ฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลกับสมอง

ฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 กลายเป็นอีกหนึ่งมลพิษที่อยู่คู่กับคนไทยอย่างยาวนานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะสาเหตุหลักสำคัญเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ดังนั้นเมื่อเรายังต้องเผชิญ สิ่งที่จะทำได้คือการรู้เท่าทันความอันตราย หลีกเลี่ยงและระมัดระวังการใช้ชีวิต เพื่อให้มีผลกระทบเชิงลบต่อร่างกายน้อยที่สุด วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลกับสมองในช่วงวัยต่างๆ ที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหลายคนๆ มาฝากกันค่ะ

มีผลกระทบต่อเด็ก

ในเด็กมีหลายงานวิจัยที่ยืนยันถึงความสัมพันธ์ของระดับ PM 2.5 ต่อความผิดปกติทางด้านพัฒนาการทางสติปัญญา อาทิเช่น มีสติปัญญาด้อยลง, การพัฒนาการช้าลง, มีปัญหาการได้ยินและการพูด รวมทั้งยังมีผลทำให้เกิดภาวะสมาธิสั้น  และภาวะออทิซึม เพิ่มมากขึ้นถึง 68%

มีผลกระทบต่อผู้ใหญ่

ในผู้ใหญ่พบว่า การได้รับฝุ่น PM 2.5 ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์เพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่า และทำให้เกิดโรคพาร์กินสันเพิ่มได้ถึง 34% (Fu, 2019) รวมทั้งยังทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดสมอง เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยทุก ๆ 10 μg/m3 ของระดับ PM2.5 ที่เพิ่มขึ้น จะเพิ่มความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดสมองประมาณ 13% ถ้าได้รับฝุ่นจิ๋วในระดับความเข้มข้นที่เพิ่มมากขึ้น ความเสี่ยงก็จะเพิ่มมากขึ้น โดยในกลุ่มคนที่เป็นโรคเส้นเลือดสมองอยู่แล้ว การได้รับ PM 2.5 ยังเป็นการเพิ่มอัตราการตายในคนกลุ่มนี้อีกด้วย

มีผลกระทบต่อคนที่ออกกำลังกาย

คนที่ออกกำลังกายในสถานที่ที่มีฝุ่น PM2.5 จำนวนมาก จะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพสมอง และเพิ่มอัตราการเกิดโรคเส้นเลือดสมอง การรับประทานผักและผลไม้ จะช่วยลดผลกระทบของฝุ่นจิ๋วต่อร่างกายได้ เนื่องจากผลของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในผักและผลไม้

มีผลกระทบต่อคนที่เป็นไมเกรน

ในกลุ่มคนที่เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน ซึ่งสมองจะมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าคนปกติ ฝุ่น PM2.5 รวมทั้งมลพิษในอากาศชนิดอื่น ๆ สามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงขึ้นมาได้ โดยพบว่าในช่วงเวลาที่มีฝุ่นขนาดจิ๋วอยู่ในระดับสูง เช่น ฤดูหนาว จะพบคนที่เป็นไมเกรนเกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง จนต้องไปพบแพทย์เพื่อฉีดยาที่ห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงปกติประมาณ 4 – 13%

ที่มา : bangkokhospital.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ผลเสียต่อสุขภาพ เมื่อขาดวิตามิน

ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ คำพูดง่ายๆ ที่อาจไม่ง่ายสำหรับใครหลายคน ด้วยไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ค่อนข้างเร่งรีบ ทำให้อาหารฟาสฟู้ดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของหลายคน ทำให้สารอาหารที่ได้รับไม่เพียงพอ อีกหนึ่งสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย นั่นก็คือ วิตามิน หลายคนเลือกที่จะรับประทานวิตามินเสริม ซึ่งสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง ทุกคนทราบมั๊ยคะว่าหากร่างกายได้รับวิตามินที่สำคัญๆ ไม่ครบ ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้น และในระยะยาวได้เช่นกัน วันนี้ SI มีบทความดีๆ มาฝากกันค่ะ

วิตามินเอ
วิตามินเอ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น มีความสำคัญกับระบบสืบพันธุ์ ผิวพรรณ เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน หากขาดวิตามินเอ จะส่งผลให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ มองเห็นได้ยากในตอนกลางคืน ผิวหยาบกร้าน และเยื่อบุตาแห้ง

แอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีน
แอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีน เป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็ง ช่วยยับยั้งสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคต้อกระจก หากขาดแอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีน อาจไม่ได้ส่งผลร้ายอะไรโดยตรงมากนัก แต่โอกาสที่จะมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง และโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง หลอดเลือดแดงแข็ง และต้อกระจกก็อาจจะมากกว่าผู้ที่ได้รับแอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีนอย่างเพียงพอ

วิตามินบี 12
วิตามินบี 12 ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงป้องกันโรคโลหิตจาง ลดระดับสารโฮโมซิสเทอีนในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ และช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท และสมอง หากขาดวิตามินบี 12 นอกจากจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคโลหิตจางแล้ว การทำงานของระบบประสาท และสมองก็อาจลดน้อยลงด้วย

วิตามินซี
สาวๆ หลายคนน่าจะรู้จักวิตามินซีกันดี เพราะมีส่วนช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ รักษาบาดแผล และช่วยสังเคราะห์คอลลาเจนที่ผิว ดังนั้นจึงเป็นส่วนผสมของครีมบำรุงผิว รวมถึงอาหารเสริมสำหรับบำรุงผิวมากมาย แต่นอกจากเรื่องความสวยความงามแล้ว วิตามินซียังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร และช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย หากขาดวิตามินซี นอกจากการทำงานของระบบภูมิคุ้นกันจะลดน้อยลงแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคลักปิดลักเปิด (เลือดออกตามไรฟัน) ผิวซีด แผลหายยาก และอ่อนเพลียง่ายอีกด้วย

วิตามินดี
วิตามินดีช่วยเพิ่มการดูดซึมของแคลเซียมจากลำไส้ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันการสูญเสียแคลเซียมไปทางไต ลดความเสี่ยงของกระดูกเปราะหักง่าย วิตามินดีไม่ใช่วิตามินที่ร่างกายของคนไทยขาดกันง่ายๆ เพราะร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้จากแสงแดด ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแสงแดดตลอดปีอยู่แล้ว แต่กลับพบว่าคนไทยพร่องวิตามินดีเกือบครึ่ง จากวิถีชีวิตในเมืองที่อยู่ในตึกตลอดเวลา และการหลบเลี่ยงแสงแดด หากพบว่าร่างกายขาดวิตามินดี อาจเสี่ยงต่อภาวะกระดูกเปราะหักง่าย และในผู้สูงอายุ และหญิงวัยหมดประจำเดือน อาจมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม และภาวะซึมเศร้าได้

วิตามินอี
วิตามินอีมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ และสมอง เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหนัง และลดริ้วรอยแก่ก่อนวัย ปกติแล้วร่างกายไม่ค่อยขาดวิตามินอีจากการทานอาหาร แต่อาจมีปัญหาจากการดูดซึมไขมัน เช่น การทำงานของตับ ตับอ่อน และลำไส้ผิดปกติ และอาจใช้เวลานานกว่าร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณบอก เช่น สูญเสียการรับสัมผัส และการตอบสนองต่อสิ่งเร้า สูญเสียความรู้สึกทางกาย กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาในการกลอกตา หรือทรงตัวได้ยาก รวมไปถึงปัญหาผิวหยาบกร้าน เป็นต้น

ไลโคปีน
ไลโคปีนช่วยให้ผิวทนต่อแสงแดด ลดอาการผิวไหม้แดด ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ไม่หยาบกร้าน ลดการเกิดริ้วรอย และสำหรับคุณผู้ชาย จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยหากขาดไลโคปีน อาจทำให้ความแข็งแรงของผิวที่สามารถทนต่อแสงแดดได้น้อยลง และอาจมีความเสี่ยงที่เซลล์จะเสื่อมลงเร็วยิ่งขึ้น

ทองแดง
ทองแดงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ ป้องกันภาวะเลือดจาง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ หากขาดทองแดง อาจทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ช้าลง มีความเสี่ยงต่ออาการโลหิตจาง อาจทำให้เอนไซม์บางตัวทำงานได้ไม่เต็มที่ จนอาจเกิดอาการเจ็บป่วยตามมาได้

สังกะสี
สังกะสีช่วยสร้างเซลล์ผิวหนัง สร้างอิลาสตินที่ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น ช่วยส่งเสริมการสร้างน้ำย่อยโปรตีนในกระเพาะอาหาร ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเสริมสร้างการเจริญเติบโต และความตื่นตัวของสมองอีกด้วย หากขาดสังกะสี อาจทำให้ผมร่วงง่าย ผิวหนังฟกช้ำได้ง่าย เป็นแผลแล้วหายช้า ผิวหนังอักเสบ ระคายเคือง ขาดความชุ่มชื้น และประสาทรับรสเริ่มด้อยประสิทธิภาพ จากการสังเกตร่างกายของตัวเอง บวกกับการเจาะเลือดเพื่อตรวจปริมาณวิตามินในร่างกายกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจทำให้เราทราบว่าเราควรทานอาหารชนิดใดเพื่อเสริมเพิ่มในส่วนของวิตามินที่ขาดหาย หรือมีวิตามินชนิดใดมากเกินไปหรือไม่

ทั้งนี้ การจะทราบว่าตัวเองกำลังขาดวิตามินใดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายบ้าง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการตรวจสุขภาพ และวัดผลให้ชัดเจน ก่อนหาซื้อวิตามินมาทานเอง

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


จับตา 7 ธุรกิจน่าลงทุนปี 2020

ธุรกิจที่มาแรงในปี 2020 นี้ ต้องเป็นเทรนด์ธุรกิจที่มีแนวโน้มที่จะตรงกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของลูกค้า จึงจะอยู่รอดและประสบความสำเร็จ และต้องเป็นธุรกิจมาแรงและจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ดีที่สุดในปีหน้า แถมยังจะคงได้รับความนิยมต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตโดยตรง และวันนี้ SI มี 7 ธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2020 นี้มาฝากกันค่ะ

1. ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ

จากเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มปี 2020 นั้น จะเห็นว่าลูกค้าจะหันมาใส่ใจสุขภาพเพิ่มมากขึ้นไปอีก คือมีตั้งแต่เริ่มใช้โปรตีนสายพันธุ์ใหม่ หรือ Plant-based food แทนเนื้อสัตว์ มีการดื่มเครื่องดื่มทางเลือกที่มีน้ำตาลน้อย เริ่มมีอาหารเพื่อสุขภาพพร้อมทานมากขึ้น ทั้งยังมีการให้ความสำคัญกับอาหารผู้สูงอายุและโภชนาการเฉพาะบุคคลด้วย ดังนั้นหากลองหันมาจับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพอย่างขายอาหารและเครื่องดื่ม หรือเปิดฟิตเนสและให้คำปรึกษาทางด้านสุขภาพก็น่าจะอินเทรนด์ตลาดและทำกำไรได้ไม่น้อย

2. ธุรกิจเกี่ยวกับความงาม

เรื่องความสวยความงามเป็นเรื่องที่ไม่เคยล้าสมัยอยู่แล้ว นั่นก็เพราะว่าคนเราอยากดูดีเสมอ แล้วอีกอย่างธุรกิจความสวยความงามก็เป็นธุรกิจที่ได้รับการตอบรับดีเสมอมา ซึ่งถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามีแบรนด์น้อย-ใหญ่ผุดขึ้นมาไม่หยุดในตลาดของไทย แล้วจากการศึกษาของ EuroMonitor เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาก็พบว่าธุรกิจอาหารเสริมของไทยมีมูลค่ามากกว่า 6.67 แสนล้านบาท ซึ่งหนึ่งในธุรกิจอาหารเสริมที่เติมโตและมีมูลค่าสูงก็คือ อาหารเสริมความงาม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจเกี่ยวกับความงามจะเป็นธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2020 นี้

3. ธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ

แนวโน้มเทรนด์ธุรกิจอาหารในปี 2020 นั้นจะพบว่ามีการให้ความสำคัญกับอาหารผู้สูงอายุมากขึ้น และมีการศึกษาพบว่าประเทศไทยของเรากำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวเร็ว ๆ นี้ โดยลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ทั้งยังชอบมองหาสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้นธุรกิจน่าลงทุนในปี 2020 ที่จะถึงนี้จึงหนีไม่พ้นธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุนั่นเอง ลองมองหาทางเลือกในการทำธุรกิจอย่างการดูแลผู้สูงวัย อาหาร ไลฟ์สไตล์ หรือกิจกรรมสันทนาการ ก็น่าจะคุ้มค่ากับการลงทุนอยู่เหมือนกัน

4. ธุรกิจเกี่ยวกับแม่และเด็ก

ไม่ว่าจะกี่ยุคหรือกี่สมัย พ่อแม่ก็ยังคงต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกอยู่เสมอ แล้วจะมีไอเดียทำธุรกิจไหนที่ดีไปกว่าการขายสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับแม่และเด็กล่ะ จริงไหม? เพราะฉะนั้นธุรกิจที่น่าสนใจในปี 2020 ก็จะเป็นธุรกิจขายของเล่นเสริมสร้างพัฒนาการ หรือขายไอเท็มที่ส่งเสริมทักษะของลูกน้อย

5. ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง

น้องหมาน้องแมว หรือสัตว์เลี้ยงประเภทต่าง ๆ คือสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ น่ารักที่มอบความสุขให้กับใครหลายคน และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด เลยทำให้หลายบ้านหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหล่านี้กันมากขึ้น ซึ่งถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าแทบจะไม่มีบ้านไหนเลยที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง และแน่นอนว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ต่างก็มองหาอาหารสัตว์ที่ดีที่สุดและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงจึงเป็นธุรกิจที่ไม่เคยตกยุคและน่าลงทุนในปี 2020 ที่จะถึงนี้

6. ธุรกิจเกี่ยวกับที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์

ในยุคที่ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง (Digital Marketing) มาแรง และการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ได้รับความนิยมมาขึ้นเรื่อย ๆ คนที่จับทางเทรนด์และปรับตัวตามกระแสเท่านั้นจึงจะอยู่รอดและมีโอกาสเติบโต ซึ่งหากคุณมีความรู้ความสามารถด้านนี้อยู่แล้ว ทำไมไม่ลองพิจารณาดูล่ะ ? ลองหาเงินทุนมาเริ่มต้นดู ยังไงก็มีโอกาสทำเงินแน่นอน !

7. ธุรกิจคอร์สเรียนออนไลน์

หากจะถามถึงธุรกิจน่าลงทุนปี 2020 ธุรกิจคอร์สเรียนออนไลน์ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะสมัยนี้ใคร ๆ ก็รักความสะดวกสบายและไม่ชอบจ่ายเงินให้กับความยุ่งยาก แม้จะเป็นการหาความรู้ก็ต้องเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาและไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทาง ลองหาแนวทางที่ถนัดและทำเป็นคอร์สออนไลน์ รับรองว่าไปได้สวยแน่นอน

สรุป
ธุรกิจน่าลงทุนปี 2020 ที่เราได้แนะนำไปนั้น เป็นธุรกิจมาแรงและจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ดีที่สุดในปีหน้า แถมยังจะคงได้รับความนิยมต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตโดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าเงินลงทุนหรือรูปแบบการจัดการของแต่ละธุรกิจนั้นย่อมแตกต่างกันไป บางธุรกิจอาจจะใช้เงินทุนน้อยกว่า หรือบางธุรกิจอาจจะใช้เงินสูงขึ้นมานิดหน่อย แต่รับรองว่าน่าสนใจและมีแนวโน้มทำกำไรให้กับคุณแน่นอน!

ดังนั้นเลือกให้ดีว่าคุณชอบหรือมองเห็นโอกาสในธุรกิจไหน จากนั้นก็ลงมือทำแผนธุรกิจให้ครอบคลุมที่สุด เริ่มตั้งแต่เป้าหมาย เงินลงทุน แผนการตลาด แผนการขาย ฯลฯ แค่นี้ก็จะทำธุรกิจได้อย่างราบรื่นแล้ว

ที่มา : thairath.co.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

ส่องเทรนด์ สกินแคร์ 2020

เชื่อว่าสาวๆ คงจะเห็นผลิตภัณฑ์ออกใหม่มากมายที่จะช่วยดูแลผิวพรรณให้สวยเต่งตึงสู้กับกาลเวลาที่ผ่านไป เรียกได้ว่า ตามซื้อตามใช้กันแทบจะไม่ทันเลยทีเดียว และปี 2020 ก็คงเป็นอีกปีหนึ่งที่บรรดาแบรนด์ต่างๆ จะปล่อย สกินแคร์ ใหม่ๆ มาให้เลือกกันอย่างจุใจ วันนี้ SI จะขอตามเทรนด์ ลองมาดูกันดีกว่าว่า “เทรนด์ของสกินแคร์” ในปีนี้ จะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

1. สวยแบบ “Zero-Waste”
สวยแบบรักโลก กระแสที่ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากสกินแคร์สาวๆ ต้องการนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อผิวแล้ว ยังจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นจากกระบวนการผลิต ส่วนผสมต่างๆ และบรรจุภัณฑ์

2. ครีมกันแดดสูตร “Mineral”
ปัญหาหลักของครีมกันแดดที่สาวๆ ร้องยี้นั่นก็คือ ความเหนียวเหนอะหนะ รวมไปถึงเนื้อครีมที่ขาววอก ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้หน้าลอยแล้ว ยังเป็นคราบขาวอีกด้วย ปัจจุบันมีครีมกันแดดสูตร Mineral หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Physical Sunscreens” เริ่มวางจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ด้วยสูตรที่ให้สัมผัสเบาสบาย กลมกลืนกับสีผิวได้อย่างเรียบเนียน และไม่มี “สารเคมี” ที่เป็นอันตรายต่อผิวพรรณและสิ่งแวดล้อม

3. “เรียวปาก” นุ่มชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี
“ริมฝีปาก” เป็น “ผิวหนัง” ที่บางที่สุดบนใบหน้า ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลและการบำรุงผิวของริมฝีปากเป็นพิเศษ นอกจากการทา “ลิปบาล์ม” อย่างสม่ำเสมอแล้ว ล่าสุดยังมี “เซรั่ม” และผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในการ “มาส์ก” รวมถึงการ “สครับ” ริมฝีปากให้คุณสาวๆ ได้ปรนนิบัติเรียวปากให้นุ่มสวยน่าสัมผัสอีกด้วย

4. สกินแคร์ต้าน “มลภาวะ”
ด้วยสภาพแวดล้อมทางอากาศที่มี “มลภาวะ” เป็นพิษมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพร่างกาย รวมถึงสุขภาพของผิวหน้าและผิวกาย ผลิตภัณฑ์ประทินผิวหลายๆ แบรนด์จึงเริ่มให้ความสำคัญกับส่วนผสมหลักอย่าง “Antioxidants” ที่มีส่วนช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพจากการทำลายของสภาวะแวดล้อม

5. “โทนเนอร์” ขั้นตอนที่ (เคย) ถูกมองข้าม
“โทนเนอร์” เริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังจากที่สาวๆ เคยมองข้ามขั้นตอนนี้ไปเวลาที่บำรุงผิวในแต่ละวัน เพราะคิดว่าไม่สำคัญ แต่จากการให้ข้อมูลความรู้ของสื่อและแบรนด์ต่างๆ ทำให้สาวๆ เข้าใจถึงหน้าที่ของโทนเนอร์ และหันกลับมาใช้โทนเนอร์กันเป็นประจำมากขึ้น โดยที่โทนเนอร์นั้นไม่เพียงช่วยในการปรับ “pH Balance” ให้กับผิว แต่ยังช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อีกด้วย

ที่มา : thairath.co.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


น้ำประปาเค็ม มีโซเดียมสูง ผู้ป่วยโรคไตควรเลี่ยง

กรมอนามัย แจงยังดื่มน้ำประปาได้ แม้มีรสกร่อย ไม่ก่อปัญหาโซเดียมเกิน ส่วนผู้ป่วยโรคไตไม่ควรรับโซเดียมเพิ่มเลย แนะอาจซื้อน้ำขวดดื่มแทนก่อน

น้ำเค็ม เพราะภัยแล้ง
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีภาวะแล้งน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้เกิดปัญหาน้ำประปาเค็ม จนมีข้อแนะนำให้ดื่มน้ำขวดแทนไปก่อน โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้เป็นโรคไต เพราะอาจรับโซเดียมมากเกินไป ว่า ผู้ที่บริโภคน้ำประปาเป็นประจำอาจจะรับรู้ถึงรสชาติที่เปลี่ยนไปจากปกติในบางครั้ง โดยความเค็มดังกล่าวมาจากเกลือโซเดียมคลอไรด์หรือเกลือแกงที่ใช้ปรุงอาหาร ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดค่าแนะนำเพื่อความน่าดื่มและการยอมรับของผู้บริโภคไว้

โซเดียมสูง ทำให้น้ำประปากร่อย
ในน้ำประปา ควรมีโซเดียมไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อลิตร และคลอไรด์ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร แต่ถ้าเจือปนในน้ำมากเกินไปจะทำให้น้ำมีรสกร่อยถึงเค็มได้ ซึ่งทางโภชนาการและการแพทย์แนะนำว่า มนุษย์ควรรับโซเดียมเข้าสู่ร่างกายไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยปัจจุบันน้ำประปามีโซเดียมประมาณ 100-150 มิลลิกรัมต่อลิตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนปกติจะดื่มน้ำประปาจนได้รับโซเดียมเกินกว่าที่กำหนด

น้ำประปาโซเดียมสูง อันตรายต่อสุขภาพผู้ป่วยโรคไต
ความเค็มจากน้ำประปาอาจเพิ่มโซเดียมเข้าสู่ร่างกายต่อวันในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่อาจจะส่งผลต่อกลุ่มเสี่ยงที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือกลุ่มผู้ป่วยโรคไต เพราะหากดื่มน้ำประปาที่มีความเค็มจะทำให้ได้รับโซเดียมเพิ่มขึ้นจากปกติได้ ดังนั้น ในช่วงน้ำประปาเค็ม กลุ่มผู้ป่วยโรคไตที่รับบริการฟอกไตที่โรงพยาบาลไม่ต้องกังวล เนื่องจากโรงพยาบาลทุกแห่งมีระบบการกรองแบบ Reverse Osmosis (RO) ที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย

สำหรับคนปกติทั่วไป การดื่มน้ำกร่อยอาจได้รับโซเดียมเพิ่มเติมจากปกติ จึงควรลดปริมาณสารปรุงแต่งอาหารที่มีความเค็มลง เช่น เกลือ น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสปรุงรส ผงปรุงรส งดการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอด หรือเปลี่ยนเป็นใช้น้ำดื่มบรรจุขวด ปิดสนิทแทนจะดีกว่า และยังส่งผลดีต่อสุขภาพด้วย

“คนปกติทั่วไปไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะไตทำงานปกติ สามารถขับของเสียออกมาได้ แต่ที่ต้องกังวลคือ ผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากไตทำงานได้น้อยลง การกำจัดเกลือก็จะน้อยตามไปด้วย และมีความเสี่ยงภาวะไตวายได้ ดังนั้น ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรรับเกลือเข้าสู่ร่างกายอยู่แล้ว อย่างคนทั่วไปรับได้วันละไม่เกิน 1 ช้อนชา ผู้ป่วยไตต้องน้อยกว่านั้นมาก ๆ อย่างแพทย์จะแนะนำเลยว่า ไม่ควรกินของเค็ม แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพไตของแต่ละบุคคล” พญ.พรรณพิมล กล่าว

ผู้ป่วยโรคไตควรต้องเลี่ยงดื่มน้ำประปา หรืออาจใช้เครื่องกรอง แต่ก็จะมีราคาแพง เพราะเครื่องกรองน้ำปกติส่วนใหญ่กรองตะกอน สิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ไม่สามารถกรองความเค็มได้ เพราะละลายในน้ำเหมือนเกลือแกง ต้องใช้เครื่องกรองน้ำ Reverse Osmosis (RO) แต่มีราคาแพง ทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคไต ควรซื้อน้ำขวดดื่มก่อน

ที่มา : sanook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


เจาะ 5 เทรนด์ตลาด ดักโอกาสปี 2020

ในการทำตลาด “เทรนด์” เป็นสิ่งที่นักการตลาดต้องจับยามสามตา เหลียวหลังแลหน้าแล้ววิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเพื่อประเมินสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากรู้เห็นภาพรางๆก่อน ย่อมทำให้นักธุรกิจ กูรูการตลาด สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับเทรนด์ได้ ขณะที่การพลาดเทรนด์ สะท้อนถึงการปรับตัวขององค์กรที่อยู่ในอัตราที่ “เชื่องช้า”กว่าการเปลี่ยนแปลงของโลก ผู้บริโภค ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรม ความต้องการไม่เหมือนเดิม สุดท้ายการปรับตัวไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ จะนำพาธุรกิจไปสู่ความล้มเหลวได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง

1. Segmentation by Digital Insight หรือการแบ่งส่วนตลาดตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะไม่ใช่เป็นการแบ่งตามลักษณะประชากรศาสตร์ เพศ อายุ อาชีพ รายได้ ฯ อีกต่อไป แต่ “ความสนใจ” ของผู้บริโภค จะเป็นตัวกำหนดว่าแบรนด์จะทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละเซ็กเมนต์อย่างไร เพื่อตอบสนองความต้องการเชิงลึก(Insight) ได้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น ผู้หญิง ผู้ชาย วัยรุ่น ผู้สูงอายุ มีความสนใจพิเศษอยู่ภายในใจในเรื่องเดียวกัน ซึ่งเหล่านี้แบรนด์สามารถ “จับ” อินไซต์ได้ผ่านการแสดงออกบนสื่อออนไลน์ต่างๆ

2. Good Data / Smart Data ข้อมูลที่ดีที่ถูกต้องมีความสำคัญอย่างมากในการทำตลาด และการเก็บข้อมูลลูกค้าปริมาณมหาศาล(Big Data) Data mining การใช้ปัญญาประดิษฐ์(AI)ต่างๆอย่างเดียวไม่ได้ เพราะข้อมูลที่มีมากมาย ควรจะต้องนำไปใช้งาน ต่อยอดให้เกิดประโยชน์ได้ ย่อมดีมากกว่ามีข้อมูลเต็มไปหมด แต่ใช้งานไม่ได้

ข้อมูลเยอะ ไม่สำคัญเท่าข้อมูลที่ดี ข้อมูลที่ถูกต้อง” ทั้งนี้ ข้อมูลที่ดีและถูกต้อง ควรมีลักษณะสอดคล้อง(Relevant)ใช้กับธุรกิจและแบรนด์นั้นๆได้ และเป็นข้อมูลที่ Insightful

กรณีศึกษา เน็ตฟลิกซ์” ทำตลาดและโฆษณาช่วงวันหยุดปีใหม่ ซึ่งจราจรติดขัด การไปเที่ยวสถานที่ต่างๆผู้คนหนาแน่น จึงชวนให้ดูซีรี่ส์ผ่านเน็ตฟลิกซ์ดีกว่า แต่หากมองความต้องการผู้บริโภคให้ลึกจะพบว่าการที่ยอมฝ่าจราจรติดขัด เบียดเสียด แย่งกันเที่ยว เพราะทุกคนไม่ต้องการเป็นมนุษย์ ตกขบวน หรือ Fear Of Missing Out : FOMO ไปเพราะต้องการแสดงออกว่าได้เป็นหนึ่งในคนที่ไปเที่ยวปีใหม่ ได้เคาท์ดาวน์ และอาจมองกลับกันว่าคนที่อยู่บ้าน อาจไม่มีที่ไป เป็น Loser สิ่งเหล่านี้ต้องวิเคราะห์เจาะลึกถึง Pain point ผู้บริโภคให้ถ่องแท้

และดาต้าท่ี่ดีต้องสร้างความ ได้เปรียบ” ในเชิงการแข่งขัน ดาต้าที่ได้มาคู่แข่งไม่มี หรือคู่แข่งมี แต่จับประเด็นนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้

3. Digital Social Responsibility : DSR เมื่อการใช้ดิจิทัลถึงจุดหนึ่ง การแสดงความรับผิดชอบบนโลกดิจิทัลต้องตามมาอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้ หากเปรียบโลกออฟไลน์ มีการทำตลาดที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จนเกิดกิจกรรมเพื่อสังคม(CSR) มีการตลาดสีเขียว(Green Marketing)มาตอบแทนสังคม บนโลกออนไลน์มีข่าวปลอม หลอกลวง(Fake News) การรังแกผู้อื่น(Bully) ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมตระหนักมากขึ้นเรื่อยๆ การแต่งตัวโป๊เปลือยเพื่อ Live ผ่านโชเชียลมีเดีย หรือแม้จะเชิญใครมาสัมภาษณ์ออกสื่อฯ ทั้งหมดต้องทำอย่างระมัดระวัง และรับผิดชอบบนโลกออนไลน์มากขึ้น

4. Customer insight Button วิเคราะห์หาความต้องการเชิงลึกที่เป็น “จุดเปลี่ยน” ของผู้บริโภคให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นความอยากรู้อยากเห็น(Curiosity) เพื่อหากลยุทธ์การตลาดเพื่อ “เปลี่ยน” พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายให้ได้ เช่น การชกมวยทั่วไปผู้บริโภคไม่อยากชมแล้ว หากเป็น “ดารานักแสดง” มาชกมวย กลุ่มเป้าหมายสนใจมาก เป็นต้น

5. Life Line Economy ปฏิเสธไม่ได้ว่าเศรษฐกิจ ธุรกิจ ไม่สามารถอยู่บนแพลตฟอร์ม “ออหไลน์” หรือ “ออนไลน์” อย่างเดียวอีกต่อไป แต่ต้องเชื่อมโยงกัน เพื่อนำไปสู่การแบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็น Sharing Economy หรือ Circular Economy

“ถ้าเข้าใจ life line ของผู้คนมากขึ้น ก็จะทำใหเ้เกิดการแบ่งปันกัน”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักการตลาด แบรนด์ต้องลุกขึ้นมาทำ คือเป็นผู้กำหนดเทรนด์ด้วยตนเอง ปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะนับวันความท้าทายมีมากขึ้นเรื่อยๆ

ปีนี้นักการตลาดต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงตลาด ผู้บริโภค ต้องเป็นนักการตลาดที่ Agile เคลื่อนตัวเร็ว เคลื่อนไหวตลอดเวลา ต้องยืดหยุ่น(Resilence)ตามเหตุการณ์ ตามความต้องการของผู้บริโภคที่เฉพาะตัวหรือ Personalize มากขึ้น และรู้รอบด้าน ไม่ใช้รู้แค่ธุรกิจตัวเอง รวมถึงรู้ทั้งโลกออฟไลน์และออนไลน์ด้วย

ที่มา : bangkokbiznews.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


กินกล้วยมื้อเย็น ลดน้ำหนักได้จริงหรือ?

ประโยชน์ของกล้วยในส่วนของการลดน้ำหนักนั้น ขอบอกเลยว่ากล้วยก็ไม่ได้กล้วยอย่างที่คิด แต่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักสรรพคุณเด็ดมาก มีดีทั้งช่วยให้ผอมได้ แถมด้วยประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีกไม่น้อย และหากใครกำลังสงสัยว่ากินกล้วยมื้อเย็นจะอ้วนไหม หรือกินกล้วยแทนมื้อเย็นไปเลยจะช่วยลดน้ำหนักได้หรือเปล่า วันนี้ SI พาทุกคนมาหาคำตอบกันค่ะ

กินกล้วยมื้อเย็น

กล้วยมีวิตามินบี 1 และบี 2 ที่ช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน อีกทั้งยังมีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีต่อร่างกาย มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ดังนั้นเมื่อกล้วยตกเข้าไปในระบบย่อยอาหารจึงดูดซับน้ำ พองตัว และช่วยทำให้ท้องรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น

แถมหากกินกล้วยมื้อเย็นสักลูก ความหวานในตัวกล้วยยังจะช่วยลดความอยากของหวาน ๆ หรืออาหารประเภทจังก์ฟู้ดได้อีกต่างหาก และที่สำคัญความหวานในส่วนนี้ยังปราศจากแคลอรีด้วยล่ะ

นอกจากนี้การกินกล้วยในช่วงมื้อเย็นยังมีประโยชน์พอ ๆ กับการกินกล้วยมื้อเช้าเลยนะคะ เพราะไม่ว่าจะกินกล้วยตอนไหน กล้วยยังไงก็เป็นกล้วยที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 6 ซึ่งถือเป็นโคเอนไซม์สำคัญของกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย นั่นก็เท่ากับว่า เมื่อกินกล้วยมื้อเย็นเข้าไป ระบบการเผาผลาญในร่างกายก็จะทำงานอย่างกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น เบิร์นเหล่าอาหารที่เรากินมาทั้งวันได้ดีขึ้นนั่นเอง

กินกล้วยมื้อเย็น

และหากเป็นคนที่มักจะนอนหลับยากหรือนอนหลับด้วยความกระสับกระส่ายมาตลอด อยากท้าให้ลองกินกล้วยมื้อเย็นดูสักตั้ง เพราะกล้วยอุดมไปด้วยกรดอะมิโนและทริปโตเฟน สารประกอบสำคัญของการสร้างเซโรโทนินในสมอง ซึ่งเปรียบเสมือนยาระงับประสาทแบบธรรมชาติ ช่วยให้นอนหลับง่ายกว่าที่เคยอีกด้วยนะ

ที่มา : www.kapook.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน