับสายการผลิตน้ำหอมสู่เจลล้างมือ

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้ความต้องการกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพประเภทเจลล้างมือพุ่งสูงขึ้น โดยกำลังการผลิตในประเทศไทย ณ เวลานี้ อยู่ที่ประมาณ 400,000 หลอดต่อเดือน (ข้อมูลจาก องค์การเภสัชกรรม) ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ดังนั้น กลุ่มธุรกิจความงามที่มีสายการผลิตน้ำหอม สามารถปรับกระบวนการผลิตจากน้ำหอมสู่การทำเจลล้างมือได้ เนื่องจากมีสายการผลิตที่สามารถดำเนินการได้ทันที ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการในการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดด้วย

แต่ในสถานการณ์ที่กำลังการผลิตแอลกอฮอล์ขาดแคลน และราคาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัวนั้น ผู้ประกอบการสามารถนำ “ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์” หรือ “แอลกอฮอล์ล้างแผล” เป็นวัตถุดิบทดแทนการผลิตเจลล้างมือได้ เพราะมีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อไวรัสได้ดีและยังมีราคาถูกอีกด้วย

3.สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตทิชชูเปียกผสมแอลกอฮอล์

ประเทศไทยมีผู้ประกอบการโรงงานกระดาษทิชชูเปียกที่ปราศจากแอลกอฮอล์อยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ในท้องตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่จะลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ SME ที่จะหันมาเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยการพัฒนา “ทิชชูเปียก” มาสู่ “ทิชชูผสมแอลกอฮอล์” ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรีย 99.9 เปอร์เซ็นต์ มาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ยับยั้งเชื้อไวรัส ซึ่งปัจจุบันทิชชูเปียกผสมแอลกอฮอล์เริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดสูงขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกต่อการใช้งานนั่นเอง

4.ต่อยอดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น-สเปรย์ยับยั้งเชื้อไวรัส

สำหรับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นหรือสเปรย์ในปัจจุบัน อาจมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอสำหรับการยับยั้งไวรัสเพราะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป มีคุณสมบัติทำความสะอาดคราบสกปรกและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เท่านั้น ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าว ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดองค์ความรู้ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี พัฒนาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดยับยั้งไวรัสหรือพัฒนาสเปรย์เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งสำหรับการใช้งานได้

5.เสริมสร้างภูมิปัญญาไทยโอกาสสมุนไพรไทยระดับสากล

ปัจจุบันประเทศไทยมีความโดดเด่นเรื่องพืชสมุนไพร ซึ่งเป็นพืชที่ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจหลัก กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ตลอดจนวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ สามารถนำองค์ความรู้ทางภูมิปัญญาไทยสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในเชิงพาณิชย์ อย่างเช่น ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ดี เพื่อผลักดันสมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผู้ประกอบการควรเติมเต็มองค์ความรู้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้วย

นี่คือโอกาสในวิกฤตที่ผู้ประกอบการ SME สามารถนำมาเป็นไอเดียต่อยอดธุรกิจของตนเองได้ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังให้ข้อมูลว่า การแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกให้มีอัตราการขยายตัวลดลง ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์เศรษฐกิจไทย ในปี พ.ศ. 2563 ว่าจะขยายตัวในช่วง 1.5-2.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19) จากเดิมคาดการณ์การขยายตัวที่ 2.7-3.7 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ผู้ประกอบการ SME ตลอดจนวิสาหกิจชุมชน จึงต้องเร่งปรับกระบวนการผลิตให้ทันกับความต้องการของตลาด เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสและสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ในวันนี้ได้

ยังคงใช้ได้เสมอ กับคำว่า “โอกาสในวิกฤต” ถ้าเพียงแค่ผู้ประกอบการเปลี่ยนมุมคิด และตั้งรับกับสถานการณ์วิกฤตกันใหม่ แม้แต่ช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดๆ ก็อาจเกิดเป็นโอกาสธุรกิจที่สร้างงานสร้างรายได้ให้กับคุณได้
และนี่คือ 5 ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในปัจจุบัน ซึ่งผู้ประกอบการ SME แม้แต่วิสาหกิจชุมชนต่างๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตตลอดจนเลือกใช้วัตถุดิบอื่นๆ ทดแทนวัตถุดิบหลักที่ขาดแคลน เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสทำเงิน

www.smethailandclub.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


5 วิธี แก้ปัญหามือแห้ง จากการล้างมือ

ทุกวันนี้การล้างมือ ใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ หรือเจลแอลกอฮอล์นั้น แทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันที่เราต้องทำ เพื่อให้ห่างไกลจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus) หรือโควิด-19 (COVID-19)  แต่การที่เราต้องล้างมืออยู่บ่อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวและมือของเราแห้งกร้าน วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 5 วิธี เพิ่มความชุ่มชื้นลดอาการแสบคันเมื่อต้องใช้แอลกอฮอล์บ่อยๆ มีอะไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ

1. เลือกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่มีตัวมอบความชุ่มชื้น
ผมเข้าใจว่าทุกวันนี้แค่หาเจลแอลกอฮอล์สักหลอดมาใช้ล้างมือก็ยากแล้ว แต่ถ้าคุณยังโชคดีที่เดินซื้อของในซูเปอร์มาเก็ตแล้วเจอเจลแอลกอฮอล์หลายแบบ สิ่งที่คุณควรทำหลังจากเช็กส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70-75% บนฉลากแล้ว คุณควรดูด้วยว่ามีตัวช่วยเรื่องความชุ่มชื้นไหม อย่างเช่นสารสกัดจากว่านหางจระเข้ หรือแตงกวา เป็นต้น เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และลดการทำให้ผิวแห้งเป็นขุย

2. ใช้แฮนด์ครีม
เมื่อมือแห้งมาก ตัวช่วยเร่งด่วนที่สามารถทำได้เลยหลังจากใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ คือการใช้แฮนด์ครีม ซึ่งในท้องตลาดมีให้เลือกมากมายหลายแบบ ทั้งกลิ่น ขนาด และสูตรที่ช่วยบำรุงมือ นอกจากนี้คุณควรทาก่อนนอนอีกด้วย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นระหว่างที่คุณนอนหลับ โดยเฉพาะผู้ชายที่ไม่อยากใช้แฮนด์ครีมบ่อยในช่วงกลางวัน

3. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องเป่ามือด้วยลมร้อน
นอกจากความร้อนของเครื่องเป่ามือด้วยลมร้อนแบบอัตโนมัติจะทำให้มือแห้งจากการระเหยความชุ่มชื้นบนมือแล้ว ยังมีผลวิจัยจาก University of Connecticut ว่า เจ้าเครื่องนี้คือตัวแพร่กระจายเชื้อโรค หากไม่ได้ใช้แผ่นกรองที่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้เปลี่ยนแผ่นกรองเมื่อถึงเวลา เพราะมันจะดูดลมที่ปะปนไปด้วยเชื้อโรคที่มองไม่เห็นในห้องน้ำเข้าไป แล้วพ่นออกมา ทางที่ดีคุณควรใช้ทิชชูทำความสะอาดมือด้วยการเช็ดเบาๆ

4. น้ำอุ่นและน้ำมันมะกอกช่วยได้
สูตรการทำให้มือกลับมาชุ่มชื้นด้วยสิ่งของที่อยู่รอบตัวเรานั้นมีมากมาย แต่การใช้น้ำอุ่นและน้ำมันมะกอกคือวิธีที่ง่ายที่สุด เพียงคุณเทน้ำอุ่นใส่ลงในภาชนะสำหรับแช่มือ แล้วหยดน้ำมันมะกอกลงไป 3 ช้อนชา หลังจากนั้นจึงแช่มือลงไป ค่อยๆ นวดมือเบาๆ ทำสลับกับพักเป็นเวลา 10 นาที น้ำมันมะกอกจะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ซึ่งคุณสามารถทำวิธีนี้ระหว่างดูข่าวทางโทรทัศน์ก็ได้เพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย

5. อย่าลืมดื่มน้ำ
คุณควรดื่มน้ำสะอาดโดยเฉลี่ยวันละ 10 แก้วทุกวัน เพื่อช่วยบำรุงผิวจากภายใน และรักษาอาการผิวขาดน้ำ แต่วิธีนี้จะไม่สามารถช่วยได้ในทันทีทันใด เนื่องจากเมื่อเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำจะไม่ได้ไหลเข้าสู่เซลล์ผิวเราโดยตรง แต่จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดแล้วค่อยส่งไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย จากนั้นจึงไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว

ที่มา : gqthailand.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


วิธีรับมือปัญหากินจุกจิกจากความเครียด

ความเครียดนั้นเป็นปัญหาที่มักพบได้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนว่าจะติดหรือไม่ติดโควิด-19 รวมทั้งการถูกจำกัดพื้นที่ให้ทำงานจากที่บ้านด้วยนั้น ก็อาจจะทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น บางคนตอบรับความเครียดด้วยการกิน กิน แล้วก็กิน วันนี้ SI มีบทความดีๆ จากนักโภชนาการที่แนะวิธีรับมือ ปัญหา “กินจุกจิก” จาก “ความเครียด” จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ

1.เราควรพยายามรู้ตัวและควบคุมสาเหตุที่จะกระตุ้นให้เกิดความเครียด ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นการติดตามข่าว หรือการอ่านเรื่องราวที่มีการแชร์ออนไลน์มากเกินไป แต่หากเราไม่สามารถเลี่ยงตัวกระตุ้นความเครียดที่ว่านี้ได้แล้ว คุณคาโรลีน โอนีล นักโภชนาการผู้หนึ่ง แนะว่าเราควรทำบันทึกรายการอาหารที่หยิบเข้าปากในแต่ละวัน เพื่อช่วยให้เห็นภาพว่าเรากินอะไร ที่ไหน และเป็นจำนวนเท่าใด

2. ถ้าเราอดกินจุกจิกหรือละเว้นของขบเคี้ยวไม่ได้ นักโภชนาการแนะให้เตรียมของกินเล่นในปริมาณที่เหมาะสมไปล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เผลอตัวกินเพลินจนหมดทั้งถุงใหญ่นั่นเอง

3. จัดบริเวณครัวและตู้เย็นเสียใหม่ โดยเอาของกินที่ล่อตาล่อใจไปให้พ้นสายตา และเอาของดีที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ วางไว้ในบริเวณที่เห็นหรือหยิบฉวยได้ง่ายในตู้เย็น ซึ่งจะเป็นประโยชน์เวลาที่เกิดแรงกระตุ้นให้ต้องหาอะไรกินลดความเครียด

4. ควรหาเวลาหยุดพักเพื่อจิบชาสมุนไพร หรือกาแฟใส่โกโก้บ้าง เพื่อช่วยบริหารจัดการความรู้สึกของตัวเองไม่ให้สะสมความเครียดมากจนเบรคไม่อยู่
แต่สุดท้ายหากทนไม่ไหวจริงๆ และต้องลดความเครียดด้วยการสนองความต้องการของปากกับลิ้นแล้ว นักโภชนาการแนะให้พยายามเลือกของว่างลดความเครียดที่มีประโยชน์ เช่น ช็อกโกแลตดำที่อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ เป็นต้น

โดยข้อคิดและเคล็ดลับสำหรับการรับมือกับความเครียดแบบไม่ตามใจปาก ซึ่งทั้งเพศชายและเพศหญิงที่ทำงานจากบ้านอาจนำไปใช้ได้ ก็คือ นอกจากการสร้างระยะห่างทางสังคม ถ้าจะให้ดีแล้วควรต้องสร้างระยะห่างที่พอดีจากครัวและตู้เย็นด้วยเช่นกัน

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


สิวบุกเพราะแมส แก้ไขได้ด้วยทริคง่ายๆ

หน้ากากอนามัย ไอเทมที่ต้องมีติดตัวในช่วง COVID-19 (โควิด 19) หรือ โคโรนาไวรัส ระบาด แต่ปัญหาผิวที่ตามมาคือ ใส่หน้ากากอนามัยแล้วสิวขึ้น ระคายเคือง เป็นผื่น เป็นเพราะอะไรและควรทำอย่างไรดี

จากการระบาดของ COVID-19 (โควิด 19) หรือ โคโรนาไวรัส ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก และยังไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมได้ในเร็ววันนี้ ทำให้ชีวิตประจำวันของสาว ๆ ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยกันเกือบตลอดเวลา เพื่อป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ แต่การสวมหน้ากากอนามัยทุกวันเป็นประจำนี่เอง ใบหน้าของเราจึงต้องสัมผัสกับหน้ากากอยู่บ่อย ๆ ทำให้หลายคนมีปัญหาผิว สิวเยอะขึ้น ระคายเคือง คัน และมีผื่นแดงตามมา เป็นเพราะสาเหตุอะไรและจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร ตาม SI ไปดูกันค่ะ

1. สิวที่เกิดจากการใส่หน้ากากอนามัย

ขณะที่เราสวมใส่หน้ากากอนามัย จะเกิดการเสียดสีระหว่างหน้ากากกับผิวหน้า ทำให้ผิวระคายเคือง เกิดเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ รวมถึงตุ่มหนองขนาดเล็ก ๆ ขึ้นมาได้ และการใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน ๆ ยังทำให้ผิวภายใต้หน้ากากอบไปด้วยความร้อน เหงื่อ และละอองน้ำ ก่อให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค แบคทีเรีย และผิวอุดตันได้ง่าย ซึ่งเป็นอีกต้นเหตุหนึ่งของการเกิดสิว

2. อาการคันและผื่นแดงจากการใส่หน้ากากอนามัย

อาการคัน และเป็นผื่น อาจจะเกิดขึ้นบริเวณขอบหน้ากาก แก้ม ปาก คางและจมูกก็ได้ ส่วนใหญ่เกิดจากการระคายเคือง เช่น การกดทับ การขยับไป-มา มากกว่าเกิดจากการแพ้สัมผัสจากส่วนประกอบของหน้ากากอนามัย

ทั้งนี้ จากข้อมูลงานวิจัยในช่วงนี้มีการระบาดของโรค SARS ระหว่างปี ค.ศ. 2002-2004 พบว่า บุคลากรทางการแพทย์ 35.5% มีปัญหาผิวจากการใช้หน้ากากชนิด N95 อย่างต่อเนื่อง โดย 59.6% เป็นสิว, 51.4% มีอาการคันหน้า และ 35.8% มีผื่นที่ใบหน้า (ใน 1 คนอาจมีหลายอาการได้) ซึ่งในจำนวนนี้ พบคนที่ใส่ N95 ส่วนหนึ่งแพ้สารฟอร์มาลดีไฮด์ที่อยู่ใน N95 นั่นเอง แต่คนที่ใส่หน้ากากอนามัยแบบธรรมดายังไม่พบว่ามีการแพ้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลจากรายงานกรณีแพทย์ที่มีผื่นแพ้สัมผัสจากหน้ากากอนามัย โดยมีอาการผื่นคันที่หน้าผาก เปลือกตา และแก้ม ซึ่งเป็นหลังจากช่วงที่เข้าห้องผ่าตัด และอาการผื่นดีขึ้นในช่วงวันหยุดที่ไม่ได้ผ่าตัด เคสนี้ได้ทดสอบการแพ้ พบว่าแพ้สารไทยูแรม (Thiauram) ซึ่งพบว่าอยู่ในส่วนที่เป็นสายคล้องหูของหน้ากากนั่นเอง

ดังนั้น หากเกิดอาการคัน เป็นผื่น จากการใส่หน้ากากอนามัย อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าแพ้หน้ากากอนามัย เพราะเคสผื่นแพ้สัมผัสแบบนี้เจอได้น้อยมาก ส่วนเรื่องการทดสอบการแพ้ (Patch test) ก็สามารถทำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำทุกคน

เทคนิคลดปัญหาผิว จากการใส่หน้ากากอนามัย

วิธีใส่หน้ากากอนามัยแบบง่าย ๆ ที่จะช่วยลดปัญหาผิว ทั้งสิว ผื่นคัน และอาการแพ้ สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ดังนี้

1. ล้างหน้าให้สะอาด เพื่อลดโอกาสเสื่ยงจากการเกิดสิว จึงควรล้างหน้าให้สะอาดมากขึ้น ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับผิว รีเช็กการทำความสะอาดขั้นตอนสุดท้ายโดยใช้โทนเนอร์เช็ดที่ผิว จนกว่าจะไม่มีคราบบนสำลี และควรล้างหน้าเมื่อมีเหงื่อออกมาก โดยไม่ต้องขัดหรือสครับผิวหน้า

2. งดแต่งหน้า ถ้าจำเป็นต้องแต่งจริง ๆ ให้เว้นใบหน้าครึ่งล่างไว้ แต่งเฉพาะครึ่งบนได้

3. เลือกใช้สกินแคร์ที่ไม่ทำให้อุดตันหรือเป็นสิว วิธีง่าย ๆ คือให้สังเกตตรงฉลากจะมีคำว่า Oil-free, Non-comedogenic, Non-acnegenic, Won’t clog pore เป็นต้น

4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพอากาศร้อน ที่มีผู้คนแออัด

5. ถอดหน้ากากอนามัยออกบ้าง เวลาที่อยู่คนเดียว หรืออยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก และผู้คนไม่พลุกพล่าน

6. หาทิชชูสะอาดบาง ๆ คั่น ระหว่างหน้ากากอนามัยกับใบหน้า

7. เปลี่ยนหน้ากากอนามัยอย่างน้อยวันละครั้ง ไม่ควรใช้ซ้ำ

8. กินยาแก้แพ้ แก้คัน ช่วยลดอาการคันได้ ถ้าไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์

9. ถ้าเป็นสิว ทายาแต้มสิวได้ ถ้าเป็นเยอะหรือไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เช่นกัน

10. ระวังไม่ให้เส้นผมเข้าไปในหน้ากากอนามัย เพราะความมันจากเส้นผมก็เป็นสาเหตุของสิวได้

11. ไม่ควรลองใช้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางใหม่ ๆ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะแพ้ของใหม่

12. ทำความสะอาดพัฟหรือแปรงแต่งหน้า สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

13. เปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน ควรซักและเปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือถ้าจะให้ดี เปลี่ยนสัปดาห์ละ 2 ครั้งก็ได้

14. ลดสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เป็นสิว เช่น ไม่จับหน้าบ่อย ๆ ไม่นอนดึก ไม่กินของหวาน ๆ

รู้แบบนี้แล้ว สาว ๆ ก็ลองนำไปปรับเปลี่ยนวิธีการใส่หน้ากากอนามัยของตัวเองกันดู และอย่าลืมให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าหลังถอดหน้ากากอนามัยกันด้วยนะคะ คราวนี้การใส่หน้ากากก็จะไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้หน้าพังอีกแล้ว ถึงไวรัสจะมา แต่หน้าเราต้องรอด

ที่มา : เฟซบุ๊ก Dr. Yui คุยทุกเรื่องผิว

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


พัก “สายตา” ก่อน WFH ในยุค Covid-19

ช่วงนี้หลายๆ องค์กรออกมาประกาศนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้านหรือ Work From Home ทุกคนทราบกันมั๊ยคะว่า จริงๆ แล้วอาจมีอันตรายซ่อนอยู่ เพราะการทำงานที่บ้านในช่วงกักตัว เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 นั้น  กิจวัตรประจำวันของแต่ละคนเชื่อได้เลยว่าต้องอยู่หน้าจอเกือบทั้งนั้น อาจจะมากกว่าการทำงานปกติด้วยซ้ำ โดยเฉพาะยิ่งเรารักษาระยะห่างทางสังคม เรายิ่งต้องติดต่อกันผ่านโปรแกรมแชทนั้นเอง

หากพูดถึงอันตรายจากแสงสีฟ้า ก็เป็นที่ทราบกันดีเลยล่ะค่ะ เมื่อเราจอจอนานๆ อาจจะก่อให้เกิดภาวะตาล้า (Digital Eye Strain) ซึ่งจะมีอาการ ปวดตา,ตาแห้ง,ตาพร่า,น้ำตาไหล หรืออาจจะร้ายแรงถึงขั้นเกิด โรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-Related Macular Degeneration : AMD) มีงานวิจัยทางการแพทย์พบว่า ถ้าเผชิญหน้ากับแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน อาจทำให้เซลล์ในดวงตาตาย เนื่องจากคลื่นแสงพลังงานสูงเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radical) ในเซลล์ของจอประสาทตา ทำให้เซลล์ค่อย ๆ เสื่อมลงส่งผลให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย

9 วิธีป้องกันแสงสีฟ้าง่าย ๆ ที่เรานำมาฝาก สามารถทำตามกันได้เลย

1. ปรับแสงสว่างและความคมชัดของหน้าจอให้รู้สึกสบายตา สังเกตได้ง่าย ๆ จากการที่เราไม่ต้องหรี่ตาเวลามองหน้าจอ

​2. สวมแว่นกรองแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อถนอมสายตาไม่ให้ปะทะกับแสงสีฟ้าบนหน้าจอโดยตรง วิธีนี้จะช่วยปกป้องดวงตาเราจากแสงสีฟ้าได้ดีเลยทีเดียว

3. ติดแผ่นกรองรังสีไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วนสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตสามารถติดฟิล์มกรองแสงด้วยเช่นกัน

4. ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากดวงตาประมาณ 18-24 นิ้ว และปรับให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา ช่วยลดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้

5. ควรกะพริบตาให้ได้ 1-2 ครั้งต่อ 10 วินาที เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ วิธีนี้จะช่วยลดความอ่อนล้าของสายตาได้

6. ใช้สูตร 20-20-20 คือ ทุก ๆ 20 นาที ควรละสายตาจากหน้าจอไปมองบริเวณอื่น ๆ โดยให้มองห่างจากบริเวณที่นั่งอยู่ประมาณ 20 เมตร เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อรีเฟรชสายตาให้ได้ปรับตัวใหม่

7. ปรับขนาดตัวอักษรให้ใหญ่พออ่านสบายตา

8. ทำความสะอาดหน้าจอ การทำความสะอาดหน้าจอได้หมดจด จะทำให้เราเห็นหรืออ่านได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นผลดีกับดวงตาเรา

​9. จำกัดเวลาอยู่หน้าจอ ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อครั้ง และพักเบรก 10 นาที

ที่มา : eyeguardgroup.com, hellomagazine.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


icon-f gray-line_logo-1 icon-you

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า