สารสกัดจากถั่วขาว ตัวช่วยดีๆ ของการควบคุมน้ำหนัก

ถั่วขาว เป็นพืชในตระกูลถั่วที่มีคุณประโยชน์มากมายในตัวมันเอง เพราะให้สารอาหารที่มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และมีใยอาหารสูง ขณะเดียวกันในถั่วขาวก็มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัว คือ มีสารที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์อะไมเลส ที่ใช้ย่อยอาหารประเภทแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ให้กลายเป็นน้ำตาลที่มีโมเลกุลขนาดเล็กเพื่อให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้

หลายคนอาจจะเคยเข้าใจผิดคิดว่า ไขมันเป็นสาเหตุหลักของการมีน้ำหนักเกินหรือความอ้วน แต่ความจริงแล้วอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่เราทานเป็นอาหารหลักอยู่ทุกมื้อ หรืออาหารมื้อย่อยๆ ที่เราชอบทานกันเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะมาในรูปของข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว มะกะโรนี หรือผัดไทย ซึ่งเป็นอาหารที่เรามักลืมไปว่าเป็นเมนูที่ค่อนข้างหนักทั้งแป้งและไขมัน ก็เป็นสาเหตุสำคัญของความอ้วนเช่นกัน ดังนั้นการควบคุมน้ำหนักอีกทางหนึ่งคือ การลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่กินมากเกินความต้องการไปนั่นเอง

แล้วสารสกัดจากถั่วขาวจะสามารถจัดการกับคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไปได้อย่างไร?

ด้วยคุณสมบัติพิเศษของถั่วขาวที่สามารถยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์อะไมเลส จึงไม่สามารถย่อยแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตที่กินเข้าไปให้เป็นน้ำตาลได้ ร่างกายจึงได้รับพลังงานจากแป้งได้น้อยลง จึงไม่มีพลังงานส่วนเกินที่จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ได้ ในทางกลับกันเมื่อร่างกายได้รับพลังงานน้อยลง ร่างกายจึงต้องดึงเอาไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมาใช้ นอกจากนี้แป้งที่ไม่ถูกย่อยในทางเดินอาหารก็ยังทำให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น สุดท้ายก็จะถูกขับถ่ายออกมาจากร่างกาย จึงเป็นที่มาของคุณสมบัติพิเศษจากถั่วขาวที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้โดยที่ ไม่ต้องอดอาหาร

สารสกัดจากถั่วขาว เป็นวัตถุดิบที่ทั่วโลกยอมรับ ที่จะนำไปเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่ม อาหาร และอาหารเสริมต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการช่วยควบคุมน้ำหนัก แต่อย่างไรก็ตามขอให้สารสกัดจากถั่วขาวเป็นเพียงตัวช่วยตัวหนึ่งเท่านั้นนะ คะ เพราะคุณควรกินอาหารที่มีประโยชน์ ครบทุกหมู่อย่างสมดุล ไม่มากไม่น้อยเกินไป และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นั่นจะทำให้คุณสามารถควบคุมน้ำหนักและรูปร่างให้ดูดีได้โดยไม่ส่งผลเสียต่อ สุขภาพอย่างแน่นอน

ที่มา : sanook.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


สารสกัดจากเมล็ดองุ่นกับ 15 คุณประโยชน์

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) จัดเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงและเป็นที่น่าสนใจมากที่สุดตัวหนึ่ง เพราะเปี่ยมด้วยสารฟลาโวนอยด์ซึ่งมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าวิตามินซีและวิตามินอี ถึง 20 เท่า ประโยชน์ของสารสกัดจากเมล็ดองุ่นจะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้ SI พาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ

ประโยชน์ของสารสกัดจากเมล็ดองุ่น

1.เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ เพราะช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง และช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
2. ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยชะลอไม่ให้ผิวหนังแก่ก่อนวัยและแห้งกร้านของเซลล์ผิว ด้วยการเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
3. ช่วยปกป้องดวงตาหรือโรคที่เกี่ยวกับการมองเห็นอื่น ๆ ด้วยการป้องกันและรักษาโรคต้อหิน ศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม
4. มีประโยชน์ต่อหัวใจ โดยการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
5. ช่วยลดกระบวนการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติอันเป็นสาเหตุของฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ
6. ช่วยลดปัญหาสำหรับผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอกัน
7. ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบ
8. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตด้วยการยับยั้งการถูกทำลายของคอลลาเจน
9. ช่วยรักษาความผิดปกติของหลอดเลือดและเส้นเลือดขอด เส้นเลือดฝอยแตก หรือเส้นเลือดฝอยเปราะได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
10. ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ ซึ่งสารสกัดจากเมล็ดองุ่นจะเข้าไปทำลายเซลล์สมองจากอนุมูลอิสระ
11. ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ และหอบหืด
12. ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่าง ๆ
13. ช่วยลดอาการอักเสบต่าง ๆ
14. ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน ลดแผลในช่องปาก และโรคเริมในช่องปาก
15. ช่วยลดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย แต่ทั้งนี้ควรออกกำลังกายด้วยเป็นประจำ

ที่มา : disthai.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ไฮยาลูรอนกับคอลลาเจนต่างกันอย่างไร

ไฮยาลูรอน  คำที่สาวๆ ทั้งหลายต้องคุ้นหูกันอย่างแน่นอน เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมเจ้า “ไฮยาลูรอน” ถึงได้รับความนิยมมากมายขนาดนี้ แล้วแตกต่างคอลลาเจนอย่างไร และหากใช้มากเกินไปจะมีผลข้างเคียงอย่างไร วันนี้ SI จะพาทุกคนมาหาคำตอบกันค่ะ

“ไฮยาลูโรนิค” กับ “คอลลาเจน” ต่างกันอย่างไร
“คอลลาเจน” คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ชั้นหนังแท้ เปรียบได้ว่าเป็นส่วนสปริงของผิวหนัง ในการสร้างความตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ จึงช่วยเสริมความเรียบตึงของผิวหนัง และทำให้ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม “คอลลาเจน” มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มาก จึงไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ด้วยการทา เหมือนครีม สกินแคร์ต่างๆ ซึ่งแตกต่างจาก “กรดไฮยาลูโรนิค” ที่มีรูปแบบโมเลกุลที่หลากหลาย สามารถซึบซาบเข้าถึงชั้นผิวได้แตกต่างกันตามรูปแบบโมเลกุล จนสามารถสร้างผิวที่มีความชุ่มชืน นุ่ม ดูอิ่มน้ำ และลดริ้วรอยแห่งวัยได้อย่างล้ำลึก

อันตรายหรือไม่ที่ใช้ “ไฮยาลูโรนิค” มากเกินไป?
“กรดไฮยาลูโรนิค” นั้นจริงๆ แล้วค่อนข้างปลอดภัยต่อผิวพรรณของสาวๆ แต่อย่างไรก็ตาม อะไรที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปอาจไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นการใช้ “ไฮยาลูโรนิค” ก็ควรอยู่ภายใต้การใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ที่สำคัญสาวๆ ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองด้วย เพื่อช่วยลดอัตราความเสี่ยงของอาการแพ้ในผู้ที่มีผิวบอบบาง เพราะสำหรับบางคนก็อาจเกิดอาการแพ้ หรือผลข้างเคียงได้ เช่น รอยแดง คันระคายเคือง มีผื่นขึ้น อันนี้ควรหยุดใช้และรีบปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ

ที่มา : thairath.co.th

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ได้รับรางวัล Quality Award 2020 ด้านผู้ผลิตยาสมุนไพร

เป็นอีกความภูมิใจของบริษัท Specialty Innovation Co,. Ltd.
ขอบคุณผู้บริหารและทีมงานทุกๆคนที่ทำให้เราได้รับรางวัล Quality Award
ด้านผู้ผลิตยาสมุนไพรคุณภาพ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าและผลิตสินค้าที่มีคุณภาพต่อไป

#Qualityaward2020 #SpecialtyGroup

ร่วมบริจาคสิ่งของให้โรงพยาบาลสงฆ์

 

ขอกราบขอบพระคุณ ผู้บริจาคใจดี และบริษัทในกลุ่ม Specialty Group ได้แก่ Specialty Innovation และ Specialty Natural Product ที่ได้ร่วมบริจาคสิ่งของได้แก่

1. หน้ากากอนามัย
2. แอลกอฮอล์ทั้งแบบเจล และแบบน้ำ
3. น้ำผลไม้ 100% หวานน้อย ทาง รพ.แจ้งว่ายี่ห้อมาลีก็ได้ เอาแบบไม่มีกาก ,เกล็ด เพราะจะถวายเป็นน้ำปานะในช่วงบ่าย
4. นมรสจืด หรือพร่องมันเนย เช่น ไทยเดนมาร์ค
5. นมไวตามิลสูตรน้ำตาลน้อย หรือไม่มีน้ำตาล

เนื่องจากทางโรงพยาบาลสงฆ์เป็นโรงพยาบาลเล็กที่ได้รับงบประมาณจากรัฐน้อย ปกติโรงพยาบาลจะมีชาวพุทธผู้มีจิตศรัทธามาทำบุญบริจาคช่วยเหลือทุกวันแต่ช่วงนี้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย จึงมีการบริจาคน้อยลง

❤️ ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะคะ ❤️

#SpecialtyGroup #CSR #SpecialtyDonation #Sustainability

5 วิตามินบำรุงสายตา ตาใสปิ๊งจนต้องร้องขอ

สาวหนุ่มวัยทำงานที่ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา อาจเกิดปัญหาหลายๆ อย่างกับดวงตา เช่น ตาแห้ง ตาพร่า ตาแพ้แสง กล้ามเนื้อตาล้า ซึ่งหากไม่อยากให้ลุกลามกลายเป็นปัญหาสุขภาพ ก็ควรต้องใช้วิธีป้องกันเอาไว้ นอกจากการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์แล้ว วิตามิน บำรุงสายตา พวกนี้ก็อาจช่วยได้เช่นกัน วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 5 วิตามินที่จะช่วยบำรุงสายตาเรามาฝากกันค่ะ

โอเมก้า 3
จะช่วยลดการอักเสบในเปลือกตา หรือบนผิวดวงตา และยังช่วยให้น้ำตาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โอเมก้า3 จะช่วยเรื่องการทำงานของต่อมน้ำตา (meibomian) ซึ่งจะผลิตน้ำมันในตาป้องกันอาการตาแห้ง เราจะได้รับโอเมก้า 3 จากการกินอาหารโดยเฉพาะปลา ปลาจะอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ไม่ว่าจะเป็นปลาทูน่า ปลาเซลมอล หรือปลาซาดีน นอกจากนี้ยังสามารถกินวิตามินโอเมก้า 3 ได้

ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin)
สารต้านอนุมูลอิสระทั้ง 2 ชนิดนี้จะช่วยกำจัดต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคในดวงตา นอกจากนี้ลูทีนและซีแซนทีนยังช่วยให้ดวงตามีสุขภาพดีและทำงานได้อย่างดีเยี่ยมด้วย ในอาหารเช่น ไข่ ข้าวโพด หรือผักใบเขียวอย่าง ผักขม บล็อกโคลี จะมีลูทีนและซีแซนทีน หรือสามารถกินวิตามินลูทีนและซีแซนทีนในรูปอาหารเสริม ข้อควรระวังคือไม่ควรกินลูทีนเกิน 10 มิลลิกรัมต่อวัน และไม่ควรกินซีแซนทีนเกิน 2 มิลลิกรัมต่อวัน

วิตามิน เอ
ประโยชน์ของวิตามิน เอ ต่อดวงตาคือ ช่วยปรับปรุงการมองเห็น มีผลการวิจัยที่แนะนำว่าการกินวิตามินเอ จะช่วยชะลอการเกิดโรคที่ทำร้ายจอประสาทตา (retina) ได้ นอกจากนี้วิตามินเอยังช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ โรคต้อหิน ต้อกระจก และปัญหาเกี่ยวกับดวงตาอื่นๆ อีกด้วย ข้อควรระวังในการกินวิตามินเอคือ ไม่ควรกินเกิน 1,000 หน่วยต่อวัน ถ้ากินวิตามินเอมากเกินไปจะทำให้เสี่ยงเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม หรือโรคเกี่ยวกับกระดูกสะโพกได้

ซิงก์ (สังกะสี)
ซิงก์ หรือสังกะสี เป็นแร่ธาตุที่สำคัญ เพราะซิงก์ทำงานร่วมกับวิตามินเอ การทำงานของซิงก์คือ ซิงก์จะพาวิตามินเอจากตับไปที่จอประสาทตา เพื่อสร้างเซลล์เมลานิน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะปกป้องดวงตาของเรา ถ้าร่างกายขาดซิงก์ ก็จะทำให้ดวงตาเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างซิงก์ได้เอง เราจึงได้รับแร่ธาตุซิงก์จากการกินอาหาร เช่น หอยนางรม เนื้อวัว เนื้อหมู โยเกิร์ต นม ไข่ หรือกินซิงก์จากอาหารเสริม ข้อควรระวังในการกินซิงก์ก็คือ ต้องไม่กินเกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน หากกินมากเกินไปจะทำให้เกิดปัญหาผิวได้ และบางคนก็อาจเกิดผลข้างเคียงเช่น อาเจียนหรือท้องเสีย ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อมากินเอง

วิตามินซี
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีกรดแอสคอร์บิกที่สำคัญต่อเส้นเลือดในดวงตาของเรา วิตามินซีช่วยป้องกันโรคต้อกระจก เราสามารถได้รับวิตามินซีผ่านผลไม้ตระกูลมะนาว เช่น ส้ม องุ่น มะเขือเทศ กล้วย หรือแอปเปิ้ล ข้อแนะนำคือผู้หญิงควรกินวิตามินซีอย่างน้อยวันละ 75 มิลลิกรัม หรือประมาณน้ำส้มคั้น 1 แก้ว ส่วนผู้ชายควรได้รับวิตามินซีมากกว่าผู้หญิงประมาณ 90 มิลลิกรัมต่อวัน

ที่มา : sanook.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


ไขมันพอกตับ ภ้ยเงียบทำร้ายสุขภาพ

ยุคนี้ใครๆ ก็เป็นโรคได้ง่ายๆ ยิ่งเกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน นอกจากโรคเบาหวานแล้ว ยังมีอีกหนึ่งโรคที่น่ากลัวไม่แพ้กัน คือ ไขมันพอกตับ แล้วโรคนี้คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร วันนี้ SI พาทุกคนไปทำความรู้จักกันค่ะ

ไขมันพอกตับ คืออะไร?
ไขมันพอกตับเป็นภัยเงียบ เนื่องจากผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่าตับมีความผิดปกติ เพราะส่วนใหญ่ไม่มีอาการใดๆ มักตรวจพบและได้รับการวินิจฉัยเมื่อมาตรวจสุขภาพประจำปี อาจมีอาการอ่อนเพลียควบคู่ไปด้วย มีอาการจุกแน่นบริเวณชายโครงขวา

กลุ่มเสี่ยงไขมันพอกตับ
ภาวะไขมันพอกตับโดยส่วนใหญ่มักพบในกลุ่มคนเหล่านี้
-ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
– กลุ่มอาการอ้วนลงพุง ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวมาก
– ชอบรับประทานอาหารหวาน ไม่ออกกำลังกาย

อันตรายจากไขมันพอกตับ
โดยส่วนใหญ่ไขมันพอกตับระยะแรกมักไม่มีอาการ แต่หากปล่อยทิ้งไว้จนเกิดการอักเสบเรื้อรัง อาจทำให้กลายเป็นตับแข็ง และอาจนำไปสู่การเกิดเป็นมะเร็งตับในที่สุด นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันพอกตับพบความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้มากกว่าผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งภาวะนี้เกิดจากร่างกายไม่สามารถนำไขมันที่เรารับประทานไปใช้ได้หมด ส่วนใหญ่ผู้ป่วยไม่มีอาการ จึงอาจทำให้ผู้ป่วยไม่ทราบว่าตัวเองกำลังอยู่ในภาวะไขมันพอกตับ

วิธีการป้องกันไขมันพอกตับ
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว หรือ อาหารที่มีไขมันทรานส์สูง เช่น เนื้อติดมัน เบคอน แฮม น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว เบเกอรี่ ครีมเทียม

– หลีกเลี่ยงน้ำตาลฟรุกโตส เช่น เครื่องดื่มที่มีรสหวาน คุกกี้ ลูกอม น้ำผลไม้ (ควรรับประทานผลไม้ทั้งผลมากกว่า)

– ควรรับประทานไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วต่างๆ ปลาทู ปลาแซลมอน ปลาทูน่า

-หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย 4-5 วันต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30-45 นาที

– หากใครอยู่ในเกณฑ์อ้วน คือ มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ให้ลดน้ำหนักตัว สามารถปรึกษาแพทย์ได้เช่นกันว่าควรจะมีน้ำหนักประมาณเท่าไร

-ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่

-นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 5-6 ชั่วโมงต่อวัน

-ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ก็จะช่วยให้สุขภาพตับของเราแข็งแรง พร้อมทำงานในทุกวัน

ที่มา : sanook.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว ตัวช่วยดีๆ เรื่องสุขภาพ

น้ำมันมะพร้าวที่ถูกบอกต่อกันมาว่าเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพมาก­กว่าน้ำมันชนิดอื่น ๆ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยกันอยู่ว่า กินแล้วดีจริงหรือ เพราะถึงจะมีสรรพคุณต่อสุขภาพอันน่าทึ่งหลายประการ แต่ก็ยังเป็นน้ำมันชนิดหนึ่งอยู่ดี หากกินมาก ๆ อาจเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ มาดูกันว่าในน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นนั้นแฝงไว้ด้วยประโยชน์สุขภา­พในเรื่องใดบ้าง ตาม SI ไปดูกันเลยค่ะ

1. ให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่น

น้ำมันมะพร้าวให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่น นั่นคือ 8.6 กิโลแคลอรีต่อกรัม ในขณะที่น้ำมันชนิดอื่นให้พลังงานถึง 9 กิโลแคลอรีต่อกรัม มีกรดไขมันอิ่มตัวที่ไม่ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระและไขมันทรานส์ เป็นกรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลปานกลาง ซึ่งถูกดูดซึมและเผาผลาญเป็นพลังงานได้ดี กว่าน้ำมันชนิดอื่น ๆ ที่เป็นกรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลยาว (long chain fatty acid)

2. กระตุ้นการขับถ่าย

น้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวสายปานกลาง ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มปริมาณของแบคทีเรียดีในลำไส้ จึงเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้ใหญ่ ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย สำหรับคนที่กินน้ำมันมะพร้าวในระยะแรกอาจมีอาการท้องเสีย ถือว่าเป็นอาการปกติ แต่ถ้าหากกินไปสักระยะแล้วยังมีอาการท้องเสียอยู่ ควรหยุดกิน เพราะน้ำมันมะพร้าวอาจไม่เหมาะกับธาตุในร่างกาย

3. บำรุงกำลัง

น้ำมันมะพร้าวนั้นกินแล้วย่อยง่าย ร่างกายดูดซึมไปใช้ในกระบวนการเผาผลาญได้ทันที อีกทั้งกินแล้วอิ่มนาน จึงทำให้ร่างกายมีกำลังเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงใด ๆ ด้วยเหตุนี้ น้ำมันมะพร้าวจึงถูกนำไปบำรุงกำลังแก่นักกีฬาทั้งแบบชงดื่ม และแบบแท่ง รวมถึงเป็นอาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุด้วย

4. ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคกลุ่มเสื่อม

หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม น้ำมันมะพร้าวจะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) จึงช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคกลุ่มเสื่อมต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคตับ และโรคไต

5. บำรุงกระดูก

สารอาหารในน้ำมันมะพร้าวนั้นอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อความ­แข็งแรงของกระดูก ได้แก่ แคลเซียม และแมกนีเซียม จึงช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก ไม่ให้เปราะ แตกหักง่าย

6. บำรุงครรภ์

น้ำมันมะพร้าวถือว่าเป็นอาหารที่ดีต่อคุณแม่และทารกน้อยในครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากคุณแม่รับประทานน้ำมันมะพร้าวในช่วงตั้­งครรภ์ ก็จะช่วยให้ทารกมีภูมิคุ้มกันที่ดี และเป็นการเพิ่มคุณค่าของน้ำนมแม่อีกด้วย เพราะในน้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดลอริก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่พบได้ในน้ำนมแม่ ทั้งนี้ คุณแม่สามารถรับประทานได้ไม่เกินวันละ 1 ช้อนโต๊ะ

7. ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น

ในน้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดลอริก กรดคาปริก และกรดคาปริลิก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลาย การรับประทานน้ำมันมะพร้าวติดต่อกันทุกวันในปริมาณเพียงเล็กน้อ­ยจะช่วยให้คุณนอนหลับได้สนิทขึ้น และยังช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ลดความเครียด และอาการอ่อนเพลีย

8. ลดการอักเสบและติดเชื้อ

น้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อได้ เพราะกรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวจะถูกเปลี่ยนเป็น สารมอโนลอริน (monolaurin) มีคุณสมบัติสร้างภูมิคุ้มกัน และมีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย ถือเป็นเป็นทั้งยาปฏิชีวนะธรรมชาติที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยจ­ากการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่เริม คางทูม เจ็บคอ

9. บำรุงสุขภาพในช่องปาก

น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก อันเป็นสาเหตุให้เกิดคราบพลัคที่จะนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ภายในช่องปาก เช่น เหงือกอักเสบ เหงือกช้ำ บวม แดง หรือเลือดออกตามไรฟัน รวมถึงอาการติดเชื้อบริเวณลำคอด้วย วิธีใช้คือนำน้ำมันมะพร้าวมาอมบ้วนปากครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ วันละ 1 ครั้ง

10. ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

น้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวสูงถึงร้อยละ 92 ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และยังมีวิตามินไบโอที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ และมะเร็งผิวหนัง

ที่มา : health.kapook.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


สุขภาพดีง่ายๆ ด้วยผักผลไม้ 5 สี

ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผักและผลไม้มีวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และสารอาหารอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย ทราบกันมั้ยคะว่าผักผลไม้สามารถแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม 5 สี แต่ละสีก็มีสารอาหารและคุณประโยชน์ที่แตกต่างกันไป การทานผักผลไม้ให้หลากหลายจะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ มากมาย วันนี้ SI จะพาทุกคนไปรู้จักกับผักผลไม้ทั้ง 5 สีว่ามีอะไรบ้างและแต่ละสีมีประโยชน์อย่างไร ตามไปดูกันนะคะ

ผักผลไม้สีเขียว
ผักผลไม้ที่มีสีเขียวมีสารสำคัญ คือ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll), ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ฯลฯ ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา มีไฟเบอร์สูง ช่วยเรื่องการขับถ่าย ยับยั้งการเกิดริ้วรอย ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ผักผลไม้สีเขียว: กะหล่ำปลีสีเขียว, บรอกโคลี, คะน้า, หน่อไม้ฝรั่ง, อะโวคาโด, แตงกวา, ผักโขม, ถั่วลันเตา, แอปเปิ้ลสีเขียว, องุ่นเขียว เป็นต้น

ผักผลไม้สีแดง
ผักผลไม้ที่มีสีแดงมีสารสำคัญ คือ ไลโคปีน (Lycopene) เบตาไซซีน (Betacycin) และสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ไลโคปีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดีช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง ทำให้ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งปากมดลูก ช่วยลดปริมาณไขมันไม่ดีชนิด LDL-cholesterol ช่วยชะลอการเกิดโรคหัวใจหลอดเลือด ลดความดันโลหิตและลดการแข็งตัวของหลอดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของริ้วรอยจากสิวอีกด้วย

ผักผลไม้สีแดง: มะเขือเทศ, กระหล่ำปลีแดง, พริกแดง, หอมแดง, บีทรูท, แอปเปิ้ลสีแดง, สตรอว์เบอร์รี่, เชอรี่, แครนเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่, มะละกอ, ส้มโอสีชมพู, ทับทิม, องุ่นแดง, แตงโม และดอกกระเจี๊ยบ เป็นต้น

ผักผลไม้สีม่วงและสีน้ำเงิน
ผักผลไม้ที่มีสีม่วงและสีน้ำเงินมีสารสำคัญ คือ แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีการวิจัยพบว่า แอนโทไซยานินมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและอีถึง 2 เท่า ช่วยปกป้องหลอดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจหลอดเลือดได้ ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งลำไส้และตับ มะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งของระบบสืบพันธุ์ ยับยั้งเชื้ออีโคไลในทางเดินอาหารที่ทำให้เกิดท้องเสีย ต้านไวรัส และลดการอักเสบ

ผักผลไม้สีม่วงและสีน้ำเงิน: มะเขือม่วง, กะหล่ำปลีสีม่วง, มันสีม่วง, เผือก, บลูเบอร์รี่, แบล็กเบอร์รี่, องุ่นสีม่วง, ลูกพรุน, ลูกไหน, ลูกหว้า, ข้าวแดง, ข้าวนิล, ช้าวเหนียวดำ เป็นต้น

ผักผลไม้สีเหลืองและสีส้ม
ผักผลไม้ที่มีสีเหลืองและสีส้มมีสารสำคัญ คือ แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ เบต้า-แคโรทีน (Beta-carotene) ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และวิตามินซี (Vitamin C) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการอักเสบ ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ช่วยรักษาสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา มีส่วนช่วยพัฒนาการมองเห็นของเด็กเล็ก ลดการเสื่อมของเซลล์ร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย และช่วยให้ผิวพรรณสดใส

ผักผลไม้สีเหลืองและสีส้ม: แครอท, ฟักทอง, มันเทศ, ข้าวโพด, มันฝรั่งหวาน, พริกสีเหลือง, ส้ม, เสาวรส, มะม่วง, แคนตาลูป, มะละกอ, สับปะรด เป็นต้น

ผักผลไม้สีขาว
ผักผลไม้ที่มีสีขาวมีสารสำคัญ คือ แซนโทน (Xanthone) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ช่วยต้านอาการอักเสบ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตและโรคหลอดเลือดหัวใจ ลดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง และช่วยลดอาการปวดตามข้อ

ผักผลไม้สีขาว: กล้วย, ลูกแพร์, น้อยหน่า, ลิ้นจี่, มังคุด, งาขาว, ขิง, กระเทียม, ผักกาดขาว, หัวไชเท้า, ดอกกะหล่ำ, ดอกแค, เห็ด, มันฝรั่ง เป็นต้น

ที่มา : krungsri.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

เจาะลึก! โพรไบโอติกส์กับประโยชน์จัดเต็ม

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นแบคทีเรียกับยีสต์ที่มีชีวิตที่พบได้ตามธรรมชาติในลำไส้หรือจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ มักเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “แบคทีเรียดี” เพราะมีส่วนช่วยให้ลำไส้แข็งแรง โพรไบโอติกส์ที่ใช้กันมากในประเทศสหรัฐอเมริกา คือ แล็คโตบาซิลลัส (Lactobacillus) และบิฟิโดแบคทีเรีย (Bifidobacteria) ซึ่งสามารถบริโภคได้ในรูปของอาหารเสริม อาหาร ครีม ยาเหน็บ และรูปแบบอื่นๆ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจุลินทรีย์เหล่านี้ทำงานในลำไส้อย่างไรบ้างตาม SI ไปดูกันค่ะ

– ลดจำนวนแบคทีเรีย “ไม่ดี”
– เสริมสร้างแบคทีเรีย “ดี”
– ฟื้นฟูสมดุลแบคทีเรียที่มีประโยชน์
– กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
– รักษาปัญหาของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง อาการท้องผูก อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง (UC) และโรคโครนห์ (Crohn’s disease)

– ป้องกันฟันผุหรือรักษาสุขภาพช่องปากอื่นๆ
– ปรับการทำงานของสมอง
– ป้องกันโรคภูมิแพ้
– ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย
– ลดความดันโลหิต
– ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะหรือโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ (UTI)
– ป้องกันการติดเชื้อยีสต์
– บรรเทาอาการของโรคสะเก็ดเงินหรือโรคผิวหนังอักเสบ
– ช่วยในกลุ่มอาการเพลียเรื้อรัง

ที่มา : honestdocs.co

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน