10 เรื่องของวิตามินที่คุณอาจไม่รู้

ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าวิตามินเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายมีแต่คุณประโยชน์ แต่รู้ไหมว่าวิตามินต่าง ๆ มีความลับซ่อนอยู่ที่หากคุณได้รู้จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมและดีต่อร่างกายยิ่งขึ้นได้ วันนี้ SI พาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ

1. วิตามินบางชนิดควรได้รับทุกวัน
วิตามินบางชนิดจำเป็นต้องได้รับทุกวัน ได้แก่ วิตามินซีและบี ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ วิตามินกลุ่มนี้ไม่ถูกสะสมหรือกักเก็บในร่างกายได้นาน จะถูกกำจัดออกทางปัสสาวะและเหงื่อ เราจึงต้องได้รับวิตามินกลุ่มนี้ทุกวัน และแม้ร่างกายจะได้รับวิตามินกลุ่มนี้มากเกินไป ส่วนเกินของวิตามินจะถูกขับออกโดยไม่ทำให้เกิดพิษหรือปัญหาต่อร่างกาย

2. เอ ซี อี ซิลีเนียม เด่นชะลอวัย
วิตามินเอ ซี อี และแร่ซิลีเนียมเป็นกลุ่มวิตามินที่ให้ผลลัพธ์ในเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระโดดเด่นกว่าวิตามินตัวไหน ๆ ซึ่งพบมากในผลไม้ อาทิ ลูกพรุน องุ่น ผลไม้ชนิดเบอร์รี ฝรั่ง และส้ม ส่วนผักก็ได้แก่ ผักบุ้ง บลอกโคลี ผักขม ซึ่งการทานให้ได้ผลดีสุดควรทานในรูปแบบผักผลไม้สด แต่หากเป็นคนที่ทานผักผลไม้น้อย แหล่งอาหารเสริมก็เป็นทางเลือกที่สองได้

3. เบตาแคโรทีน ทานดีทั้งรูปแบบอาหารและอาหารเสริม
หากต้องการทานเบตาแคโรทีนเพื่อบำรุงสุขภาพ ป้องกันความเสื่อมถอยของร่างกาย แนะนำให้รับประทานในรูปอาหารซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในผักผลไม้ที่มีสีส้มหรือสีเหลือง แต่หากต้องการทานเพื่อการรักษาภาวะความเสื่อมที่เป็นอยู่ ก็สามารถเลือกทานในรูปแบบอาหารเสริมได้ แต่ควรให้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ดีที่สุด

4. ไข่ขาวดิบ ทำลายวิตามินบี 7
ไข่ขาวดิบ มีสารที่ส่งผลต่อไบโอตินในวิตามินบี 7 ที่อยู่ในลำไส้และขัดขวางการดูดซึมของร่างกาย หากรับประทานไข่ขาวดิบปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน ๆ เช่น 2 ฟองหรือมากกว่า 2 ฟองต่อวันเป็นเวลาหลายเดือน จะทำให้ร่างกายขาดไบโอตินได้ เพราะในไข่ขาวมีสารที่ทำลายไบโอติน

5. วิตามินซีไม่ได้มีดีแค่ป้องกันหวัด
วิตามินซีเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายในชีวิตประจำมาก ๆ เพราะช่วยต้านความเครียด เพิ่มความสดชื่นและความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย ที่สำคัญคือ ช่วยต้านริ้วรอยโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีบทบาทช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้ด้วย

6. วิตามินดี ดีจริง ๆ
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าวิตามินดีมีดีกว่าการเสริมสร้างแคลเซียมในกระดูกและฟัน หรือกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อในร่างกาย เพราะมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยต้านมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม รวมถึงยังช่วยลดอาการซึมเศร้า และลดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังด้วย

7. วิตามินอี ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผิวพรรณ
วิตามินอีขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงผิวสำหรับสาว ๆ แต่สำหรับหนุ่ม ๆ ก็ไม่น้อยหน้า เพราะช่วยแก้ปัญหาความบกพร่องของระบบสืบพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ และเพิ่มโอกาสในการมีบุตรในผู้ที่มีบุตรยาก รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจด้วย

8. วิตามินบี 5 ปราบสิว
สาเหตุหนึ่งของคนที่เป็นสิวอาจเพราะขาด Coenzyme-A ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้วิตามินบี 5 ในการสร้าง ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ไม่ดี ไขมันจึงออกมาทางส่วนต่าง ๆ ของผิวหนังเป็นเหตุให้เกิดการอุดตันที่ผิวหนังและเป็นสิวในที่สุด แต่หากร่างกายมีวิตามินบี 5 เพียงพอก็จะทำให้ระบบการเผาผลาญไขมันทำงานปกติ ผิวหนังไม่ผลิตน้ำมันออกมามากเกินจนเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว

9. กินวิตามินพร้อมอาหารและหลังอาหาร
ช่วงเวลาสำหรับการรับประทานวิตามินคือ ทานพร้อมอาหารและหลังอาหารเพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด แต่ก็มีวิธีทานวิตามินให้ได้ผลดี คือ วิตามินบีรวมและวิตามินซี ควรรับประทานพร้อมอาหารเช้า กลางวัน เย็น เพื่อให้วิตามินอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งวัน ส่วนวิตามินเอ ดี อี เคที่ละลายได้ดีในไขมัน ควรทานพร้อมมื้ออาหารที่มีไขมัน และถ้าต้องทานวิตามินในมื้อเดียวให้เลือกมื้อที่ใหญ่ที่สุดของวัน หรือทานครึ่งหนึ่งหลังอาหารเช้า ครึ่งหนึ่งหลังอาหารเย็นก็ได้เช่นกัน

10. วิตามินมีกลิ่นไม่ได้เสีย
หลายคนเมื่อได้กลิ่นแรงของวิตามินมักคิดว่าเสีย แต่ความจริงแล้วคือการเสื่อม ซึ่งเกิดจากการเก็บไว้ผิดที่คือ โดนแสงแดดและอุณหภูมิสูงเกินไป หากรับประทานก็ไม่ได้เป็นอันตราย เพียงแต่ประสิทธิภาพอาจจะลดลง นอกจากนี้วิตามินที่มีรอยร้าวที่เม็ดก็ยังมีคุณภาพและทานได้ตามปกติ เพราะเกิดจากการเคลือบเม็ดมาไม่ดีเท่านั้น

ที่มา: bangkokhospital.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


Detox ง่ายๆ ด้วย 15 สุดยอดอาหารล้างพิษ

ปกติร่างกายเรามีการขับถ่ายและกำจัดของเสียตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่บางครั้งร่างกายอาจได้รับสารพิษมากเกินไป หรือมีของเสียคั่งค้างและกำจัดได้ไม่หมด จนกลายเป็นผลเสียต่อร่างกายได้ ด้วยความที่ยุคปัจจุบัน ผู้คนสนใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น จึงเริ่มมีการใช้กรรมวิธีกำจัดสารพิษในร่างกายที่เรียกว่า การ “ดีท็อกซ์” กันมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สิ่งไม่พึงประสงค์ที่คั่งค้างอยู่ถูกชะล้างออกไป และช่วยฟื้นฟูร่างกาย ขจัดโรคภัยต่างๆ ได้

การดีท็อกซ์ หรือ Detox มาจากคำว่า Detoxification ซึ่งแปลว่า การขจัดสารพิษ และสิ่งแปลกปลอมออกไปจากร่างกาย โดยใช้ระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากสารที่เรารับเข้าไปหลายอย่าง อาจเกิดการสะสม และทำปฏิกิริยากับสารอื่นๆ ภายในร่างกาย ทำให้เกิดผลเสียได้ ปัจจุบัน การขจัดสารพิษด้วยการดีท็อกซ์ถือเป็นการแพทย์ทางเลือกอย่างหนึ่ง ซึ่งวิธีหรือสูตรการดีท็อกซ์ก็มีด้วยกันมากมายหลากหลาย วันนี้ SI มี 10 อาหารที่ถือว่าเป็นสุดยอดอาหารเพื่อการ Detox อย่างแท้จริง จะมีอะไรไปดูกันค่ะ

1. แอปเปิ้ล
เพราะในแอปเปิ้ลอุดมไปด้วยเพคติน ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารชนิดที่สามารถดักจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายได้ ช่วยกำจัดสารพิษแล้วขับออกมาทางลำไส้ ถ้าจะให้ดีควรเลือกทานแอปเปิ้ลที่ปลูกแบบออแกนิก

2. อะโวคาโด
เรามักจะคิดแค่ว่าอะโวคาโดเป็นอาหารคลีน แต่ความจริงแล้วอะโวคาโดนี้เป็นแหล่งของสารอาหารที่ทรงพลัง ทั้งยังมีคอเลสเตอรอลต่ำ และช่วยขยายหลอดเลือด และช่วยปิดกั้นสารพิษที่เข้ามาทำลายหลอดเลือดแดง นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีชื่อว่ากลูต้าไธโอน ช่วยต้านทานสารก่อมะเร็งได้อย่างน้อยถึง 30 ชนิดด้วยกัน อีกทั้งยังช่วยล้างพิษตับจากสารเคมีต่างๆ ได้

3. บีทรูท (ผักกาดแดง)
ในหัวบีทรูทนั้นมีสารประกอบตามธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ที่ช่วยในการฟอกเลือด และจัดเป็นพืชที่ช่วยในการล้างพิษตับได้อย่างดีเยี่ยม

4. บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่จัดเป็นอาหารเพื่อการบำบัดที่ทรงพลังอีกชนิดก็ว่าได้ เพราะในบลูเบอร์รี่นั้นมีแอสไพรินตามธรรมชาติที่ช่วยลดผลกระทบจากเนื้อเยื่ออักเสบเรื้อรัง และลดความเจ็บปวดลงได้ นอกจากนี้บลูเบอร์รี่ยังทำหน้าที่เป็นยาปฏิชีวนะด้วยการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการต้านไวรัสและป้องกันสารพิษเข้าสู่สมองได้ด้วย

5. กะหล่ำปลี
ในกะหล่ำปลีมีสาระต้านมะเร็งอยู่หลายชนิด และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกจำนวนมากช่วยให้ตับทำลายฮอร์โมนส่วนเกินออกไป อีกทั้งในกะหล่ำปลียังช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดสารพิษจากควันบุหรี่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการล้างพิษของตับได้

6. ขึ้นฉ่าย
ทั้งขึ้นฉ่ายและเมล็ดขึ้นฉ่ายต่างก็ช่วยดีท๊อกซ์เลือดได้อย่างดีเยี่ยม มีสารต้านมะเร็งอยู่หลายชนิด ช่วยล้างพิษเซลล์มะเร็งออกไปจากร่างกาย ในเมล็ดขึ้นฉ่ายนั้นมีสารต้านการอักเสบอีกกว่า 20 ชนิด จึงช่วยกรองสารพิษที่พบในควันบุหรี่ออกไปได้

7. แครนเบอร์รี่
ช่วยล้างพิษร่างกายจากแบคทีเรียที่เป็นอันตรายและไวรัสที่อาจตกค้างอยู่ในทางเดินปัสสาวะได้ เพราะในแครนเบอร์รี่นั้นมีสารที่เป็นทั้งยาปฏิชีวนะและต่อต้านไวรัสตามธรรมชาติอยู่มาก

8. เมล็ดลินิน
อุดมไปด้วยกรดไขมันสำคัญๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดไขมันโอเมก้า 3 ทั้งเมล็ดลินินและน้ำมันเมล็ดลินินต่างก็สำคัญต่อการทำความสะอาดระบบต่างๆ ตลอดทั้งร่างกายได้

9. กระเทียม
ทานกระเทียมช่วยล้างแบคทีเรียที่เป็นพิษออกไปได้ รวมไปถึงพยาธิในลำไส้และไวรัสต่างๆ ภายในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ในเลือดและลำไส้ กระเทียมช่วยล้างพิษที่สะสมอยู่ในหลอดเลือดแดง และยังช่วยต่อต้านมะเร็ง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยล้างพิษจากสารอันตรายภายในร่างกาย นอกจากนี้กระเทียมยังเป็นผู้ช่วยสำคัญในการทำความสะอาดทางเดินหายใจด้วยการขับสารพิษออกจากปอดและไซนัส เพื่อให้ได้รับประโยชน์มากที่สุดควรเลือกทานเป็นกระเทียมสด เพราะในกระเทียมผงนั้นไม่มีคุณสมบัติดี ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น

10. เกรปฟรุต (ผลไม้ตระกูลส้ม)
ทานเกรปฟรุตในมื้อเช้าจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากเส้นใยเพคตินที่ช่วยดักจับคอเลสเตอรอล ดังนั้นจึงช่วยทำความสะอาดเลือดได้ เพคตินยังช่วยดักจับโลหะหนักและนำพาออกไปจากร่างกาย นอกจากนี้เกรปฟรุตยังมีสารที่ช่วยต้านไวรัสจึงขจัดไวรัสที่ทำอันตรายออกไปได้ เกรปฟรุตจัดเป็นผลไม้ล้างพิษที่ยอดเยี่ยมสำหรับลำไส้และตับเลยทีเดียว

11. ผักคะน้า
ผักคะน้านึ่งมีประโยชน์ในการช่วยต่อต้านมะเร็ง และเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยล้างสารพิษออกไปจากร่างกายได้ ทั้งยังเต็มไปด้วยเส้นใยอาหารที่ช่วยทำความสะอาดทางเดินอาหาร คล้ายๆ กับกระหล่ำปลีนั่นเอง คะน้ายังทำให้สารที่พบในควันบุหรี่มีความเป็นกลาง และยังช่วยล้างพิษตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

12. พืชตระกูลถั่ว
เพิ่มถั่วที่ปรุงสุกแล้วลงไปในอาหารมื้อต่อไปของคุณ มันเต็มไปด้วยเส้นใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ทำความสะอาดลำไส้และรักษาระดับน้ำตาลในเลือด พืชตระกูลถั่วยังช่วยป้องกันมะเร็งได้ด้วยนะ

13. เลมอน
จัดเป็นสารล้างพิษตับชั้นเยี่ยม ในเลมอนประกอบไปด้วยวิตามินซีสูงมาก ซึ่งเป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการใช้เพื่อนำไปผลิตสารที่มีชื่อว่ากลูต้าไธโอน กลูต้าไธโอนช่วยล้างพิษตับจากสารเคมีอันตรายต่างๆ บีบน้ำเลมอนสักลูกผสมกับน้ำสะอาดแล้วดื่มทุกวันเป็นประจำช่วยล้างพิษในร่างกายได้

14. สาหร่ายทะเล
สาหร่ายทะเลเป็นพืชที่มักจะถูกละเลยในโลกตะวันตก จากการศึกษาที่มหาวิทยาลัย McGill ในมอนทรีออล พบว่าสาหร่ายทะเลช่วยดักจับสารกัมมันตรังสีในร่างกายได้ อีกทั้งยังดักจับโลหะหนักแล้วขจัดออกไปจากร่างกาย นอกเหนือจากนี้ในสาหร่ายทะเลยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุอีกเป็นจำนวนมากด้วย

15. ผักวอเตอร์เครส (สลัดน้ำ)
ถ้ายังไม่เคยทานผักวอเตอร์เครส อาจลองชิมด้วยการนำไปทำแซนวิชดูได้ ผักชนิดนี้เพิ่มเอนไซม์ที่ช่วยในการล้างพิษและเซลล์มะเร็งออกไปจากร่างกายด้วย จากการศึกษาในศูนย์วิจัยอาหาร Norwich ในประเทศอังกฤษ พบว่าผู้ที่สูบบุหรี่ที่ทานวอเตอร์เครส 170 กรัมต่อวันจะขจัดสารก่อมะเร็งผ่านออกมาทางปัสสาวะได้มากกว่าระดับปกติที่เคยขับออกมาจากร่างกาย

การกินผักและผลไม้ที่หลากหลายจัดเป็นตัวช่วยที่ดีเยี่ยมในการล้างเอาสารพิษที่เป็นอันตรายออกไปจากร่างกาย อีกทั้งมันยังอร่อยถูกปากรสชาติดีอีกด้วยนะ

ที่มา: health-th.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ใช้เครื่องสำอางอย่างไร ให้ยืดอายุการใช้งานนานยิ่งขึ้น

สาวๆ รู้หรือไม่ อายุการใช้งานของ เครื่องสำอาง  แม้ว่า เครื่องสำอาง มีวันหมดอายุก็จริง แต่หากรู้วิธีการเก็บรักษาและดูแลเป็นอย่างดี จะช่วยยืดอายุเครื่องสำอางให้นานยิ่งขึ้นโดย เครื่องสำอาง สามารถแบ่งออกตามประเภทดังนี้รองพื้นและเบส

อายุหลังเปิดใช้ – ชนิด water base อยู่ได้นาน 12 เดือน / ชนิด oil base อยู่ได้นาน 18 เดือน

สัญญาณเตือน – เนื้อรองพื้นที่เคยลื่นเหลว แข็งเป็นเม็ด แป้งสีขาวขุ่นมัว

วิธียืดอายุ – ต้องปิดฝาให้สนิท ใช้คอตต้อนบัดแตะรองพื้นก่อนแต้มที่ผิวหน้า เลี่ยงการใช้นิ้ว ที่สำคัญ

เลือกรองพื้นชนิดขวดปั๊มป้องกันอากาศและฝุ่นละออง ช่วยให้รองพื้นคงความชุ่มชื้น

หรือถ้าเป็นรองพื้นชนิดครีมควรใช้พายตัก

สำหรับแป้งผสมรองพื้น ควรหมั่นล้างทำความสะอาดพัฟให้เกลี้ยงและสะอาด

เพราะความมันและแบคทีเรียจากผิวหน้าอาจปนเปื้อนทำให้เนื้อแป้งหมดอายุเร็วขึ้น


ลิปสติก ลิปกลอส

อายุหลังเปิดใช้ – อยู่ได้นาน 18 เดือน

สัญญาณเตือน – กลิ่นค่อนข้างฉุน ชวนเวียนหัว ถ้าเป็น lip gloss เนื้อผลิตภัณฑ์อาจะเหนียวไม่เหมือนเดิม

วิธียืดอายุ – หลีกเลี่ยงการทาที่ริมฝีปากโดยตรง รวมทั้งการใช้นิ้วแตะแต้ม

ควรใช้พู่กันเกลี่ยเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกจากมือและริมฝีปากไปสะสมที่ลิป


มาสคาร่า

อายุหลังเปิดใช้ – อยู่ได้นาน 3-6 เดือน

สัญญาณเตือน – เหนียวข้น เกาะกันเป็นเม็ด เมื่อปัดที่ขนตา หากทิ้งไว้นานจะแห้งกรัง

วิธียืดอายุ – ก่อนดึงแปรงออกมา ควรเขย่าขวด 2-3 ครั้ง หลีกเลี่ยงการปาดแปรงที่ปากขวด

เพราะมาสคาร่าที่โดนอากาศจะติดเกรอะกรังทำให้ปิดฝาไม่สนิท


บลัชออน อายแชโดว์

อายุหลังเปิดใช้ – อยู่ได้นาน 3 ปี

สัญญาณเตือน – สีซีดจางและไม่ติดผิว บางยี่ห้อเนื้อจะด้าน

วิธียืดอายุ – ปิดฝาให้สนิท และใส่ซองกำมะหยี่เพื่อกันกระแทก ซึ่งอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์แตกหักได้


ดินสอเขียนขอบปาก ตา

อายุหลังเปิดใช้ – อยู่ได้นาน 3 ปี

สัญญาณเตือน – เนื้อดินสอแห้ง สีไม่ติดผิว

วิธียืดอายุ – ควรฝนทุกครั้งที่ใช้ เพื่อกำจัดเนื้อผลิตภัณฑ์เก่าออกก่อนจะวาดบนริมฝีปากหรือขอบตา


ยาทาเล็บ

อายุหลังเปิดใช้ – อยู่ได้นาน 12 เดือน

สัญญาณเตือน – สีและลิควิคแยกตัวจากกันอย่างเห็นได้ชัดหากนานเข้า เนื้อจะข้นและแข็งเป็นก้อน

วิธียืดอายุ – ปิดฝาขวดให้แน่นสนิททุกครั้งหลังการใช้ ป้องกันการแห้งระเหย

ถ้าหากเก็บไว้ในตู้เย็นอาจช่วยยืดอายุได้ถึง 2 ปี

 

แต่สาวๆ รู้หรือไม่ว่า เครื่องสำอาง ที่ยังไม่ได้ถูกเปิดใช้งาน จะสามารถเก็บได้นานถึง5ปีเลยทีเดียว แต่ก็ขึ้นอยู่กับอุณภูมิการเก็บรักษาด้วยค่ะ

ข้อมูล : นิตยสารแพรว


สนใจผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างแบรนด์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ขอใบราคา สินค้าตัวอย่าง
Tel. 02-313-3456, 09-5558-2289

5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ Hand cream

ผิวมือเป็นส่วนที่หลายคนมักจะละเลย ทั้งที่สำคัญไม่แพ้ผิวหน้าและผิวกาย อีกทั้งผิวมือยังฟ้องอายุได้ชัดเจนอีกต่างหาก ลองคิดดูสิคะ ถ้าใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แต่ผิวมือดูแห้งเหี่ยวหยาบกร้าน ก็คงไม่น่ามองแน่ๆ SI ขอยกเอาเหตุผล ที่จะบอกว่าทำไมคุณควรใช้ แฮนด์ครีม เป็นประจำมาฝาก

แฮนด์ครีม ทาแฮนด์ครีมเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ผิวมือชุ่มชื้น และดูอ่อนเยาว์มากขึ้นด้วยถ้าลองสังเกตดู ผิวหลังมือนั้นจะบางกว่าผิวฝ่ามือ และขาดความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่า การทาโลชั่นธรรมดาอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ผิวหลังมือชุ่มชื้นได้เพียงพอ ยิ่งมือของเราสัมผัสกับมลภาวะ แบคทีเรีย และสารเคมีต่างๆ มากมาย ยิ่งทำให้ผิวมือแห้งกร้านได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

1. ทำให้ผิวมืออ่อนนุ่มและชุ่มชื้น
ประโยชน์ข้อแรกของแฮนด์ครีมที่เห็นได้ชัดที่สุด ก็คือช่วยทำผิวชุ่มชื้น และผิวมือนุ่มเนียนขึ้น น้ำมันในแฮนด์ครีมจะช่วยช่วยเติมความชุ่มชื้นบนผิวมือที่สูญเสียไป และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดผิวแห้งในอนาคตด้วย

2. ปลอบประโลมผิวที่ถูกทำลาย
แฮนด์ครีมหลายตัวมีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น สมุนไพร หรือน้ำมันหอมระเหยต่างๆ ที่จะช่วยเยียวยาและฟื้นฟูผิว และยิ่งมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากธรรมชาติที่หอมติดผิว ยิ่งทำให้แฮนด์ครีมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี

3. ผ่อนคลายความเครียด เหมือนได้ทำโฮมสปา
การทาแฮนด์ครีมและนวดมือเป็นประจำทุกวัน เป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง ยิ่งถ้าคุณสามารถกดจุดที่ฝ่ามือได้ ยิ่งจะทำให้ผ่อนคลาย ลองหลับตาและนวดมือด้วยแฮนด์ครีมจนกว่าครีมจะซึมซาบลงสู่ผิวได้หมด จะช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้มากเลยทีเดียว

4. แฮนด์ครีมดีต่อเล็บ
ส่วนผสมในแฮนด์ครีมจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังรอบเล็บและจมูกเล็บ อีกทั้งการทาแฮนด์ครีมเป็นประจำ จะช่วยบำรุงให้เล็บแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้นด้วย

5. แฮนด์ครีมมีประโยชน์มากกว่าที่คิด
นอกจากจะช่วยบำรุงผิวมือแล้ว แฮนด์ครีมยังช่วยดูแลเส้นผมได้ด้วย โดยเฉพาะเมื่อผมชี้ฟูไม่ได้ดั่งใจ ลองถูแฮนด์ครีมลงบนฝ่ามือ แล้วลูบไล้ลงบนเส้นผม ก็จะทำให้ผมเรียบลื่นขึ้นได้

ทางที่ดีที่สุดควรพกแฮนด์ครีมติดกระเป๋าไว้ทุกวัน เมื่อรู้สึกว่ามือแห้งเมื่อไหร่ ก็หยิบขึ้นมาทาเมื่อนั้น และที่สำคัญ ควรเลือกแฮนด์ครีมที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดด เพื่อทำให้ผิวมือไม่หมองคล้ำจากการสัมผัสกับแสงแดด

นอกจากนี้จึงควรเลือกแฮนด์ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินอี น้ำมันหอมระเหย กลีเซอรีน เอเอชเอ และเชียร์บัตเตอร์ เพื่อช่วยต้านอนุมูลอิสระ และทำให้ผิวมือชุ่มชื้น น่าสัมผัสยิ่งขึ้น

ที่มา: hellomagazine.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


5 Checklist ต้องรู้หากอยากส่งออกไปต่างประเทศ

หนึ่งในการขยายกิจการของธุรกิจที่ผ่านช่วงเริ่มต้นมาแล้วก็คือการขยายกิจการสู่ต่างประเทศ แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงการส่งออกแล้ว หลายท่านมองเป็นเรื่องไกลตัว และมองหาแนวทางในการเริ่มต้น วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 5 เช็คลิสต์ที่จะช่วยให้การส่งออกในธุรกิจของคุณนั้นง่ายขึ้นจะมีอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลยค่ะ

1. กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศช่วยคุณได้
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจอยากจะขยายธุรกิจเพื่อส่งออก แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน สามารถติดต่อเข้าไปที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169 จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการข้อมูลและข่าวสารทางการค้าในเชิงลึก และคุณยังสามารถรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกตลาดที่เหมาะกับสินค้าของคุณได้อย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ DITP ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น งานฝึกอบรมหรือสัมมนาเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ งานจัดแสดงสินค้า สามารถติดตามอัพเดทข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้ผ่านช่องทาง www.ditp.go.th หรือ Facebook ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

2. โปรโมทสินค้าให้ถูกที่ ก็ขายได้มากขึ้น
ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตทำให้คุณสามารถเข้าถึงได้จากทั่วทุกมุมโลก แต่อย่าลืมว่าลูกค้าของคุณก็สามารถเข้าถึงสินค้าได้จากทุกมุมโลกเช่นกัน และที่สำคัญการสั่งซื้อของออนไลน์ในปัจจุบันก็ได้รับความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณจึงควรรู้จักที่จะโปรโมทสินค้าของคุณผ่านเว็บไซต์ต่างๆ แต่คุณก็ต้องรู้จักความแตกต่างของแต่ละช่องทางให้ดี เพื่อให้สินค้าของคุณไปถึงเป้าหมายได้มากขึ้นเช่น หากคุณอยากจะขายสินค้าแบบปลีก ก็ควรที่จะลงสินค้าใน Amazon หรือ E-bay สำหรับใครที่อยากขายสินค้าแบบส่ง Alibaba อาจจะเหมาะกับธุรกิจของคุณมากกว่า

นอกจากนี้คุณควรจะมีการโปรโมทในรูปแบบอื่นๆ เช่น การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ลงสินค้าของคุณบน Thaitrade.com หรือ ไปออกบูทจัดงานแสดงสินค้าเพื่อเพิ่มช่องทางการค้า และที่สำคัญคือ คุณควรมีช่องทางการติดต่อที่หลากหลายเพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสารกับคุณได้อย่างสะดวกมากขึ้น

3. รู้จักตลาดให้ดี ใช้กลยุทธ์ให้เป็น
สิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจการส่งออกของคุณนั้นยั่งยืนคือ คุณต้องทำความรู้จักกับตลาดให้ดี ทั้งการรู้จักคู่แข่งให้ดี การพัฒนาคุณภาพสินค้า พัฒนาการบริการ และ ระบบขนส่งเพื่อช่วยลดต้นทุนและยังเป็นการสร้างกำไรให้กับธุรกิจของคุณอีกด้วย เมื่อคุณรู้จักตลาดได้ดีพอ คุณก็จะสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ต่างๆได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์

กลยุทธ์ในการส่งออกให้ประสบความสำเร็จ
1. Scale : การผลิตหรือการส่งออกที่เน้นปริมาณ ช่วยให้สามารถเข้าตลาดได้ง่ายขึ้น
2. Reach : การรู้จักเข้าถึงลูกค้า ในวงกว้างจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้เร็วขึ้น
3. Speed : ความเร็วสามารถทำให้คุณช่วงชิงพื้นที่ในตลาดได้
4. Partnership : การผูกพันธมิตร หรือร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่นจะช่วยให้ธุรกิจของคุณแข่งแกร่งมากขึ้น
5. Localization : การปรับตัวให้เข้ากับความชอบหรือวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นสิ่งสำคัญ

4. เอกสารครบ มีชัยไปกว่าครึ่ง
หลังจากที่มีการสั่งซื้อสินค้าเรียบร้อยแล้วสิ่งที่ต้องทำก็คือการจัดส่งสินค้า คุณสามารถเลือกส่งสินค้าได้ทั้งทางเรือหรือทางอากาศ และสามารถเลือกส่งด้วยตัวเองหรือเลือกใช้บริการจากบริษัทขนส่งก็ได้เช่นกัน แต่ขั้นตอนที่สำคัญนั้นก็คือ พิธีการศุลกากร

เอกสารที่ต้องใช้มีดังนี้

1. ใบรับรองทางด้านความปลอดภัยและมาตรฐานของสินค้า
2. ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าจากกรมการค้าต่างประเทศ
3. ใบขนสินค้าขาออก
4. บัญชีราคาสินค้า
5. บัญชีรายละเอียดการบรรจุหีบห่อ (Packing List)
6. คำร้องขอให้ในการตรวจสินค้าและบรรจุเข้าตู้คอนเทนเนอร์

สำหรับเอกสารบางชนิดสามารถเก็บไว้ใช้ได้ในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องทำใหม่ในทุกๆ ครั้งหรือคุณสามารถเลือกใช้บริการจากบริษัทที่รับส่งออกสินค้าซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณได้อีกทาง

5. บริหารการเงินเป็นเรื่องสำคัญ
การส่งออกสินค้าแต่ละครั้งก็ต้องใช้เงินทุนในการสต็อคสินค้าหรือวัตถุดิบในการผลิตที่มากขึ้น ดังนั้นแล้วผู้ประกอบการทั้งหลายควรมีเงินทุนสำรองหรือเงินสดเพื่อการหมุนเวียนธุรกิจที่มากขึ้น เพราะถ้าหากว่าเกิดการติดขัดทำให้กระบวนการผลิตล่าช้าอาจจะส่งผลเสียกับธุรกิจของคุณในระยะยาวได้ สำหรับธุรกิจที่มีเงินทุนไม่เพียงพอ สินเชื่อเพื่อธุรกิจสำหรับการขยายกิจการอาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้กิจการของคุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ค่ะ

ที่มา: peerpower.co.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


เคล็ดไม่ลับ ขายครีมอย่างไรให้ “รวย”

เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง หรือผู้ที่สนใจจะสร้างแบรนด์เครื่องสำอางไม่ควรพลาด เคล็ดไม่ลับ ขายครีมอย่างไรให้รวย


ภาพนั้นสำคัญไฉน
ปัจจุบันไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ารูปภาพคือ First Impression ต่อให้ครีมของคุณคุณภาพดีแค่ไหน แต่รูปถ่ายไม่ดึงดูด ไม่ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ ก็ยากสำหรับการซื้อขาย ดังนั้นคุณควรให้สำคัญกับการถ่ายภาพสินค้าเพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ สนใจผลิตภัณฑ์


การนำเสนอให้โดน
ปัจจุบันมีการนำเสนอที่หลากหลาย หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Website Social Media คุณสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ของคุณได้หลายรูปแบบ เช่น การเขียน Content ให้ความรู้  การรีวิวสินค้า หรือวิดีโอหนังสั้น ดังนั้นลูกค้าจะเกิดความสนใจหรือไม่ขึ้นอยู่กับวิธีการนำเสนอของคุณ


ตอบไวมีชัยไปกว่าครึ่ง
เนื่องจากธุรกิจขายครีมในเมืองไทย เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก ดังนั้นหากมีลูกค้าได้ติดต่อมายังคุณแล้วไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหน นั่นหมายความว่า ลูกค้าได้สนใจผลิตภัณฑ์ของคุณแล้ว และอย่าปล่อยให้หลุดมือ


มีเว็บไซต์เพิ่มความน่าเชื่อถือ
มีช่องทางการขายมากมาย ทั้งใน Social Media หรือเว็บไซต์สำเร็จรูป ที่ให้คุณได้เปิดร้านค้าออนไลน์ ซึ่งจะมีระบบ Shopping Cart เพื่อง่ายต่อการจัดการ และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณ


หาจุดขายของแบรนด์
คุณจำเป็นต้องสร้างจุดขายของผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ของคุณ เพื่อให้เกิดการจดจำ


เพิ่มจำนวนลูกค้าด้วยการโฆษณา
คุณจำเป็นต้องลงโฆษณาบ้าง เพื่อให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จัก มีการซื้อขาย จนเกิดการบอกต่อ โดยช่องทางโฆษณาก็มีหลายช่องทางอาทิ Facebook Ads,  Adwords,  GDN,  Youtube เป็นต้น คุณสามารถเลือกโปรโมทตามกลุ่มลูกค้า งบประมาณของคุณ


วางแผนการตลาดให้แม่น
หลายแบรนด์ที่เกิดขึ้นแล้วดับไปในเวลารวดเร็ว เพราะขาดการวางแผน คุณต้องมีการจัดการที่ดี เน้นขายปลีก ขายส่ง สามารถควบคุมระบบได้อย่างดี เช่น การรับตัวแทนจำหน่าย การควบคุมราคา เพื่อป้องกันการแย่งลูกค้า และปัญหามากมายที่จะเกิดขึ้นภายหลัง ดังนั้นคุณควรมีการวางแผนและจัดการที่ดี


ผลิตภัณฑ์คุณภาพสำคัญที่สุด
ต่อให้คุณทำการตลาดดีแค่ไหน ถ้าสินค้าไม่มีคุณภาพก็จบ หากคุณอย่างสร้างแบรนด์ที่พรีเมี่ยม ติดตลาด มีการซื้อขายในระยะยาว สิ่งแรกที่คุณควรคำนึงคือ คุณภาพและมาตรฐานของสินค้า คุณจำเป็นต้องเลือกบริษัทหรือโรงงานผลิตที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ Specialty Innovation ขออีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยสร้างฝัน ทำให้การสร้างแบรนด์ของคุณเป็นเรื่องง่าย

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


สนใจผลิตภัณฑ์  เพื่อสร้างแบรนด์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ขอใบราคา สินค้าตัวอย่าง
Tel. 02-313-3456, 095-597-6666

เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องสำอาง

เพื่อให้คุณได้เครื่องสำอางทุกชิ้นที่เหมาะกับคุณ และใช้งานมันอย่างสมคุณค่า เรามีกฎทั่วไปในการเลือกซื้อเครื่องสำอาง ที่คุณควรคำนึงถึงควรทั้งเคล็ดลับอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการจัดการกับกระเป๋าเครื่องสำอางของคุณด้วย
ต้องลองด้วยตัวเอง อายแชโดว์สีใหม่อาจดูดีเวลาที่ผู้เชี่ยวชาญแต่งให้คุณ ดังนั้นคุณควรศึกษาวิธีใช้หรือสอบถามจากพนักงานขาย

เช็คสีกับแสงแบบต่าง ๆ เครื่องสำอางอาจดูแตกต่างออกไปในแสงที่ต่างกัน โดยเฉพาะรองพื้น และเครื่องสำอางที่ใช้เพื่อปรับสีผิว เครื่องสำอางยังอาจดูแตกต่างกันได้อีกเมื่อมันเช็ตตัว ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสองสามหรือนาทีเพื่อที่จะเห็นความแตกต่าง ฉะนั้น หลังจากลองเครื่องสำอางที่คุณชอบแล้ว ลองเดินออกไปข้างนอก และดูเมคอัพของคุณในแสงธรรมชาติที่ต่างไปจากแสงที่เคาน์เตอร์

อย่าทาสีทับกัน บ่อยครั้งเวลาที่เราลองสีลิปสติก เรามักจะทาสีต่างๆ ผสมกันไปมาจนบางทีเมื่อสีที่เราลองผสมกันกลายเป็นสีที่ดูสวยสดใส ซึ่งคุณเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสีสุดท้ายที่คุณลอง แล้วก็ซื้อมาแต่เมื่อมาลองในวันต่อมา มันกลับดูไม่เหมือนสีที่คุณลองเมื่อวานเลย สิ่งที่ควรทำเวลาลองสีที่ต่างกันก็คือ ให้แน่ใจว่า คุณเช็ดสีก่อนหน้านั้นออกหมดแล้วเพื่อที่คุณจะได้เห็นว่าสีจริง ๆ เป็นอย่างไร

เชื่อตัวเอง เราทุกคนต่างรู้ดีว่าพนักงานขายมักกดดัน คนซื้อเพื่อที่จะขายของได้ และอาจบอกว่ามันดูดีทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ฉะนั้น เชื่อในความรู้สึกแรกของตัวเองที่เห็นหรือถ้าคุณไม่แน่ใจ ก็พาเพื่อนหรือญาติสนิทที่คุณไว้ใจไปด้วย เมื่อมีสองความเห็น อาจทำให้พนักงานขายไม่กล้ากดดันให้คุณซื้อของที่ไม่เหมาะกับคุณ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือให้แน่ใจว่าคุณเองก็ชอบเครื่องสำอางที่คุณลอง

สิ่งที่ต้องใช้ประจำ
แชมพู แชมพูบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสารทำความสะอาดที่มีฤทธิ์แรงเกินไป จนทำให้เส้นผมสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ ซึ่งแชมพูดี ๆ โดยทั่วไปมักไม่ใช้ส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อเส้นผม และยังมีความเข้มข้นสูง คุณจึงไม่ต้องใช้ในปริมาณมาก ซึ่งก็เท่ากับช่วยประหยัดเงินให้คุณได้ เพราะไม่ต้องเสียเงินซื้อบ่อย ๆ

แปรงหรือพู่กันแต่งหน้า การซื้อแปรงหรือพู่กันแต่งหน้าดี ๆ มาใช้นั้นนับเป็นการลงทุนที่คุ้นค่า เนื่องจากแปรงและพู่กันพวกนี้มักใช้ขนแปรงธรรมชาติ และใช้มือในการประกอบ จึงมักจะมีราคาแพง แต่ถ้าคุณดูแลดี ๆ ก็สามารถใช้แต่งเติมความงามให้คุณได้ไปนานแสนนาน

ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง คุณจำเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรก ที่ติดอยู่ในรูขุมขนได้อย่างมีสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำ นอกจากนี้ ผิวรอบดวงตาและริมฝีปากยังต้องการการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ซึ่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดคุณภาพต่ำ อาจสร้างความระคายเคืองให้แก่ผิวในบริเวณนั้นได้

อุปกรณ์แต่งผม เนื่องจากอุปกรณ์แต่งผมด้วยความร้อนอย่างไดร์เป่าผม และคีมรีดผมไฟฟ้าแบบที่มีราคาถูกนั้นมักจะทำจากวัสดุที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้เส้นผมต้องสัมผัสกับความร้อนมากเกินไป ส่งผลให้เส้นผมแห้งกรอบและสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ คุณจึงควรทุ่มทุนซื้อคีมรีดผมไฟฟ้าแบบที่มีแผนนำความร้อน ที่ทำจากเซรามิก หรือไดร์เป่าผมระบบไอออนนิก ซึ่งอ่อนโยนต่อเส้นผมมากกว่า

ครีมรองพื้น ครีมรองพื้นดีๆ มักจะใช้แต่ส่วนผสมที่มีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้ผิวหน้าของคุณดูเนียนใสไร้ริ้วรอยเหมือนไม่ได้ทารองพื้น ส่วนผสมที่ว่านั้นก็ได้แก่ชิลิก้าหรือชิลิโคนในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ครีมรองพื้นมีเนื้อครีมที่เรียบเนียน แถมยังมีความยืดหยุ่นพอจะไม่ทำให้เกิดรอยแตกหรือรอยยับย่นใด ๆ บนผิวหน้าด้วย

ลิปสติก ลิปสติกแบบที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้นใดๆ อาจทำให้ริมฝีปากแห้งและเหนียวเหนอะหนะได้ การเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยเพื่อซื้อลิปสติกดีๆ มาใช้ จะส่งผลดีต่อริมฝีปากของคุณมากกว่า และถ้าจะให้ดียิ่งไปกว่านั้น ก็ควรมีส่วนผสมของสารกันแดด ที่ช่วยปกป้องริมฝีปากจากรังสียูวีในแสงแดดได้ด้วย

บลัชออน คุณควรเลือกซื้อบลัชออนแบบเดียวกับที่เลือกซื้อครีมรองพื้น เพราะการจะปัดแก้มให้ดูเรียบเนียนได้ ก็ต้องอาศัยส่วนผสมที่มีคุณภาพ

มาสคาร่า มาสคาร่าคุณภาพต่ำมักจะจับตัวเป็นก้อน และทำให้ขนตาจับตัวติดกัน แถมยังแห้งเร็วเกินไปอีกด้วย แต่มาสคาร่าคุณภาพดีมักจะช่วยทำให้ขนตาของคุณดูคมเข้มได้อย่างนุ่มนวล

สิ่งที่ควรประหยัด(ถ้าประหยัดได้)

ยาทาเล็บ เนื่องจากมักจะมีอายุการใช้งานน้อย และเทรนด์แฟชั่นสีเล็บก็มักจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ฉะนั้น ทางที่ดีก็ควรซื้อแบบขวดเล็กๆ มาใช้ และไม่ควรเลือกแบบแห้งเร็ว เพราะมีโอกาสจะแห้งคาขวดได้ง่ายมาก

ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้คุณไม่ต้องเลือกอะไรมาก เพราะจุดประสงค์ของมันก็คือใช้ทำความสะอาดใบหน้า โดยไม่ทำลายความชุ่มชื้นตามธรรมชาติบนผิวหน้า ถ้าจะเลือกก็ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวเท่านั้น อย่างเช่น ถ้าผิวของคุณแห้งมากก็เลือกใช้ชนิดครีม แต่มีผิวมันก็เลือกใช้แบบเจล

ครีมกันแดด สิ่งที่คุณควรให้ความสนใจมากกว่าเรื่องราคาก็คือค่า SPF โดยควรเลือกแบบที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไปสำหรับสาวออฟฟิศทั่วไป แต่ถ้าต้องออกไปอยู่กลางแจ้งนานๆ ก็ควรเลือกแบบที่มีค่า SPF 30 เรื่อยไปจนถึง 60 แต่ถ้าคุณมีผิวที่แพ้ง่าย ก็อาจจำเป็นต้องเลือกใช้ยี่ห้อดีๆ ที่ทำขึ้นมาสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ

อายครีม ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิวรอบดวงตาส่วนใหญ่ มักเป็นผลมาจากผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น ฉะนั้น ใช้อายครีมที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องเลือกแบบที่มีส่วนผสมอะไรพิเศษหรอก

ลิปบาล์ม ส่วนผสมของลิปบาล์มยี่ห้อไหนๆ ก็มักไม่แตกต่างกัน นั่นคือขี้ผึ้ง กลีเซอรีน และสารให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ แต่ถ้าใช้แล้วยังรู้สึกแห้งกร้านก็ควรโยนทิ้งไป เพราะอาจสร้างความเสียหายให้ริมฝีปากได้

คอนดิชันเนอร์ เราต่างรู้ดีว่าคอนดิชันเนอร์นั้นช่วยฟื้นฟูผมที่แห้งเสียให้เราได้ จึงมีคอนดิชันเนอร์ดีๆ อยู่ในท้องตลาดมากมาย รวมทั้งแบบราคาถูกที่วางขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย

สิ่งที่ควรค้องคำนึงถึงอายุของการใช้งาน
รองพื้น มีสองแบบคือแบบสูตรน้ำกับสูตรน้ำมัน อย่างแรก มีอายุราว 12 เดือน อย่างหลังจะอยู่ได้นามกว่าคือ 18 เดือน หลังจากเปิดใช้ ถ้าคุณสังเกตเห็นสีที่เปลี่ยนไป หรือมีกลิ่นไม่ดี ก่อนเวลาก็ไปซื้อใหม่ได้แล้วล่ะ

คอนซีลเลอร์ สามารถใช้ได้นานถึง 12 เดือน แต่ถ้ามันเริ่มแห้งแข็งก็โยนมันทั้งไปก่อนได้เลย

แป้ง แป้ง ฝุ่นจะใช้ได้นานสองปี ส่วนแป้งแข็งจะอยู่ได้ราวหนึ่งปี เพราะน้ำมันที่สะสมอยู่ในฟองน้ำที่ใช้ทำให้มันเสียได้ง่ายกว่า ฉะนั้น ควรทำความสะอาดฟองน้ำอย่างสม่ำเสมอ และก็แผ่นพลาสติกที่รองกั้นระหว่างแป้งกับฟองน้ำเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันสัมผัสกับแป้งโดยตรง

อายแชโดว์ สามารถใช้ได้นานถึงสามปี แต่ถ้ามันเริ่มแตกร่อน ก็ควรหาอันใหม่ได้แล้ว

ดินสอเขียนขอบตา อยู่ได้นานถึงสามปี แต่ให้แน่ใจง่ายเหลามันอยู่เสมอ ส่วนแบบดินสอที่ไม่ต้องเหลาอาจแห้งได้ง่ายกว่า และถ้ามันแห้งก็ควรโยนทิ้งไปได้แล้ว

มาสคาร่า ใช้ได้ราว 4 เดือน ถ้าเก็บไว้นานกว่านั้นมันจะแห้งแข็งและทาได้ยาก

ลิปสติก หนึ่งถึงสองปี แต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะตักสินก็คือ คนกลิ่นดูว่ามันมีกลิ่นแปลกไปจากที่เคยเป็นหรือเปล่า

ยาทาเล็บ ใช้ได้ราวหนึ่งปี และพยายามอย่าให้มีอะไรบ่นเปื้อนลงไปในขวด

ที่มา: women.thaiza.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

เคล็ดไม่ลับ การแต่งหน้าสำหรับมือใหม่หัดแต่ง

“ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” สุภาษิตที่ยังสามารถใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย
วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับการเมคอัพสำหรับมือใหม่หัดแต่ง ที่จะช่วยให้คุณหยิบจับเครื่องสำอางและใช้มันแต่งหน้าได้อย่างสนุกและมั่นใจมากยิ่งขึ้น

1. ทำความรู้จักกับผิวตัวเอง  สิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณแต่งหน้าออกมาได้ประสบความสำเร็จ (ออกมาสวยและดูดีนั่นเอง) ก็คือต้องรู้จักกับสภาพผิวของตัวเองเสียก่อน รู้ว่าผิวของคุณเป็นแบบไหนแห้ง หรือมัน มีจุดด่างดำเยอะแค่ไหน ต้องการปกปิดมากเท่าไหร่ แพ้ง่ายหรือเปล่า สีผิวเฉดอะไร ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกเครื่องสำอางได้ถูกต้องและเหมาะกับผิว รวมทั้งรู้วิธีการบำรุงผิวที่เหมาะสมกับตัวเองด้วย

2. บำรุงเพิ่มความชุ่มชื้น เลือกบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์สูตรที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือว่าผิวแพ้ง่าย

3. ไพร์เมอร์ เมื่อบำรุงผิวแล้วขั้นตอนต่อมาก็เป็นการใช้ไพรม์เมอร์ ซึ่งจะช่วยให้เครื่องสำอางที่จะแต่งลงไปหลังจากนี้ติดทนนาน สีสดไม่ลบเลือน ทำให้ใบหน้าของคุณดูสดใสได้ตลอดทั้งวัน

4. เลือกเฉดสีที่พอดีกับผิว เมื่อได้ทำความรู้จักกับสภาพผิวและสีผิวของตัวเองไปเป็นอย่างดีแล้ว คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนของการเลือกซื้อและเลือกใช้เครื่องสำอาง โดยเฉพาะส่วนของรองพื้น คุณควรเลือกสีที่พอดีกับสีผิวจริง ๆ ของคุณ เพราะมันจะได้แนบเนียนสนิทเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้เห็นความต่างระหว่างผิวส่วนที่ทารองพื้นกับผิวเปลือย

5. คอนั้นสำคัญไฉน หากไม่อยากให้ใครเดินเข้ามาทักว่าใช้รองพื้นเบอร์อะไร หน้าขาวลอยออกมาเชียว! ก็อย่าลืมเกลี่ยรองพื้นไม่ว่าจะเป็นเนื้อฝุ่นหรือว่าเนื้อครีมลงไปยังลำคอของคุณด้วย คราวนี้สีผิวจะได้สม่ำเสมอเรียบเนียน ไม่ต้องกลัวคนทักให้อายอีกแล้ว

6. เนื้อฝุ่น กับ เนื้อครีม อย่างไหนดีกว่ากัน สาวๆ มือใหม่คงจะสับสนว่าควรเลือกใช้รองพื้นและบลัชแบบไหนดี เพราะปัจจุบันมีทั้งแบบเนื้อฝุ่นและเนื้อครีมให้เลือกใช้ คำตอบก็คือไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรดีกว่ากัน อยู่ที่คุณได้ลองแล้วถนัดใช้แบบไหนมากกว่านั่นเอง

7. บรอนเซอร์ นักเมคอัพมือใหม่อาจรู้สึกว่าการใช้บรอนเซอร์แต่งหน้าแล้วทำให้หน้าดูน่ากลัว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะคุณหนักมือกับมันมากเกินไป สำหรับคนที่ยังหัดแต่งหน้าอยู่ ให้ลองใช้บรอนเซอร์เพียงเล็กน้อยปัดเบา ๆ ที่หน้าผาก โหนกแก้ม และสันจมูก รับรองว่าจะทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น และยังได้ผิวที่ดูบ่มแดดเล็ก ๆ ด้วย

8. บลัชออน ดูเหมือนจะเป็นเครื่องสำอางชิ้นแรก ๆ ที่สาวหัดเมคอัพส่วนใหญ่มีในครอบครอง จงจำเอาไว้ว่าให้เลือกบลัชที่เข้ากันได้ดีกับสีผิวของคุณ และปัดแค่พอระเรื่อเท่านั้น อย่าหนักมือปัดจนแก้มแดงเถือกเป็นอันขาด

9. มาสคาร่า ไม่มีสูตรตายตัวสำหรับการเลือกใช้มาสคาร่า คุณสามารถเลือกลองได้หลาย ๆ ยี่ห้อจนกว่าจะพบแบบที่พอใจ จำไว้แต่หลักการเลือกเพียงว่า ขนตาสั้นให้เลือกแบบเพิ่มความยาว แต่ถ้าขนตาบางให้เลือกแบบเพิ่มความหนา และอย่าลืมเลือกแบบที่กันน้ำได้ด้วยนะคะ

10. อายไลน์เนอร์ นี่เป็นเมคอัพไอเท็มอีกหนึ่งชิ้นที่จะเปลี่ยนลุคของคุณได้ง่าย ๆ และเหมาะกับสาวตาตี่ เพราะจะทำให้ตาดู “ตื่น” และสดใส ลองกรีดอายไลน์เนอร์หลาย ๆ แบบ ทั้งตวัดขึ้นแบบ cat eye ลากตรง ๆ หากไม่ตวัด หรือลากหนา ๆ ให้ตาดูดำเข้ม ฯลฯ แล้วคุณจะได้พบตัวเองในลุคที่หลากหลาย เก็บเป็นแรงบันดาลใจได้ในการแต่งหน้าสำหรับโอกาสต่าง ๆ

11. เขียนคิ้ว แค่จัดคิ้วให้ได้รูปทรงก็ทำให้ดวงตาของคุณดูสดใสขึ้นได้มากแล้ว สาวคิ้วบางจะใช้ที่เขียนคิ้วแบบดินสอหรือแบบเนื้อฝุ่นเพื่อเติมความคมเข้มให้คิ้วก็ได้ ส่วนสาวคิ้วหนาลองกันคิ้วออกบ้างให้ได้รูปสวย เท่านี้ใบหน้าและดวงตาก็ดูสดใสขึ้นเยอะแล้ว

12. ลิปสติก เพื่อเลือกลิปสติกสีที่ใช่สำหรับตัวคุณ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ลองทาและดูว่าสีไหนที่ขับผิวให้คุณดูเปล่งปลั่ง ทำให้ริมฝีปากคุณดูอิ่มเอิบมากที่สุด

13. ลิปกลอส ถ้าคุณรู้สึกไม่ถูกใจสีสันสด ๆ และจัดจ้านจากลิปสติกแล้วล่ะก็ การใช้ลิปกลอสน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า มันให้ประกายของสีเคลือบฉาบที่เรียวปากพร้อมกับความแวววาวที่ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม

14. ลิปไลน์เนอร์ ลิปไลน์เนอร์อาจไม่ใช่ไอเท็มแต่งหน้าที่จำเป็นต้องมี แต่มันก็เป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้ริมฝีปากบาง ที่จะช่วยทำให้ดูหนาขึ้นด้วยการเขียนขอบปากให้เห็นชัดเจน และยังช่วยเรื่องป้องกันลิปสติกเปรอะเลอะออกนอกขอบปากได้ดีอีกด้วย

15. ชิมเมอร์ ประกายแวววาวของชิมเมอร์ไม่ว่าจะจากบลัช อายแชโดว์ หรือว่าลิปกลอส ช่วยให้ผิวส่วนนั้นดูวาววิบวับ เลือกใช้ชิมเมอร์บาง ๆ สำหรับแต่งหน้าตอนกลางวัน และชิมเมอร์จัดสำหรับการแต่งหน้าไปงานกลางคืน นอกจากนี้ให้แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางที่มีชิมเมอร์แค่คราวละส่วนของใบหน้าเท่านั้น หากใส่ชิมเมอร์เข้าไปทั้งที่แก้ม ตา ปาก ฯลฯ พร้อม ๆ กัน หน้าของคุณคงจะดูตลกเกินไป

16. ฟินิชชิ่ง พาวเดอร์ ในขณะที่ไพรม์เมอร์ช่วยให้เครื่องสำอางบนใบหน้าติดทน การใช้ ฟินิชชิ่ง พาวเดอร์ ปัดทับทั่วใบหน้าหลังแต่งหน้าเสร็จ ก็เป็นเหมือนการรับประกันอีกชั้นหนึ่งว่าเครื่องสำอางที่แต่งไว้จะไม่ลบเลือนไปได้ง่าย ๆ แน่นอน ทั้งยังช่วยเรื่องดูดซับความมันได้เป็นอย่างดี

เคล็ดลับทั้งหมดเหล่านี้เป็นคำแนะนำที่ดีสำหรับนักแต่งหน้ามือใหม่ แต่ถ้าอยากจะรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณคืออะไร ก็ต้องได้ทดลองแต่งหน้าตัวเองในหลาย ๆ แบบดูนะคะ

ที่มา : prthai.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 สุดยอดสมุนไพรช่วยแก้ปัญหาผิวพรรณ

ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ผิวบอบบางและแพ้ง่าย หมายถึงผิวที่หย่อนคล้อย บอบบางและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงของสีผิว มีลักษณะเป็นสีขาวด่าง แดง หรือน้ำตาลเทาถึงผิวบริเวณผิวหนังและอาการอาจรวมถึงผื่นแดงและอาการคันที่รุนแรง ปัญหาผิวประเภทนี้มักเกิดขึ้นที่หน้าอก ใบหน้าและขา

สาเหตุที่อยู่เบื้องหลังผิวรอยแดงอาจเป็นได้หลายอย่าง มันสามารถเกิดจากโรคผิวหนังเช่น โรซาเซีย rosacea, กลาก, โรคสะเก็ดเงิน โรคขนคุดและอื่น ๆ นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น เย็นเกินไปหรือแห้งเกินไป

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดผิวหยาบกร้านบนใบหน้า อาการนี้เรียกว่า melasma หรือ chloasma หรือชื่อภาษาไทย คือ ฝ้าที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง

ผิวคล้ำหรือรอยแดงอาจเกิดขึ้นได้หลังจากที่ผิวของคุณได้รับบาดเจ็บ เช่น การเผาไหม้หรือการบาดเจ็บ สภาพผิว เช่น ผื่นแพ้ ปฏิกิริยาหรือสิว ; และการติดเชื้อ เช่น เกลื้อน พยาธิตัวกลม หรือกลากเกลื้อน ความเครียดที่มากเกินไปสารระคายเคืองต่อสิ่งแวดล้อมและปัจจัยทางพันธุกรรมอาจทำให้เกิดปัญหาผิวประเภทนี้ได้

โดยไม่คำนึงถึงว่าทำไมมันเกิดขึ้นที่ผิวหนังมีรอยสีซีดจางสามารถทำให้ไม่สงบที่จะมองและทำให้คุณปรากฏแก่กว่าคุณจริงๆ ผู้ที่ประสบปัญหานี้พร้อมที่จะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อกำจัดปัญหานี้

คุณสามารถเลือกใช้วิธีการรักษาที่บ้านได้หากสาเหตุของปัญหาผิวหนังไม่รุนแรง อย่างไรก็ตามสำหรับสาเหตุที่ร้ายแรงขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสม

1. ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาอาการผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และปัญหาผิวต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผิวที่ถูกทำร้ายจากการถูกแดดเผา คุณสมบัติต้านการอักเสบสามารถลดอาการอักเสบผิวหนังแดงและบวมที่เกิดจากผิวหนังไหม้ได้

นอกจากนี้คุณสมบัติให้ความความชุ่มชื้นของเจลว่านหางจระเข้สามารถช่วยให้ผิวชุ่มชื้นซึ่งจะช่วยบรรเทา และรักษาผิวของคุณและคืนค่าสีผิวที่แข็งแรงและแม้กระทั่งฟื้นฟูให้ผิวขาวกระจ่างใส

วิธีใช้: ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ และนำเจลว่านหางจระเข้ ใส่ชามบดด้วยส้อม
ใช้เจลว่านหางจรเข้ทาลงบนผิวที่หยาบกร้านของคุณโดยใช้มอ ค่อยๆนวด
ทิ้งไว้บนผิวของคุณอย่างน้อย 20 ถึง 30 นาที
สุดท้ายล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ปฏิบัติเช่นนี้ 2 – 3 ครั้งต่อวันจนกว่าคุณจะมีผิวที่กระจ่างใสและดูมีสุขภาพดี


2. ข้าวโอ๊ต

อีกหนึ่งวิธีง่ายๆในการรักษาสภาพผิวไม่สม่ำเสมอคือ การใช้ข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ตเป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดีที่ช่วยบำรุงผิวที่แห้งมากซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดผิวหยาบกร้าน นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยจัดการกับผื่นแดงและอาการคัน สามารถใช้ข้าวโอ๊ตเพื่อกำจัดผิวที่หยาบกร้าน คุณสามารถใช้ทรีทเมนต์ต่อไปนี้ 3 หรือ 4 ครั้งต่อสัปดาห์:

วิธีที่ 1 : เติมข้าวโอ๊ตบด 2 ช้อนโต๊ะและเพิ่มน้ำอุ่น 2-3 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำมะเขือเทศ) และน้ำผึ้ง ½ ช้อนชา ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
ใช้ส่วนผสมนี้ทาลงบนผิวที่หยาบกร้านของคุณ ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วนวดเบาๆบนผิวโดยใช้นิ้วที่ชื้นนวดเบาๆ ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
วิธีที่ 2 : เติมน้ำในอ่างด้วยน้ำอุ่น เติมข้าวโอ๊ตลงในอ่างน้ำ แล้วใส่แป้งข้าวโอ๊ต 1 ½ ถ้วยลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน แช่ตัวลงในน้ำประมาณ 15 ถึง 20 นาที แล้วอาบน้ำ ชำระล้างร่างกายด้วยสบู่สูตรนม อ่อนโยนต่อผิว
วิธีที่ 3 : เติมข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ นมสด ½ ถ้วย น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันดีและปล่อยให้เย็นลง ทาส่วนผสมบนผิวบริเวณที่ได้รับผลกระทบประมาณ 20 นาทีก่อนล้างออก


3. น้ำมันมะพร้าว

กรดไขมันในน้ำมันมะพร้าวทำให้น้ำมันนี้มีความชุ่มชื้นที่ดีสำหรับผิวแห้งซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการผิวหยาบกร้านไม่สม่ำเสมอ ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ในเวลาเดียวกันก็มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรียช่วยลดรอยแดงและอักเสบ

วิธีใช้: ถูน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ระหว่างฝ่ามือของคุณ ใช้น้ำมันอุ่น ๆ ลงบนผิวหยาบของคุณ ถูเบา ๆ ประมาณ 5 ถึง 10 นาที ปล่อยทิ้งไว้ให้น้ำมันซึมลึกสู่ผิวปฏิบัติเช่นนี้ 2 หรือ 3 ครั้งต่อวัน
หรือเลือกใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ 2 ช้อนโต๊ะและน้ำตาลและน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมส่วนผสมให้เข้ากัน และทาลงบนผิวที่หยาบกร้าน  ทิ้งไว้ให้ซึมลึกสู่ผิว ปฏิบัติเช่นนี้เป็นเวลา 2 สัปดาห์


4. โยเกิร์ต

โยเกิร์ตทำงานได้ดีบนผิวที่หยาบกร้านโดยเฉพาะเมื่อเกิดจากแสงแดด โยเกิร์ตช่วยลดจุดด่างอายุ ผิวคล้ำเสียจากแสงแดด และผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด

ประกอบด้วยกรดแลคติกซึ่งมักใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ออกแบบมาเพื่อรักษาผิวหยาบและแห้ง กรดแลคติคทำงานเป็นสารขัดผิวเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอาจเป็นสาเหตุเบื้องหลังผิวที่หยาบกร้าน โยเกิร์ตยังมีฤทธิ์ในการทำความเย็นกับผิวซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผิวหนังที่ถูกแดดเผา

วิธีที่ 1 : ทาโยเกิร์ตลงบนผิวที่หยาบกร้านของคุณ ทิ้งไวให้ซึมลึกสู่ผิวประมาณ 20 ถึง 30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำซ้ำทุกวัน
วิธีที่ 2 : ผสมโยเกิร์ตธรรมดา 1 ช้อนโต๊ะ และผงขมิ้น 1 ช้อนชา ผสมส่วนผสมให้เข้ากัน ทั่วบริเวณผิวที่ได้รับผลกระทบ ปล่อยให้นั่งประมาณ 20 ถึง 30 นาทีหรือจนกว่าจะแห้ง ล้างด้วยน้ำอุ่นและลูบไล้ให้แห้ง ใช้วิธีนี้ 3 หรือ 4 ครั้งต่อสัปดาห์


5. ชาเขียว

การดื่มชาเขียวทุกวันมีคุณประโยชน์ตอสุขภาพมากมาย ชาเขียวยังเหมาะสำหรับการลดผิวบวมเนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติต้านการอักเสบในนั้น ชาเขียวช่วยขจัดความหมองคล้ำและอาการบวมที่ทำให้รู้สึกไม่สบายผิว

วิธีใช้: แช่ถุงชาเขียวไว้ในถ้วยน้ำอุ่นประมาณ 10 นาที และนำถุงชาออก
เติมแป้งข้าวเจ้าลงในน้ำชาและผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
ทาลงบนใบหน้าและผิวที่หยาบกร้าน
ทิ้งไว้บนผิวของคุณประมาณ 15 ถึง 20 นาทีก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ทำซ้ำ 2 หรือ 3 ครั้งต่อสัปดาห์
พร้อมกับการใช้มาร์คหน้าชาเขียวนี้กับผิวของคุณ ควรดื่มชาเขียวควบคู่ไปด้วย


6. เบคกิ้งโซดา

บางครั้งในการรักษาผิวที่หยาบกร้าน ควรหมั่นขัดและสครับผิวอย่างอ่อนโยน เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายไป สำหรับการขัดผิวอ่อนโยนส่วนผสมในครัวที่ดีที่สุดคือเบคกิ้งโซดา เบคกิ้งโซดาช่วยลดรูขุมขนอุดตันและทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกเพื่อให้ผิวมีสุขภาพดี

วิธีใช้: ผสมเบคกิ้งโซดากับน้ำเล็กน้อยเพื่อให้ได้เนื้อครีม
ทาลงบนผิวหยาบกร้านของคุณ ทั้งลำตัวและใบหน้า
นวดผิวเบา ๆ สักครู่ด้วยปลายนิ้วของคุณ
ล้างออกด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ
ทามอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้น
ทำซ้ำทุกๆ 2 ถึง 3 วันจนกว่าคุณจะกำจัดผิวที่หยาบกร้านของคุณ


7. น้ำมันวิตามิน E

วิตามิน E ช่วยในการรักษาสีผิวที่ไม่เรียบเนียน ไม่สม่ำเสมอและรอยคล้ำ บนเกือบทุกส่วนของร่างกาย น้ำมันวิตามิน E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระวิตามิน E สามารถลดความเสียหายที่เกิดจากรังสียูวีที่รุนแรงของดวงอาทิตย์ได้ น้ำมันวิตามิน E มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาผิวแห้ง

วิธีใช้: สารสกัดจากแคปซูลวิตามินE  1 หรือ 2 แคปซูล ใส่น้ำมันละหุ่งลงไป 1 ช้อนชาและผสมให้เข้ากัน ใช้ส่วนผสมบนผิวที่ได้รับผลกระทบก่อนเข้านอนปล่อยทิ้งไว้ค้างคืนและล้างออกในเช้าวันรุ่งขึ้น ใช้วิธีการรักษาแบบนี้ทุกวันจนกว่าโทนสีผิวจะมีสุขภาพดีและสม่ำเสมอ
นอกจากนี้คุณยังสามารถนวดน้ำมันวิตามิน E ลงบนผิวหนังที่ได้รับผลกระทบได้เป็นเวลา 10 ถึง 15 นาทีวันละ 2 ครั้ง ทำเช่นนี้เป็นเวลา2-3 สัปดาห์เพื่อปรับสภาพสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอของคุณ


8. น้ำกุหลาบ

คุณสามารถใช้น้ำดอกกุหลาบเพื่อลดอาการผื่นแดงที่ผิวหนัง ช่วยบรรเทาผิวและลดรอยแดงเนื่องจากคุณสมบัติต้านการอักเสบ นอกจากนี้น้ำดอกกุหลาบจะช่วยรักษาผิวแม้กระทั่งการปรับสีผิวและสร้างเซลล์ผิวใหม่หลังจากที่ผลัดเซลผิวที่ตายแล้ว

วิธีใช้: ใส่น้ำกุหลาบเล็กน้อยลงบนสำลีและทาลงบนผิวที่หยาบกร้าน
ทิ้งไว้ประมาณ 15 ถึง 20 นาทีแล้วล้างหน้า
ทำแบบนี้ทุกวันทุกสัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ


9. น้ำผึ้ง

น้ำผึ้งถือเป็นหนึ่งในสารให้ความชุ่มชื่นตามธรรมชาติที่ดีที่สุดที่เต็มไปด้วยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงวของคุณและจัดการกับอาการผิวแห้งและไม่เรียบเนียน นอกจากคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น สารต้านอนุมูลอิสระแล้ว น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบอีกด้วย ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น นอกจากนี้น้ำผึ้งยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเพิ่มสุขภาพผิวของคุณ ให้แข็งแรงดูมีสุขภาพดี

วิธีใช้: ทาน้ำผึ้งดิบทั่วบริเวณผิวที่ได้รับผลกระทบ ปล่อยทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนอาบน้ำ ทำซ้ำทุกวัน
อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้น้ำผึ้ง ขี้ผึ้งและน้ำมันมะกอก ละลายขี้ผึ้งในไมโครเวฟหรือหม้อต้ม ด้วยไฟอ่อนๆ จากนั้นให้ผสมน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอกและปล่อยให้เย็น ใช้ส่วนผสมนี้ทั่วบริเวณที่ได้รับผลกระทบและทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีก่อนอาบน้ำ ทำซ้ำทุกวัน ๆ


10. แตงกวา

แตงกวามีคุณสมบัติของความสดชื่นและความเย็น ช่วยรักษาผิวที่หยาบกร้านและแห้งได้ดีเนื่องจากช่วยให้ผิวของคุณควบคุมการผลิตเมลานิน แตงกวามีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยลดการอักเสบของผิว พวกเขายังอุดมไปด้วยวิตามิน C ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผิวและการชะลอความชรา นอกจากนี้กรด pantothenic ในแตงกวายังช่วยให้ผิวรักษาความชุ่มชื้นกักเก็บน้ำไว้ได้อีกด้วย

วิธีใช้: ผสมปริมาณแตงกวาและน้ำมะนาวให้เท่ากัน
ใช้ทาลงบนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบประมาณ 20 ถึง 30 นาที
ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำซ้ำวันละครั้ง

ที่มา : beautyclubthailand.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 วิธีล้างเครื่องสำอางจากธรรมชาติ เพื่อสุขภาพผิวที่ดี

เครื่องสำอาง ถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่สวยงามที่สุด ที่ผู้หญิงทุกคนใช้หรือแม้กระทั่งไปเรียน ไปทำงาน ไปเที่ยว ออกสังคม หลังจากที่กลับมาแล้วขั้นตอนที่น่าเบื่อหน่ายและทำร้ายผิวมากที่สุดคือการล้าง เช็ด เครื่องสำอางออก สำหรับการล้างเครื่องสำอางออกส่วนใหญ่เราจะใช้ผลิตภัณฑ์สารเคมีที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามซุปเปอร์มาร์เก็ตซึ่งง่ายและสดวกแต่หากทำร้ายผิวหน้าอย่างหนักโดยเฉพาะน้ำยาลบเลือนเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ซึ่งสามารถล้างเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด แต่ระคายเคืองต่อผิวและทำให้ผิวแห้งเสียบางยี่ห้อ ถึงกับมีส่วนผสมของ ฟอร์มาลีน (Formalin) หรือ ฟอร์มัลดีไฮด์ จะดีกว่าไหม หากเราสามารถใช้น้ำยาล้างเครื่องสำอางที่มาจากธรรมชาติ 100% และสามารถทำเองได้ที่บ้าน (Homemade) หากคุณมีผิวที่แห้งเสียต้องการ การบำรุงดูวิธีการทำสครับบำรุงผิวโฮมเมดด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่นี่ 10 เคล็ดลับ โฮมเมดการทำสครับผิวเพื่อผิวกระจ่างใส

1. น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ น้ำมันมะพร้าวเป็นส่วนผสมเดียวที่ทำหน้าที่เป็นน้ำยาล้างเครื่องสำอางธรรมชาติ, ครีมบำรุงผิว, Lip Balm และอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยเหตุผลเหล่านี้น้ำมันมะพร้าวเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่สาวๆต้องมีเก็บไว้ติดบ้านน้ำมันมะพร้าวนี้จะทำความสะอาดผิวของคุณโดยไม่ทำลายให้ผิวแห้งเสียและน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์นั้นเป็นน้ำยาลบมาสค่าและลิปสติคที่ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากลบเครื่องสำอางออกแล้วน้ำมันมะพร้าวยังช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่น

วิธีใช้ : นวดน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ระหว่างฝ่ามือของคุณเพื่อช่วยให้น้ำมันแตกตัวในรูปแบบของเหลวและเข้ากัน ใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์นวดให้ทั่วใบหน้าและนวดเบาๆ เช็ดทุกอย่างออกจากใบหน้าของคุณด้วยสำลี ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว เพื่อขจัดน้ำมันส่วนเกิน และเครื่องสำอาง เพื่อลบมาสคาร่าและลิปสติก เทน้ำมันมะพร้าวลงบนสำลีและเช็ดออกเบาๆที่ขนตาและลิปสติก


2. นมสด นม เป็นน้ำยาล้างเครื่องสำอางที่ดีที่สุด และมีราคาถูกกว่าน้ำยาล้างเครื่องสำอางทำร้ายผิวที่เราซื้อมา ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต เป็นที่รู้จักกันอย่างดี ว่า นมนั้นอุดมไปด้วยคุณค่าและดีต่อสุขภาพผิวปริมาณไขมันและโปรตีนในนมเป็นสารบำรุงผิวจากธรรมชาติอย่างดีที่ช่วยบำรุงให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่นนุ่มนวลและมีสุขภาพดี

วิธีใช้ : เทนมใส่ชสม หรือภาชนะ จุ่มสำลีลงไปในนมให้ชุ่มและบีบหมาดๆ เช็ดสำลีชุ่มน้ำนมให้ทั่วใบหน้า ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


3. ว่านหางจระเข้ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาสารเคมี และทำร้ายผิว คุณสามารถใช้ว่านหางจระเข้ที่นอกจากมีคุณสมบัติทำให้ผิวชุ่มชื่นอิ่มน้ำแล้ว ยังสามารถลบล้างเครื่องสำอางได้อีกด้วย เจลว่านหางจระเข้สามารถล้างเครื่องสำอางออกจากผิวของคุณอย่างสะอาดหมดจดและยังช่วยให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื่นอิ่มน้ำ ไม่ทำร้ายผิว

วิธีใช้ : ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ ใช้เฉพาะส่วนที่เป็นเจล นำมาบดให้ละเอียดและใช้สำลีชุบว่านหางจรเข้ให้สำลีชุ่ม
เช็ดให้ทั่วใบหน้าเพื่อล้างเครื่องสำอางออก ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว
ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


4. น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์

น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เป็นอีกหนึ่งน้ำยาล้างเครื่องสำอางจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ สามารถล้างเครื่องสำอางและในขณะเดียวกันก็บำรุงผิวทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้น เนียนนุ่มและมีสุขภาพดีไม่แห้งเสีย นอกจากนี้น้ำมันมะกอกเหมาะกับทุกสภาพผิวอีกด้วย

วิธีใช้ : ใช้สำลีชุบน้ำมันมะกอกให้ชุ่ม เช็ดให้ทั่วใบหน้าที่ต้องการล้างเครื่องสำอางออก สามารถผสมน้ำมันมะกอกกับครีมอาบน้ำเด็กและนำมาล้างหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรักษาผิวได้ ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


5. โยเกิร์ต โยเกิร์ตเป็นอีกหนึ่งผลิตภันฑ์ประจำครัวที่ทุกบ้านต้องมี นอกจากประโยชน์ในการลดความอ้วนแล้ว ยังสามารถใช้มาสก์หน้า สครับผิวเพื่อบำรุงผิว และนำมาล้างเครื่องสำอางได้อีกด้วย และสามารถลดอาการเจ็บปวดจากการที่ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด ช่วยรักษาผิวให้นุ่ม ชุ่มชื้น

วิธีใช้ : เทโยเกิร์ตใส่ชามหรือภาชะ และใช้สำลีจุ่มให้ชุ่ม ถูให้ทั่วใบหน้า เป็นวงกลม และทำซ้ำๆจนล้างเครื่องสำอางออกจนหมด
ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


6. น้ำกุหลาบ

น้ำดอกกุหลาบเป็นน้ำยาล้างเครื่องสำอางธรรมชาติที่ดีสำหรับทุกสภาพผิว ช่วยทำความสะอาดผิวของคุณและทำงานเป็นโทนเนอร์บำรุงผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ น้ำดอกกุหลาบช่วยเพิ่มเปล่งประกายกระจ่างใสให้กับผิวของคุณ (สามารถใช้น้ำดอกกุหลาบล้างหน้าได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดี)

วิธีใช้ : ใช้สำลีชุบน้ำกุหลาบให้ชุ่ม ถูให้ทั่วใบหน้า เป็นวงกลม และทำซ้ำๆจนล้างเครื่องสำอางออกจนหมด ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว คุณสามารถทำน้ำดอกกุหลาบไว้ล้างหน้าได้เองที่บ้านด้วยขั้นตอนง่ายๆ DIY วิธีทำน้ำกุหลาบ Homemade


7. น้ำมันโจโจบา

น้ำมันโจโจบาสามารถใช้เป็นครีมบำรุงผิว และบำรุงผมได้เป็นอย่างดี มีประสิทธิภาพ และคุณยังสามารถใช้เป็นน้ำยาล้างเครื่องสำอางธรรมชาติ นอกจากล้างเครื่องสำอางแล้วยังช่วยบำรุงผิวทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้น เนียนนุ่มและมีสุขภาพดีไม่แห้งกร้าน น้ำมันโจโจบานั้นอ่อนโยนมาก และไม่ระคายเคืองต่อผิวเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย มีค่า pH ที่สมดุลและไม่อุดตันผิวเหมาะสำหรับผิวอ่อนโยนแพ้ง่าย

วิธีใช้ : ใช้สำลีชุบน้ำมันโจโจบาให้ชุ่ม ถูให้ทั่วใบหน้า เป็นวงกลม และทำซ้ำๆจนล้างเครื่องสำอางออกจนหมด ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


8. แตงกวา

แตงกวามีคุณสมบัติต่อต้านการอักเสบและน้ำมันธรรมชาติในแตงกวามีคุณสมบัติเหมาะที่จะใช้เป็นโทนเนอร์หลังล้างหน้า เราสามารถทำสารสกัดจากน้ำแตงกวาเก็บไว้ในขวดสเปรย์

วิธีใช้ : ใช้สเปรย์พรมน้ำแตงกวาน้ำบนใบหน้าของคุณจากนั้นใช้ผ้าเช็ดลงไปเบา ๆเพื่อทำความสะอาดผิวของคุณ
ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว สำหรับการล้างเครื่องสำอางหรือน้ำผสมน้ำแตงกวากับน้ำมันมะกอกในอัตราส่วน 2: 1 ถูสำลีลงบนใบหน้าของคุณและทำความสะอาดมันออกด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาด
ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


9. กล้วย

หากคุณต้องการการบำรุงและให้ความชุ่มชื่นให้แก่ผิวของคุณในขณะที่คุณทำความสะอาด ล้างเครื่องสำอางออกจากใบหน้า กล้วยเป็น 1 ทางเลือกที่ดีที่สุด

วิธีใช้ : บดกล้วยหอมสุกด้วยช้อนไม้ เติมน้ำผึ้งและผสมให้เข้ากันกับกล้วย นำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ 5 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และตามด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนป้องกันการอุดตันของผิว


10. อะโวคาโด

อะโวคาโดนั้นมีคุณสมบัติที่ดีในการลบเครื่องสำอางออกจากรอบดวงตา กรดโอเมก้า 3 ไขมันและวิตามิน A, D และ E ในอโวคาโดเป็นครีมบำรุงผิวอย่างดีในการบำรุงรอบดวงตาและล้างเครื่องสำอางออก

วิธีใช้ : บดอโวคาโดลงในชามด้วยช้อนไม้ ใช้สำลีชุบลงไป

ที่มา : www.beautyclubthailand.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


icon-f gray-line_logo-1 icon-you

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า