5 วิตามินบำรุงสายตา ตาใสปิ๊งจนต้องร้องขอ

สาวหนุ่มวัยทำงานที่ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา อาจเกิดปัญหาหลายๆ อย่างกับดวงตา เช่น ตาแห้ง ตาพร่า ตาแพ้แสง กล้ามเนื้อตาล้า ซึ่งหากไม่อยากให้ลุกลามกลายเป็นปัญหาสุขภาพ ก็ควรต้องใช้วิธีป้องกันเอาไว้ นอกจากการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์แล้ว วิตามิน บำรุงสายตา พวกนี้ก็อาจช่วยได้เช่นกัน วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 5 วิตามินที่จะช่วยบำรุงสายตาเรามาฝากกันค่ะ

โอเมก้า 3
จะช่วยลดการอักเสบในเปลือกตา หรือบนผิวดวงตา และยังช่วยให้น้ำตาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โอเมก้า3 จะช่วยเรื่องการทำงานของต่อมน้ำตา (meibomian) ซึ่งจะผลิตน้ำมันในตาป้องกันอาการตาแห้ง เราจะได้รับโอเมก้า 3 จากการกินอาหารโดยเฉพาะปลา ปลาจะอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ไม่ว่าจะเป็นปลาทูน่า ปลาเซลมอล หรือปลาซาดีน นอกจากนี้ยังสามารถกินวิตามินโอเมก้า 3 ได้

ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin)
สารต้านอนุมูลอิสระทั้ง 2 ชนิดนี้จะช่วยกำจัดต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคในดวงตา นอกจากนี้ลูทีนและซีแซนทีนยังช่วยให้ดวงตามีสุขภาพดีและทำงานได้อย่างดีเยี่ยมด้วย ในอาหารเช่น ไข่ ข้าวโพด หรือผักใบเขียวอย่าง ผักขม บล็อกโคลี จะมีลูทีนและซีแซนทีน หรือสามารถกินวิตามินลูทีนและซีแซนทีนในรูปอาหารเสริม ข้อควรระวังคือไม่ควรกินลูทีนเกิน 10 มิลลิกรัมต่อวัน และไม่ควรกินซีแซนทีนเกิน 2 มิลลิกรัมต่อวัน

วิตามิน เอ
ประโยชน์ของวิตามิน เอ ต่อดวงตาคือ ช่วยปรับปรุงการมองเห็น มีผลการวิจัยที่แนะนำว่าการกินวิตามินเอ จะช่วยชะลอการเกิดโรคที่ทำร้ายจอประสาทตา (retina) ได้ นอกจากนี้วิตามินเอยังช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ โรคต้อหิน ต้อกระจก และปัญหาเกี่ยวกับดวงตาอื่นๆ อีกด้วย ข้อควรระวังในการกินวิตามินเอคือ ไม่ควรกินเกิน 1,000 หน่วยต่อวัน ถ้ากินวิตามินเอมากเกินไปจะทำให้เสี่ยงเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม หรือโรคเกี่ยวกับกระดูกสะโพกได้

ซิงก์ (สังกะสี)
ซิงก์ หรือสังกะสี เป็นแร่ธาตุที่สำคัญ เพราะซิงก์ทำงานร่วมกับวิตามินเอ การทำงานของซิงก์คือ ซิงก์จะพาวิตามินเอจากตับไปที่จอประสาทตา เพื่อสร้างเซลล์เมลานิน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะปกป้องดวงตาของเรา ถ้าร่างกายขาดซิงก์ ก็จะทำให้ดวงตาเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างซิงก์ได้เอง เราจึงได้รับแร่ธาตุซิงก์จากการกินอาหาร เช่น หอยนางรม เนื้อวัว เนื้อหมู โยเกิร์ต นม ไข่ หรือกินซิงก์จากอาหารเสริม ข้อควรระวังในการกินซิงก์ก็คือ ต้องไม่กินเกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน หากกินมากเกินไปจะทำให้เกิดปัญหาผิวได้ และบางคนก็อาจเกิดผลข้างเคียงเช่น อาเจียนหรือท้องเสีย ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อมากินเอง

วิตามินซี
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีกรดแอสคอร์บิกที่สำคัญต่อเส้นเลือดในดวงตาของเรา วิตามินซีช่วยป้องกันโรคต้อกระจก เราสามารถได้รับวิตามินซีผ่านผลไม้ตระกูลมะนาว เช่น ส้ม องุ่น มะเขือเทศ กล้วย หรือแอปเปิ้ล ข้อแนะนำคือผู้หญิงควรกินวิตามินซีอย่างน้อยวันละ 75 มิลลิกรัม หรือประมาณน้ำส้มคั้น 1 แก้ว ส่วนผู้ชายควรได้รับวิตามินซีมากกว่าผู้หญิงประมาณ 90 มิลลิกรัมต่อวัน

ที่มา : sanook.com

หากท่านใดต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


วิตามินดีตัวช่วยเรื่องเบาหวาน

วิตามินดี หรือที่รู้จักกันแพร่หลายว่า “วิตามินจากแสงอาทิตย์” มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพกระดูก คอเลสเตอรอล และความดันโลหิตของคุณ นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบผลกระทบสำคัญที่ วิตามิน ดี ส่งผลต่ออินซูลินและกลูโคส และสามารถเชื่อมโยงถึงโรคต่อมไร้ท่อหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ความเชื่อมโยงกันระหว่าง วิตามิน ดี กับ เบาหวาน เป็นอย่างไร วันนี้ SI มีบทความดีๆ มาฝากกันไปดูกันได้เลยค่ะ

วิตามิน ดี คืออะไร

วิตามิน ดี เป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน โดยที่คุณสามารถดูดซึมได้จากอาหารหรือผลิตขึ้นจากร่างกายของคุณ หากคุณได้รับแสงแดด เมื่อผิวหนังของคุณสัมผัสกับแสงอัลตร้าไวโอเลต บี ร่างกายจะเปลี่ยนคอเลสเตอรอลไปเป็นวิตามิน ดี นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ตัวรับโปรตีนวิตามิน ดี ถูกอัดแน่นอยู่ในเซลล์และเนื้อเยื่อทั้งหมด

การดูดซับวิตามิน ดีมากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพ แต่การขาดวิตามิน ดี สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย เหมือนที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ถึงความเชื่อมโยงระหว่างวิตามิน ดี และโรคเบาหวานประเภทที่ 2 สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมจำนวนตัวเลขของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ในประเทศแถบยุโรปมีมากกว่าประเภทอื่น เนื่องจากภาวะขาดวิตามิน ดี ที่เป็นผลมาจากหลายๆปัจจัย และหนึ่งในนั้นคือการไม่ได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ

จะหาวิตามิน ดี ได้อย่างไร

คุณสามารถกระตุ้นร่างกายคุณให้ผลิตวิตามิน ดี มากกว่านี้ได้ โดยการปล่อยให้ร่างกายสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลา 15-20 นาทีต่อวัน

อย่างไรก็ตาม การสัมผัสกับแสงแดดไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากต่อการผลิต วิตามิน ดีของร่างกายสำหรับบางคน ดังนั้น บางคนอาจเลือกบริโภคอาหารเสริมวิตามิน ดี แทน

การบริโภคอาหาร ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เป็นประโยชน์ แม้ประสิทธิภาพจะน้อยกว่า 2 วิธีแรกก็ตาม คุณสามารถเพิ่มอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน ดี เช่น ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม ไขมันปลา เต้าหู้

ผลกระทบต่อเบาหวาน

อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยประสิทธิภาพของวิตามิน ดี ร่างกายสามารถพัฒนาการตอบสนองต่ออินซูลิน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการต้านอินซูลิน ซึ่งมีโอกาสเกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2

วิตามิน ดี ยังเชื่อกันว่าช่วยสนับสนุนการควบคุมการผลิตอินซูลินในตับอ่อน

ระดับที่เหมาะสมของวิตามิน ดี ควรอยู่ระหว่าง 20-56 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร หากมีระดับต่ำกว่า 20 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ตุณอาจประสบกับภาวะขาด วิตามิน ดี

แต่อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบว่า เมื่อจำนวนวิตามิน ดี ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงถึง 60-80 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร จะสามารถควบคุมระดับกลูโคสในเลือดได้ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

ประโยชน์อื่นๆ
น้ำหนักลดลง หลายๆ งานวิจัยเปิดเผยว่า คุณประโยชน์ที่ดีของวิตามิน ดี ช่วยลดระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ได้ สามารถส่งเสริมการลดน้ำหนักได้ในระยะยาว และลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญสำหรับ โรคเบาหวานประเภทที่ 2
วิตามิน ดี จะเสริมสร้างความแข็งแรงและสุขภาพกระดูก ด้วยการดูดซึม ฟอสฟอรัส แคลเซียม และแร่ธาตุ ทำให้มีสุขภาพกระดูกที่ดี

ที่มา : hellokhunmor.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 เรื่องของวิตามินที่คุณอาจไม่รู้

ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าวิตามินเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายมีแต่คุณประโยชน์ แต่รู้ไหมว่าวิตามินต่าง ๆ มีความลับซ่อนอยู่ที่หากคุณได้รู้จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมและดีต่อร่างกายยิ่งขึ้นได้ วันนี้ SI พาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ

1. วิตามินบางชนิดควรได้รับทุกวัน
วิตามินบางชนิดจำเป็นต้องได้รับทุกวัน ได้แก่ วิตามินซีและบี ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ วิตามินกลุ่มนี้ไม่ถูกสะสมหรือกักเก็บในร่างกายได้นาน จะถูกกำจัดออกทางปัสสาวะและเหงื่อ เราจึงต้องได้รับวิตามินกลุ่มนี้ทุกวัน และแม้ร่างกายจะได้รับวิตามินกลุ่มนี้มากเกินไป ส่วนเกินของวิตามินจะถูกขับออกโดยไม่ทำให้เกิดพิษหรือปัญหาต่อร่างกาย

2. เอ ซี อี ซิลีเนียม เด่นชะลอวัย
วิตามินเอ ซี อี และแร่ซิลีเนียมเป็นกลุ่มวิตามินที่ให้ผลลัพธ์ในเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระโดดเด่นกว่าวิตามินตัวไหน ๆ ซึ่งพบมากในผลไม้ อาทิ ลูกพรุน องุ่น ผลไม้ชนิดเบอร์รี ฝรั่ง และส้ม ส่วนผักก็ได้แก่ ผักบุ้ง บลอกโคลี ผักขม ซึ่งการทานให้ได้ผลดีสุดควรทานในรูปแบบผักผลไม้สด แต่หากเป็นคนที่ทานผักผลไม้น้อย แหล่งอาหารเสริมก็เป็นทางเลือกที่สองได้

3. เบตาแคโรทีน ทานดีทั้งรูปแบบอาหารและอาหารเสริม
หากต้องการทานเบตาแคโรทีนเพื่อบำรุงสุขภาพ ป้องกันความเสื่อมถอยของร่างกาย แนะนำให้รับประทานในรูปอาหารซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในผักผลไม้ที่มีสีส้มหรือสีเหลือง แต่หากต้องการทานเพื่อการรักษาภาวะความเสื่อมที่เป็นอยู่ ก็สามารถเลือกทานในรูปแบบอาหารเสริมได้ แต่ควรให้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ดีที่สุด

4. ไข่ขาวดิบ ทำลายวิตามินบี 7
ไข่ขาวดิบ มีสารที่ส่งผลต่อไบโอตินในวิตามินบี 7 ที่อยู่ในลำไส้และขัดขวางการดูดซึมของร่างกาย หากรับประทานไข่ขาวดิบปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน ๆ เช่น 2 ฟองหรือมากกว่า 2 ฟองต่อวันเป็นเวลาหลายเดือน จะทำให้ร่างกายขาดไบโอตินได้ เพราะในไข่ขาวมีสารที่ทำลายไบโอติน

5. วิตามินซีไม่ได้มีดีแค่ป้องกันหวัด
วิตามินซีเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายในชีวิตประจำมาก ๆ เพราะช่วยต้านความเครียด เพิ่มความสดชื่นและความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย ที่สำคัญคือ ช่วยต้านริ้วรอยโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีบทบาทช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้ด้วย

6. วิตามินดี ดีจริง ๆ
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าวิตามินดีมีดีกว่าการเสริมสร้างแคลเซียมในกระดูกและฟัน หรือกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อในร่างกาย เพราะมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยต้านมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม รวมถึงยังช่วยลดอาการซึมเศร้า และลดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังด้วย

7. วิตามินอี ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผิวพรรณ
วิตามินอีขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงผิวสำหรับสาว ๆ แต่สำหรับหนุ่ม ๆ ก็ไม่น้อยหน้า เพราะช่วยแก้ปัญหาความบกพร่องของระบบสืบพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ และเพิ่มโอกาสในการมีบุตรในผู้ที่มีบุตรยาก รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจด้วย

8. วิตามินบี 5 ปราบสิว
สาเหตุหนึ่งของคนที่เป็นสิวอาจเพราะขาด Coenzyme-A ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้วิตามินบี 5 ในการสร้าง ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ไม่ดี ไขมันจึงออกมาทางส่วนต่าง ๆ ของผิวหนังเป็นเหตุให้เกิดการอุดตันที่ผิวหนังและเป็นสิวในที่สุด แต่หากร่างกายมีวิตามินบี 5 เพียงพอก็จะทำให้ระบบการเผาผลาญไขมันทำงานปกติ ผิวหนังไม่ผลิตน้ำมันออกมามากเกินจนเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว

9. กินวิตามินพร้อมอาหารและหลังอาหาร
ช่วงเวลาสำหรับการรับประทานวิตามินคือ ทานพร้อมอาหารและหลังอาหารเพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด แต่ก็มีวิธีทานวิตามินให้ได้ผลดี คือ วิตามินบีรวมและวิตามินซี ควรรับประทานพร้อมอาหารเช้า กลางวัน เย็น เพื่อให้วิตามินอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งวัน ส่วนวิตามินเอ ดี อี เคที่ละลายได้ดีในไขมัน ควรทานพร้อมมื้ออาหารที่มีไขมัน และถ้าต้องทานวิตามินในมื้อเดียวให้เลือกมื้อที่ใหญ่ที่สุดของวัน หรือทานครึ่งหนึ่งหลังอาหารเช้า ครึ่งหนึ่งหลังอาหารเย็นก็ได้เช่นกัน

10. วิตามินมีกลิ่นไม่ได้เสีย
หลายคนเมื่อได้กลิ่นแรงของวิตามินมักคิดว่าเสีย แต่ความจริงแล้วคือการเสื่อม ซึ่งเกิดจากการเก็บไว้ผิดที่คือ โดนแสงแดดและอุณหภูมิสูงเกินไป หากรับประทานก็ไม่ได้เป็นอันตราย เพียงแต่ประสิทธิภาพอาจจะลดลง นอกจากนี้วิตามินที่มีรอยร้าวที่เม็ดก็ยังมีคุณภาพและทานได้ตามปกติ เพราะเกิดจากการเคลือบเม็ดมาไม่ดีเท่านั้น

ที่มา: bangkokhospital.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน