แอลกอฮอล์ 70 กับ 95 เปอร์เซ็นต์ ต่างกันอย่างไร?

สถานการณ์ไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 ทั่วโลกยังคงน่าเป็นห่วง มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หน้ากากอนามัยยังคงเป็นที่ต้องการกันมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือ แอลกอฮอล์ สำหรับทำความสะอาด เชื่อว่าหลายๆ คนคงสงสัยว่า แอลกอฮอล์ 70 % กับ 95% แตกต่างกันตรงไหน และเปอร์เซ็นต์ ไหนที่จะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ดีกว่า แล้วเราจะใช้อย่างไรให้เหมาะสม วันนี้ SI พาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ

แอลกอฮอล์ เป็นสารชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านเชื้อจุลินทรีย์ โดยสามารถฆ่าหรือหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อได้ โดยแอลกอฮอล์สามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ได้หลากหลาย และไม่จำเพาะเจาะจง ทำให้เหมาะนำมาใช้กำจัดเชื้อจุลินทรีย์บนพื้นผิวสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่มีชีวิต เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรคนั่นเอง

แอลกอฮอล์ 70% คือ
ถือเป็น “ยาสามัญประจำบ้านสามารถฆ่าเชื้อโรคได้” มีขายตามร้านทั่วไปได้ และต้องผ่านการรับรองจาก อย. แต่ถ้าเป็นแอลกอฮอล์ 70% ที่มีส่วนผสมของ Chlorhexidine อันนี้ ก็เป็น “ยา” เช่นกัน เพียงแต่เป็นที่นิยมใช้ในห้องผ่าตัด ทั้งจำต้องผ่านการรับร้องจาก อย. ในระดับเข็มงวดกว่ายาสามัญประจำบ้าน

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเภทแอลกอฮอล์ 70% และมีส่วนผสมของ Chlorhexidine จะออกฤทธิ์เร็ว 15 วินาที ปกป้องได้นาน 16 ชั่วโมง ฆ่าได้ทั้งเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา แห้งเร็วไม่เหนียวมือ บางยี่ห้อมีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์

แอลกอฮอล์ 95% คือ
คือ สารละลายที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ 95 ส่วน (95%) และน้ำ 5 ส่วน (5%) โดยปริมาตร ทำให้แอลกอฮอล์ 95% มีสรรพคุณ ดังนี้

– เป็นตัวทำละลายของสารเคมีที่ใช้ในห้องทดลอง/ห้องปฏิบัติการ
– เช็ดทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคในเครื่องมือ อุปกรณ์ ภาชนะต่าง ๆ
– เช็ดทำความสะอาดกระจกที่มีคราบสกปรก คราบไขมัน
– นำไปประยุกต์ใช้ฆ่าเชื้อโรคและแมลงบางชนิดในสวนผลไม้
– ใช้เพิ่มค่าออกเทน (Octane, ส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพน้ำมัน) ในน้ำมันเบนซิน (Benzene oil)
– นำมาเจือจางกับน้ำและใช้ทาผิวหนัง เพื่อบรรเทาอาการคันจากยุงกัด

ตามที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า แอลกอฮอล์ 70% นั้นเป็นดั่งยาสามัญประจำบ้าน ที่เหมาะฆ่าเชื้อโรค โดยเฉพาะการนำแอลกอฮอล์ 70% มาทำความสะอาดผิวหนังรอบ ๆ แผล เพราะสามารถฆ่าเชื้อโรคที่ผิวหนังประมาณร้อยละ 90 ภายใน 2 นาที แต่ไม่แนะนำให้ใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดแผลโดยตรงแอลกอฮอล์ไม่ใช้ทาบนแผลโดยตรง ขณะที่แอลกอฮอล์ 95% เหมาะใช้แช่เครื่องมือหรือเช็ดทำความสะอาดเครื่องมือมากกว่าการนำมาเช็คบริเวณรอบ ๆ บาดแผล

ที่มา : promotions.co.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


6 เรื่องน่ารู้ ฟ้าทะลายโจรกับ Covid-19

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังใกล้ตัวคนไทย จึงเป็นความหวัง หากทีมวิจัยของไทยพิสูจน์ได้ว่าสมุนไพร “ฟ้าทะลายโจร” หากการวิจัยแสดงว่าฟ้าทะลายโจร มีผลต้านไวรัสโควิด-19 จะใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสแผนปัจจุบัน และศึกษาวิจัยทางคลินิกในผู้ป่วย แต่หากการทดสอบไม่มีผลต้านไวรัสโควิด-19 จะยังใช้ฟ้าทะลายโจร ในการเสริมภูมิคุ้มกัน เพื่อบรรเทาอาการของโรคหวัดและแก้ไข้ เจ็บคอ และอาจศึกษาวิจัยสมุนไพรอื่นต่อไป วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 6 ข้อน่ารู้ของฟ้าทะลายโจรที่มีผลต่อไวรัส Covid-19 มาฝากกันค่ะ

1.ไวรัสโคโรน่า (COVID-19) สายพันธุ์ใหม่ระบาดจริงยังไม่มียารักษาที่จำเพาะเจาะจงการป้องกันทางกายภาพคือล้างมือ กินร้อน ช้อนกลางและใส่หน้ากากอนามัยในที่ชุมชนเพื่อป้องกันการรับเชื้อเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

2. ไวรัสโคโรน่า (COVID-19) เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการตั้งแต่เป็นหวัดเพียงเล็กน้อยไปจนถึงปอดอักเสบรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต เมื่อผู้ป่วยติดเชื้อแล้วมีอาการน้อยไม่สามารถแยกออกจากวัดทั่วไปได้ดังนั้นการทำให้ผู้ป่วยหายเร็วเป็นปกติจึงมีความสำคัญที่สุด

3. ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติมีข้อบ่งชี้ในการบรรเทาอาการหวัดเช่นไข้ มีน้ำมูกและเจ็บคอที่ผ่านการพิจารณาประสิทธิผลและความปลอดภัยแล้วประชาชนสามารถเรียกใช้เมื่อเป็นหวัดได้

4. ฟ้าทะลายโจรมีการศึกษาว่าช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสโคโรน่า ซาร์( SARs) ซึ่งเป็นไวรัสในตระกูลมงกุฎเช่นเดียวกับไวรัสโคโรน่า (COVID-19) เข้าสู่เซลล์ จึงมีการจดสิทธิบัตรในประเทศจีนนอกจากนั้นยังเป็นสมุนไพรที่มีการวิจัยหลายฉบับฤทธิ์ต้านไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจเช่น H1N1 หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีการระบาดบ่อยที่สุดรวมถึงไข้หวัดนก H5N1

5. ผลงานตีพิมพ์การทบทวนวรรณกรรมจากการวิจัยหลาย ชิ้น ในปี 2017 หรือพ.ศ 2560 พบว่า สารแอนโดรกราฟโฟไลด์ ในฟ้าทะลายโจรเป็น. broad-spectrum anti-inflammatory – viral agent คือมีฤทธิ์ต้านไวรัสครอบคลุมหลายกลไก ทั้งการป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ ลดการแบ่งตัวไวรัสภายในเซลล์เพิ่มภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับไวรัสและลดการอักเสบที่ปลอดจากการติดเชื้อไวรัส

6. มีการวิจัยประสิทธิผลในการป้องกันหวัดของสารสกัดฟ้าทะลายโจรในนักเรียนพบว่าช่วยลดอัตราการเป็นหวัดได้ 33% ใน 3 เดือน

ที่มา : สมุนไพรอภัยภูเบศร, www.thairath.co.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


8 วิธีสร้างภูมิคุ้มกัน เกราะกันไวรัสแค่เปลี่ยนพฤติกรรม

วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก  COVID-19 ที่กำลังระบาดหนักอยู่ขณะนี้ นอกจากเราจะต้องหาวิธีป้องกันจากภายนอก เช่น การสวมผ้าปิดจมูก การใช้แอลกฮอล์เจล การล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันไวรัส แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่สำคัญมากนั่นคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เพียงแค่เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่าง ก็สามารถช่วยสร้าง ภูมิคุ้มกันโรคได้แล้วนะคะ วันนี้ SI มี 8 วิธี สร้างภูมิคุ้มกันเพื่อเป็นเกราะป้องกัน Covid-19 จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ

1. ออกกำลังกายทุกวัน
การออกกำลังกายเป็นยาครอบจักรวาลที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค ให้คุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ การออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที จะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อโรคที่มองไม่เห็น และช่วยลดโอกาสการเป็นโรคสุดฮิตอย่างไข้หวัด ลงไปได้เยอะ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็สามารถช่วยให้คุณหายป่วยเร็วขึ้นได้

2. ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ
การดื่มน้ำเปล่า นอกจากจะทำให้ร่างกายชุ่มชื้นแล้ว ยังเป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญในการช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี การดื่มน้ำเมื่อไม่สบาย ยังช่วยกำจัดโรคที่กำลังก่อตัวขึ้นได้อีกด้วย แต่ต้องระวังว่า อย่าดื่มน้ำระหว่างทานอาหารมากเกินไป เพราะจะทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อขึ้นมาได้เหมือนกัน

3. นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
การอดนอนจะทำให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น การนอนหลับอย่างเพียงพอในแต่ละคืน ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติได้

4. เลิกสูบบุหรี่ พยายามหลีกเลี่ยงควันบุหรี่
การสูบบุหรี่ หรือแม้แต่การสูดควันบุหรี่เข้าปอด สามารถก่อให้เกิดโรคร้ายมากมาย ทั้งโรคปอด โรคมะเร็ง รวมไปถึงโรคไอเรื้อรัง และทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง

5. กินวิตามินซีอย่างเพียงพอ
วิตามินซี สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้เป็นอย่างดี หากร่างกายได้รับวิตามินซีอย่างน้อย 400 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย คุณก็จะแทบไม่เป็นหวัดอีกเลย โดยคุณสามารถเลือกกินวิตามินซีได้ทั้งจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือทานผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอย่างผลไม้ตระกูลส้ม ตระกูลเบอร์รี่ หรือแม้แต่พริกที่เผ็ดร้อน

6. ออกไปรับแสงแดดบ้าง
ในแสงแดดมีวิตามินดีอยู่ การหมกตัวอยู่แต่ในที่ร่ม หรืออยู่แต่ในห้องแอร์ ทำให้ร่างกายขาดวิตามินดีที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพดี มีกระดูกและฟันที่แข็งแรง นอกจากนี้ การทานวิตามินดีร่วมกับวิตามินเอและวิตามินซี ยังสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดได้อีกด้วย

7. อย่าละเลยธาตุสังกะสี
สังกะสี หรือซิงก์ เป็นแร่ธาตุตามธรรมชาติที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกชนิดหนึ่ง ทั้งยังเป็นตัวช่วยในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย ซึ่งอาหารที่มีธาตุสังกะสีสูง มักจะมีโปรตีนสูงด้วย เช่น ปู หอยนางรม หมู ถั่ว สัตว์ปีก โยเกิร์ต

8. ทำจิตใจให้ผ่องใส ลดความเครียด
ความเครียด นอกจากจะส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันของร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลงจนเกิดการติดเชื้อได้ง่ายแล้ว ยังทำให้หัวใจเต้นแรง และเร็วผิดปกติ หายใจถี่ กล้ามเนื้อมีอาการเกร็ง การทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้หยุดชะงัก เพิ่มกรดในกระเพาะอาหารจนทำให้รู้สึกคลื่นไส้อาเจียนและปวดท้องได้

ที่มา : www.thaihealth.or.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


COVID-19 ไวรัสตัวร้ายไม่ไกลตัวอย่างที่คิด

หากท่านมีอาการ มีไข้สูงมากกว่า 37.5 องศา, ไอ เจ็บคอ, น้ำมูกไหล, หายใจเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ควรรีบมาพบแพทย์ด่วน!!!!

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า COVID-19 | โควิด19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ มีความรุนแรงเทียบเท่ากับโรคซาร์สมากที่สุด ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ องค์การอนามัยโลก ยังไม่สามารถหาที่มาของเชื้ออย่างชัดเจนได้ แต่สันนิษฐานว่าอาจจะมาจากเนื้อสัตว์ป่าที่ซื้อขายอยู่ และปัจจุบันเชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้แล้ว จากการถูกไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของคนที่ป่วย ดังนั้น เราควรดูแลตนเองเพื่อให้ร่างกายห่างไกลจากเชื้อไวรัสโคโรน่า โดยมีวิธีการรับมือ ดังนี้

1.เชื้อไวรัสนี้ติดต่อผ่านทางลมหายใจ สารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน

2. เชื้อไวรัสโคโรน่าติดต่อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ควรทานแบบสุกเท่านั้น

3. ควรทานอาหารที่สุกแล้ว งดอาหารดิบ และเนื้อสัตว์ป่า

4. หมั่นล้างมือหรือเช็ดด้วยแอลกอฮอล์

5. ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่ไอ จาม

6. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด และมีมลภาวะเป็นพิษ

7. งดเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงโรคระบาด

8. ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก ถ้าไม่จำเป็น

9. ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ฯลฯ

10.ถ้ามีอาการไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ทันที

ที่มา : www.sikarin.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ปั้นแบรนด์ให้ปังด้วยถั่วพีแคนกับคุณประโยชน์อัดเม็ด

พีแคน (Pecan) เป็นพืชตระกูลถั่ว มีสีน้ำตาลเข้มรูปทรงยาว พีแคนอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังอุดมไปด้วยไขมันดีจึงเป็นอาหารที่ควรรับประทานเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดี ด้วยคุณประโยชน์เต็มแม็กซ์ อาจจะเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการสร้างแบรนด์ ถั่วพีแคนจะมีประโยชน์ด้านใดบ้างนั้นตาม SI ไปดูกันเลยค่ะ

เป็นแหล่งโปรตีน
โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ไม่เพียงเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสัตว์เท่านั้นที่ให้สารอาหารประเภทโปรตีน แต่การรับประทานถั่ว โดยเฉพาะถั่วพีแคน มีการค้นพบในงานวิจัยเมื่อปี 2015 โดย Self Nutrition Data กล่าวว่า ถั่วพีแคน1ออนซ์ ให้โปรตีนมากถึง 3 กรัม ดังนั้นหากจะเพิ่มถั่วพีแคนลงในมื้ออาหารก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่เพียงพอมากยิ่งขึ้น

เป็นแหล่งไทอามีน
ไทอามีน (Thiamine) หรือที่รู้จักกันในชื่อของวิตามินบี1 ช่วยในเรื่องระบบของการเผาผลาญและการเจริญเติบโตของเซลล์ Self Nutrition Data แนะนำว่า ผู้ชายควรที่จะได้รับสารอาหารไทอามีนในปริมาณ 1.2 กรัมต่อวัน และผู้หญิงควรที่จะได้รับสารอาหารไทอามีนในปริมาณ 1.1 กรัมต่อวัน

อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อหัวใจ
ถั่วพีแคนอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอล (Polyphenols) โดยเฉพาะสารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ การรับประทานถั่วพีแคนยังช่วยเพิ่มปริมาณของสารแกมมา โทโคเฟรอล (Gamma Tocopherol) ซึ่งเป็นวิตามินอี ธรรมชาติ ช่วยป้องกันการเกิดอ็อกซิเดชันของคอเลสเตอรอล ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ

อุดมไปด้วยแมงกานีส
ในถั่วพีแคนอุดมไปด้วยแมงกานีส โดยถั่วพีแคน1ออนซ์ให้สารอาหารแมงกานีสมากถึง 60% ต่อร้อยละของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน โดยแมงกานีสช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังกระชับมากขึ้น

อุดมไปด้วยทองแดง
ในถั่วพีแคนอุดมไปด้วยทองแดง การรับประทานถั่วพีแคน1ออนซ์ให้สารอาหารทองแดงมากถึง 40% ต่อร้อยละของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ทองแดงจะทำงานร่วมกับธาตุเหล็ก ทำหน้าที่ในการดูดซึมธาตุเหล็กเพื่อนำไปใช้ในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และยังมีประโยชน์ต่อหลอดเลือดของเส้นประสาทรวมถึงเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรงอีกด้วย

ให้พลังงานสูง
ถั่วพีแคนเป็นแหล่งพลังงานที่ดี ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานถึง 690 แคลอรี่และมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เป็นแหล่งไขมันดี แร่ธาตุต่างๆ และวิตามินที่จำเป็นต่อสุขภาพ

ลดคอเลสเตอรอลไม่ดีในเลือด
ถั่วพีแคนอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เช่น กรดโอเลอิก (oleic acid) และเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระอย่างสารฟีนอลิก การรับประทานถั่วพีแคนเป็นประจำจะช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ในเลือด จากการศึกษาวิจัยได้มีการแนะนำว่าอาหารเมดิเตอร์เรเนียนโดยเน้นการทานผักผลไม้ ธัญพืชและถั่วต่างๆ จะอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง

มีสารต้านอนุมูลอิสระ
ถั่วพีแคนเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารไฟโตเคมิคอลหลายชนิดที่จะช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ เช่น กรดโพลิฟีโนลิก, กรดเอลลาจิก, วิตามินอี, เบต้าแคโรทีน, ลูทีนและซีแซนทีน จากการศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่าสารประกอบเหล่านี้ช่วยให้ร่างกายกำจัดอนุมูลอิสระ จึงเป็นการป้องกันร่างกายจากเกิดโรคมะเร็งและการติดเชื้อ

วิตามินอีสูง
พีแคนเป็นแหล่งอาหารชั้นเยี่ยมของวิตามินอี พีแคน 100 กรัม มีปริมาณวิตามินอีสูงถึง 25 กรัม ซึ่งวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ มีส่วนช่วยลดไขมัน ป้องกันการเกิดการแข็งตัวของเลือด อีกทั้งยังช่วยปกป้องผิวหนังจากอนุมูลอิสระจึงช่วยชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้ดี

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


สร้างแบรนด์เงินล้านด้วย โสม สารสกัดตัวเทพ

โสม สมุนไพรบำร่างกายชั้นเลิศ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งสมุนไพร” ที่ไม่ได้มีดีแค่กับผู้สูงวัย ด้วยลักษณะที่มีขนาดเล็ก แต่กลับมากด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ม่ว่าจะเป็นการบำรุงสมอง บำรุงเลือด เพิ่มพลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศสำหรับผู้ชาย ปัจจุบันได้มีการผลิตอาหารเสริม สกินแคร์ รวมถึงยาแผนโบราณจากสารสกัดจากโสมซึ่งหลายแบรนด์ในท้องตลาด วันนี้ SI จะพาทุกคนมารู้จักกับโสมกันให้มากขึ้นด้วย 12 คุณประโยชน์ที่เชื่อว่าถ้าได้ทราบกันแล้วอาจเป็นไอเดียใหม่ๆ สำหรับคนที่อยากสร้างแบรนด์

โสมช่วยลดการปวดประจำเดือน
ประโยชน์ในเรื่องนี้เอาใจสาวๆ ไปได้เลย เพราะผู้หญิงที่ต้องเจอภาวะปวดประจำเดือนทุกเดือนนี้มันช่างทรมานจริงๆ โดยมีนักวิจัยคิดค้นและยืนยันมาแล้วว่า โสมมีฤทธิ์ช่วยปรับฮอร์โมนในผู้หญิงช่วยลดอาการปวดประจำเดือน และยังช่วยปรับฮอร์โมนสำหรับผู้หญิงที่กำลังเข้าวัยทองอีกด้วย

ช่วยลดอาการผมร่วง ป้องกันภาวะผมบางและหัวล้าน
โสมมีส่วนช่วยบำรุงเลือด ทำให้ร่างการสร้างเซลล์ PAPILLA ได้มากขึ้น ซึ่งเซลล์ PAPILLA เป็นเซลล์ที่ช่วยให้อายุของเส้นผมอยู่ได้นานขึ้น ไม่หลุดร่วงง่าย และยังช่วยให้ผมที่ขึ้นใหม่แข็งแรง ป้องกันการเกิดภาวะผมบาง ศีรษะล้าน เสียบุคลิกภาพ

ช่วยบำรุงผิว ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
เนื่องจากโสมมีสาร Phytonutrients และสาร Anti-Oxidants จึงช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระต่างๆ ที่จะมาทำลายผิวให้เกิดริ้วรอย อีกทั้งยังช่วยดูแลคอลลาเจนในผิวชั้นกลางทำให้ผิวหน้าดูกระชับเต่งตึง แถมยังช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดออกไป พร้อมเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิมออกมา

ช่วยลดปัญหารอบดวงตา
สาวๆ คนไหนกำลังเจอปัญหานี้ ใช้อายเจลหมดไปหลายกระปุกก็ยังไม่ช่วย ต้องมาลองใช้โสมกันดู เพราะโสมมีสาร Saponin ที่ช่วยกระตุ้นเซลล์ใต้ผิวหนังรอบดวงตาให้แข็งแรงขึ้น จึงสามารถช่วยแก้ปัญหารอยดำหมองคล้ำใต้ดวงตา ลดอาการบวมของถุงใต้ตา ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวรอบดวงตาให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นกว่าเดิม

ยับยั้งเซลล์มะเร็งรังไข่, มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งปอด
Ginsenosides ในโสมมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งในรังไข่ เซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก และเซลล์มะเร็งปอด ได้เป็นอย่างดี จากการวิจัยของนักวิทยาสาสตร์ค้นพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งทั้ง 3 กลุ่มนี้ที่ได้รับประทานโสมอย่างต่อเนื่อง จะสามารถประคองอาการของโรค และมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานกว่า กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ได้รับประทานโสม

ช่วยรักษาและป้องกัน โรคเบาหวาน
โสมมีส่วนช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมคาร์โบไฮเดรตได้ช้าลง เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์ที่ทำหน้าที่นำน้ำตาลกลูโคสในร่างกายไปใช้งานได้มากขึ้น อีกทั้งไปกระตุ้นให้ตับอ่อนสามารถเพิ่มการหลั่งของอินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ช่วยรักษาโรคและป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี

ช่วยในการลดน้ำหนัก
โสมเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักและไขมันได้ โดยการที่โสมช่วยปรับสภาพให้ร่างกายดูดซึมคาร์โบไฮเดรตได้ช้าลง และกระตุ้นให้ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้งานได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยลดการสะสมไขมันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเร่งกระบวนการเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย

ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย
อย่างที่เราคุ้นหูกันดีว่าโสมเป็นยาโดปชั้นดีของเหล่าสุภาพบุรุษ เพราะโสมสามารถไปเพิ่มปริมาณไนตริกออกไซในร่างกาย ทำให้สามารถรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายได้เป็นอย่างดี

ลดอาการความดันโลหิตสูงและต่ำ
โสมมีส่วนช่วยบำรุงเลือดและปรับสมดุลต่างๆ ในร่างกาย ร่วมถึงปรับการหมุนเวียนของเลือดในร่างกายด้วย เพียงมีข้อพึงระวังในการใช้โสมของผู้ป่วยความดันโลหิตอยู่นิดนึงว่า ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงควรรับประทานโสมขาว และผู้ป่วยความดันโลหิตต่ำควรรับประทานโสมแดง เพราะโสมทั้ง 2 ชนิดนี้ออกฤทธิ์แตกต่างกัน

ลดความเครียด แก้ปัญหาอาการนอนไม่หลับ
Ginsenosides ในโสมจะช่วยทำให้ระบบประสาทส่วนกลางตื่นตัวทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งช่วยคลายความปวดเมื่อย ซึ่งจะช่วยทำให้หลับสนิท และตื่นมาไม่งัวเงีย กระปรี้กระเปร่า อีกทั้งโสมจะช่วยต้านความเครียด เพราะมีสาร Adaptogens จะช่วยให้ร่างกายให้ผ่อนคลาย ปรับสภาวะจิตใจให้คงที่ ลดภาวะโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย

ช่วยบำรุงสมองและระบบความจำ
ในส่วนข้อนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องทำงานใช้ความคิดทั้งวัน หรือเด็กนักเรียน นักศึกษาที่กำลังเตรียมตัวสอบ เพราะโสมมี Ginsenosides ที่จะช่วยเสริมการทำงานของสารสื่อประสาท ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาทของระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ปรับกระบวนการคิดและวิเคราะห์ข้อมูลให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการภูมิแพ้ต่างๆ
โสมช่วยปรับสภาพร่างกายให้อยู่ในภาวะสมดุล จึงทำให้สามารถป้องการการติดเชื้อต่างๆ ได้ดี ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ต่างๆ ร่างกายอ่อนแอ เป็นหวัดง่าย ไอจามบ่อยๆ หากได้รับประทานโสมจะสามารถลดอาการเหล่านี้ลงได้อย่างดีเลยทีเดียว

ที่มา : บริษัท วัชมนฟู้ด จำกัด, Koreanginsengs.com, sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


4 เคล็ดไม่ลับสต๊าฟอายุผิว

หลายๆ คนคิดว่า ผิวเด็ก หน้าเด้งสดใส จะอยู่กับเราได้อีกนาน เลยปล่อยปะละเลย แล้วค่อยมาดูแลบำรุงผิวกันใหม่ แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนสมัยนี้ ปัญหามลภาวะ การพักผ่อนน้อย ความเครียด ล้วนมีผลต่อผิวหน้าคุณอย่างมาก เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีรับมือป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยแก่ก่อนวัย ซึ่งจะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ตาม SI ไปดูกันเลยค่ะ

1.ล้างคราบเครื่องสำอางออกให้หมดจด
สาว ๆ ที่รักการเมคอัพจัดเต็มก็อย่าลืมล้างเครื่องสำอางเป็นอันขาด เพราะคราบเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เจอมาในแต่ละวัน ตลอดจนคราบเหงื่อและความมันที่ขับออกจากผิวจะไหลไปรวมตัวกันแล้วหมักหมมจ่อก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ทำให้ผิวขาดออกซิเจน ผิวก็จะโทรม และสิวก็จะทยอยมาเยี่ยมเยียนผิวสวยๆ อย่างแน่นอน และจะมาหนักกว่าเดิม หากคุณขี้เกียจหรือล้างเครื่องสำอางออกไม่สะอาดหมดจดก่อนเข้านอนเป็นประจำ รับรองว่าทำแบบนี้บ่อย ๆ สิวจะต้องยกขบวนมาก่อกวนความสดใสของผิว จนสุดท้ายก็ทำให้ผิวหน้าเกิดตำหนิ เกิดรอยด่างดำจากสิว และมีผิวที่แก่ก่อนวัยได้ง่ายมากขึ้น

2.เลี่ยงดื่มน้ำอัดลม เน้นดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ
รู้หรือไม่คะว่าน้ำอัดลม ชา กาแฟ และแอลกอฮอล์ เป็นตัวการที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย ดังนั้น ควรจะหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มเหล่านั้นจะดีกว่า แต่หันมาดื่มน้ำสะอาดแทน ซึ่งการดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ จะช่วยให้ผิวของคุณเต่งตึง อิ่มน้ำและเปล่งปลั่งสดใสได้ดี

3.หลีกเลี่ยงการกินของหวาน
การกินของหวานหรือการกินน้ำตาลมากๆ ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย เพราะน้ำตาลจะเข้าไปทำลายอิลาสตินในชั้นผิวให้เสื่อมสภาพลงโดยเร็ว ดังนั้น หากใครไม่อยากให้ริ้วรอยความแก่มาเยือนก่อนวัย พยายามลดการกินหวานจะดีที่สุด

4.ทาครีมกันแดดทุกวัน
นอกจากการบำรุงผิวด้วยการทาครีมบำรุงที่เหมาะสมแล้ว การทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สาวๆ ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เนื่องจากรังสียูวีในแสงแดดล้วนเป็นตัวการทำให้ผิวเสีย ส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ ฝ้ากระและริ้วรอยก่อนวัยได้เร็วนั่นเอง

ที่มา : www.sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

ดอกกุหลาบไอเท็มยอดฮิตที่ไม่ได้มีดีแค่วาเลนไทน์

เทศกาลแห่งความรัก เป็นอีกวันหนึ่งที่หลายๆ คนรอคอย แล้วถ้าพูดถึงวันแห่งความรักแล้ว ดอกกุหลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่เป็นของคู่กัน เพราะนอกจากจะใช้สื่อรักแทนในวันวาเลนไทน์แล้ว ดอกกุหลายยังมีสรรพคุณดีงามที่หลายๆ คนคาดไม่ถึงอีกด้วย จะเป็นอย่างไรนั่น วันนี้ SI พาทุกคนไปชมกันค่ะ

1. ช่วยคลายเครียด

กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกกุหลาบมีอานุภาพทำลายล้างความวิตกกังวล ความเครียด และความเศร้าหมองในจิตใจเราได้ พร้อมกับช่วยให้อาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะดีขึ้น เคยได้ยินคำว่าดอกไม้บำบัดกันไหมล่ะค่ะ ดอกกุหลายก็เป็นดอกไม้บำบัดชนิดหนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเวลาได้กลิ่นดอกกุหลาบแล้วร่างกายจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หรือถ้านำกลีบกุหลาบไปผสมกับน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำแล้วลงไปแช่ ก็ช่วยให้จิตใจสงบ สยบความฟุ้งซ่านได้เยอะเลย

2. ควบคุมฮอร์โมนเพศหญิงได้

กลิ่นกุหลาบมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิง สามารถช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนผู้หญิงให้อยู่ในสภาวะสมดุลได้ ซึ่งด้วยสรรพคุณของดอกกุหลาบในด้านนี้ เราจึงมักจะเห็นเครื่องสำอางชนิดต่าง ๆ มีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากดอกกุหลาบ โดยเฉพาะในครีมบำรุงผิวเพื่อลดริ้วรอย หรือครีมกระชับผิวให้เต่งตึง หรือครีมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เป็นต้น

3. แก้ไข้ตัวร้อน

น้ำดอกไม้เทศ หรือการละลายน้ำมันสกัดจากดอกกุหลาบในน้ำต้มสุก เป็นสูตรยาแก้ไข้ตัวร้อนของไทยมาช้านาน โดยสรรพคุณแผนโบราณของดอกกุหลาบมอญมีฤทธิ์แก้ไข้ตัวร้อน แก้กระหาย แก้อ่อนเพลีย และบำรุงกำลัง

4. กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย

ชาดอกกุหลาบอุดมไปด้วยวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มไซโคปีน ซึ่งได้จากสารสีแดงจากกลีบดอกกุหลาบนั่นเอง ดังนั้นการดื่มชาดอกกุหลาบอุ่น ๆ จึงทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากสารเหล่านี้ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ยิ่งถ้าหากผสมน้ำผึ้งซึ่งมีสรรพคุณแก้อักเสบด้วยแล้ว ชากุหลาบน้ำผึ้งแก้วนี้จะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพแบบทวีคูณเลยล่ะค่ะ

5. เป็นยาระบาย

สรรพคุณดอกกุหลาบด้านนี้เชื่อว่าหลายคนได้ลองมากับตัวเองแล้ว เอาเป็นว่าคราวนี้ลองมาศึกษาฤทธิ์ทางเคมีของดอกกุหลาบในด้านช่วยระบายกันบ้างค่ะ โดยสารสำคัญที่ได้จากน้ำมันหอมระเหยดอกกุหลาบมีฤทธิ์ผ่านกลไกหลักของระบบขับถ่าย โดยเพิ่มสัดส่วนของน้ำในระบบลำไส้ ส่งผลให้อุจจาระมีความเหลวมากขึ้น อุจจาระจึงอยู่ในสภาวะพร้อมจะถูกขับถ่าย ก่อให้เกิดอาการมวน ๆ ท้องอยากเข้าห้องน้ำนั่นเอง โดยเฉพาะคนที่ดื่มเป็นชากุหลาบแบบใส่นม ก็จะขับถ่ายคล่องมากขึ้นด้วยนะคะ

6. บรรเทาอาการปวด

สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยผลการศึกษาทางคลินิกของฤทธิ์บรรเทาปวดจากเปลือกผลกุหลาบ โดยศึกษาสรรพคุณของกุหลาบพันธุ์ Rosa canina L (rose- hip powder; RHP) เทียบกับยาหลอก กับอาสาสมัครซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคกระดูกและข้ออักเสบจำนวน 30 คน เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งจากการทดลองพบว่า 90% ของผู้ป่วยที่ได้รับสารสกัดจากเปลือกผลดอกกุหลาบ RHP มีอาการปวดลดลง อาการแข็งแกร็งและความไม่สบายตัวลดลง ที่สำคัญผลทางการรักษาดังกล่าวยังคงอยู่เป็นเวลาถึง 3 สัปดาห์หลังจากการหยุดใช้ยา RHP

และในส่วนของผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกนั้น มีเพียง 36% ที่อาการปวดลดลง ที่สำคัญ การใช้สารสกัดจากเปลือกผลกุหลาบยังช่วยลดการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มพาราเซตามอล ยาแก้ปวดโคเดอีน และยาแก้ปวดทามาดอลอย่างเห็นได้ชัดเจน จึงสรุปได้ว่า สารสกัดจากเปลือกผลกุหลาบ RHP สามารถบรรเทาอาการปวดของผู้ป่วยโรคกระดูกและข้ออักเสบได้ อีกทั้งยังช่วยลดการใช้ยาของผู้ป่วยได้จริง

7. ชากุหลาบช่วยลดน้ำหนักได้ !

ใบกุหลาบและยอดใบชาที่ผสมกันจนเป็นชากุหลาบ ถือว่าเป็นสุดยอดชาที่ช่วยบำบัดอาการติดขัดต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ ทั้งช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ช่วยลดการอักเสบของผิว และยังช่วยขับพิษออกจากร่างกายได้อีกด้วย เนื่องจากในชากุหลาบอุดมไปด้วยวิตามิน A, B3, C, D และ E ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลผิวพรรณ รวมทั้งมีสารที่ช่วยเบิร์นไขมัน ทำให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นด้วยจ้า

ประโยชน์จากดอกกุหลาบที่มีต่อสุขภาพบอกเลยว่าไม่ธรรมดา แต่อย่างไรก็ดี ดอกกุหลาบที่เราจะดม หรือจะนำมาทำอาหาร เครื่องดื่ม คงต้องตรวจสอบให้ดีด้วยว่าดอกกุหลาบนั้นเป็นดอกกุหลาบปลอดสารพิษ หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องสะอาดปลอดภัยในระดับหนึ่งนะคะ ซึ่งถ้าไม่ได้ปลูกดอกกุหลาบเอง จุดนี้อาจเป็นการเสี่ยงทายเกินไปว่าดอกไหนปลอดภัยดอกไหนอาจมีพิษ ดังนั้นอาจเลือกซื้อชากุหลาบแบบผงมาชงดื่มคงสะดวกกว่า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ป้องกันเชื้อโรคได้ง่ายแค่ล้างมือให้สะอาด

การล้างมือ  นอกจากช่วยให้มือนุ่ม ชุ่มชื้น น่าจับแล้ว สาเหตุที่เจลล้างมือกลายเป็นของหายากอย่างทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะว่า เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ปริมาณ 60% ขึ้นไป จะสามารถยับยั้งเชื้อโรคได้หลายชนิดครับ เช่น เชื้อรา เชื้อไข้หวัดใหญ่ เชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (สาเหตุของโรคเริม) เชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี เชื้อวัณโรค เชื้อเอชไอวี เป็นต้น นอกจากนี้ ในเจลล้างมือก็จะมีส่วนผสมของสารแต่งกลิ่นต่าง ๆ ให้มีความหอม น่าใช้มากขึ้นนั่นเองครับ

การล้างมือที่ถูกต้อง นอกจากช่วยลดความเสี่ยงจากเชื้อไวรัสโคโรน่าแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดเชื้ออีกจำนวนมากที่แพร่กระจายได้ง่ายด้วยการสัมผัส ซึ่งโรคที่พบบ่อยคือ โรคติดเชื้อทางเดินอาหารเช่นโรคอุจจาระร่วง หรือโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ อย่าง ไข้หวัดและโรคปอดบวม

และนี่คือขั้นตอนการทำความสะอาดมือที่ได้ประสิทธิภาพ ทุกขั้นตอนให้ทำ 5 ครั้ง สลับกันทั้ง 2 ข้าง

1. ฟอกฝ่ามือถูกัน
2. ฟอกง่ามนิ้วด้านหลังฝ่ามือ
3. ฟอกง่ามนิ้วด้านหน้าฝ่ามือ
4. ฟอกนิ้วมือและข้อนิ้วมือด้านหลังฝ่ามือ
5. ฟอกนิ้วและโคนนิ้วหัวแม่มือ
6. ถูปลายนิ้วมือทั้งสองข้างบนฝ่ามือ
7. ฟอกบริเวณรอบข้อมือ

ที่มา : kapook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน