โควิด19 กับความเครียดภัยเงียบทำลายสุขภาพจิต

ระยะนี้พวกเราติดตามข่าว “โควิด-19” แบบหายใจเข้าหายใจออกไม่ทั่วท้อง พวกเล่น LINE ต่างขยันส่งข่าวความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง มีทั้งข่าวจริง ข่าวปลอม ข่าวจินตนาการไปเอง เรียกว่านอนละเมอฝันร้ายกันทั้งคืน การพูดคุยก็วนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ เดิมทีไม่มีใครคิดว่าโควิด-19 จะลุกลามเป็นไฟไหม้ฟางเลวร้ายไปทั่วโลก สร้างความเครียดให้กับทุกคน จากความเครียดที่ตอนแรกเป็นแบบ “กะทันหัน” มากลายเป็นเครียดแบบ “เรื้อรัง” บั่นทอนสุขภาพกายและใจ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ความเครียดเป็นเรื่องที่มีกันทุกคน ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่เคยเจอกับความเครียด อย่างไรก็ตาม หากสามารถควบคุมให้ความเครียดอยู่ในระดับพอดี ๆ ก็จะช่วยกระตุ้นให้เรามีพลัง มีความกระตือรือร้นในการต่อสู้กับชีวิต และช่วยผลักดันให้เอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

ดังนั้น ความเครียดจึงมีทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ร้ายผสมผสานกันไป นักจิตวิทยาอ้างว่า ชีวิตเราต้องเจอกับความเครียดบ้าง เพราะความเครียดช่วยกระตุ้นให้ลงมือทำงานได้สำเร็จ แต่หากเราควบคุมระดับความเครียดไม่ได้ ก็จะเกิดความผิดปกติทางร่างกายและจิตใจ ตั้งแต่ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ วิตกกังวล คิดฟุ้งซ่าน และหงุดหงิด ไปจนถึงมีพฤติกรรมก้าวร้าว ทะเลาะวิวาทหรือเก็บตัวไม่สุงสิงกับผู้คน เข้าขั้นเรื้อรังทำให้เกิดผลเสียและย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราได้

เมื่อพูดถึงวิธีขจัดความเครียด การบริหารจัดการของแต่ละคนจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน หลัก ๆ คือการควบคุมสติ พร้อม ๆ กับหาทางออกจากสถานการณ์นั้น ๆ ให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ การหันไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็จะช่วยสร้างความผ่อนคลายได้ อย่างในกรณีของผม ทุกเช้าจะมาวิ่งออกกำลังกายก่อน อ่านและเซ็นงานในแฟ้ม แล้วจึงลงมารับประทานอาหารเช้า กินกาแฟ พูดคุยเรื่องรอบตัวที่ไม่ใช่เรื่องงาน เพื่อเตรียมความพร้อมสู้งานไปตลอดทั้งวัน

พระฝรั่งชื่อดัง 2 รูป พูดถึงเรื่องการจัดการความเครียดไว้อย่างน่าฟัง ท่านแรกคือ มาติเยอ ริการ์ (Matthieu Ricard) ชาวฝรั่งเศสที่เคยเป็นนักเขียนมาก่อนบวชเป็นพระภิกษุ และเคยเป็นล่ามขององค์ดาไลลามะ อีกทั้งยังเป็นผู้ได้รับตำแหน่ง “มนุษย์ที่มีความสุขที่สุดในโลก” จากสื่อมวลชนหลายสาขาในปี 2547

ท่านพูดไว้ว่า “ความเครียดเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ลองจิตนาการว่ากำลังมีวัวกระทิงวิ่งตามขวิดคุณ มันคือที่สุดแห่งความเครียด หรือเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังถูกบีบบังคับ จนอยากหนีจากจุดจุดนั้น แต่ไม่สามารถทำได้ มันเป็นความเครียด ทั้งด้านกายและใจที่คุณไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย”

อย่างไรก็ดี แม้ว่าความเครียดเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ แต่เราควรจะสลัดทิ้งมันไป การที่คุณรู้สึกเครียดแบบเดียวกับที่มีวัวกระทิงวิ่งตามหลังคุณอยู่ มันจะทำให้สุขภาพย่ำแย่ มันจะทำลายเซลล์ประสาท ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อคุณยึดติดกับทุกสิ่งทุกอย่างมากเกินไป

เช่น ถ้าเราไม่มีสิ่งนั้น เราจะไม่สามารถมีความสุขได้ หรือถ้าสิ่งนั้นยังเกิดขึ้นอยู่ เราจะรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น วิธีการจัดการกับความรู้สึกพวกนี้ง่ายมาก ๆ แค่บอกกับมันว่า เราโอเค ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร วิถีชีวิตที่เครียดขึ้นอยู่กับมุมมองที่เรามองปัญหาต่าง ๆ อย่าไปเครียดกับสิ่งที่เราจะสามารถเปลี่ยนหรือควบคุมมันได้

ท่านที่สอง คือ พระอาจารย์ชยสาโร ชาวอังกฤษ ผู้กล่าวว่า “ทางพุทธศาสนาจะแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ด้วยการกล่อมจิตใจหรือพยายามกลบเกลื่อนความทุกข์ด้วยวิธีต่าง ๆ คนส่วนมากมักจะมีความเครียด แต่แทนที่จะหยุดทบทวนวิถีชีวิต และถามตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราเครียดอย่างนี้เพราะอะไร เราต้องรู้จักปล่อยวาง ต้องยอมรับว่าเราดำเนินชีวิตผิดทางไปแล้ว ศาสนาสอนให้เรามีสติ ทำจิตให้ว่าง อย่าปล่อยให้มีความเครียด อย่าให้มีความทุกข์

แต่ว่าเรายังไม่ค่อยได้ทำเป็นกิจจะลักษณะ บางทีก็ทำพอเป็นพิธี บางคนอาการหนักมาก ๆ เมื่อกลับมาทำงานก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำ เพราะฉะนั้น การภาวนา การเจริญสติ การทำสมาธิ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นทางออกให้กับชีวิตที่มีความสุขและความพอดี”

การแพร่ระบาดของ “โควิด-19” นับตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้พวกเราเกิดความเครียด วิตกกังวล หมกมุ่น และออกอาการสับสนอลหม่าน แต่หากเราได้ตั้งสติ ตื่นตัว รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใคร่ครวญ ด้วยเหตุและผลรู้จักแยกแยะ และคัดกรอง มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและต่อผู้อื่น ก็จะไม่ทำให้อาการเครียดลุกลามถึงภาวะขาดสติ จนถึงกับเป็นภัยต่อชีวิตยิ่งกว่าติดเชื้อโควิด-19 จริง ๆ

ที่มา : prachachat.net

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


วิตามินซี ตัวช่วยป้องกันไวรัส

วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นวิตามินที่หลายคนรู้จักดี โดยจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมภูมิต้านทาน บำรุงผิว ชะลอการเสื่อมของเซลล์ภายในร่างกาย อีกทั้งยังอาจช่วยบรรเทาอาการจากการติดเชื้อไวรัสได้ด้วย

เมื่อเอ่ยถึงวิตามินซี อีกสรรพคุณที่โดดเด่นของวิตามินชนิดนี้ คือ การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยระบบภูมิคุ้มกันของคนเรานั้นมีหน้าที่ปกป้องร่างกายจากการเจ็บป่วยที่มีสาเหตุมาจากเชื้อโรค ทั้งเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือปัจจัยอื่น ๆ ดังนั้น การได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอต่อวันก็เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ

ท่ามกลางโรคภัยชนิดใหม่เกิดขึ้นมากมายในทุกวันนี้ หากมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงก็ย่อมดีกว่า เพราะอาจช่วยบรรเทาความรุนแรงของโรคและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ วิตามินซียังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่นอีกมากมาย โดยในบทความนี้ได้รวบรวมสรรพคุณเหล่านั้นมาให้ได้ศึกษากัน

เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

เม็ดเลือดขาวเป็นหนึ่งในสารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี้ (Antibody) ของร่างกาย โดยเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ในการต่อต้านและกำจัดเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย เมื่อเม็ดเลือดขาวทำลายเชื้อแปลกปลอมสำเร็จ เม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันก็จะจดจำวิธีการในการตอบสนองต่อเชื้อโรคชนิดนั้น จึงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น ซึ่งอาจลดความรุนแรง ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ หรือการป่วยจากเชื้อชนิดเดิมซ้ำได้ หากได้รับวิตามินซีก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น ทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือสูบบุหรี่ เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้อาจส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลงจนทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เกิดโรคหรือทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นได้

การดูดซึมวิตามินซี
สารอนุมูลอิสระเป็นสารที่เกิดขึ้นจากกลไกตามธรรมชาติของร่างกายร่วมกับการกระตุ้นจากปัจจัยภายนอก หากสารอนุมูลอิสระมีอยู่มากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลของร่างกาย (Oxidative Stress) โดยอาจส่งผลให้เกิดการเสื่อมของเซลล์และยังกระตุ้นให้เกิดการอักเสบตามร่างกาย จึงอาจไปเพิ่มความเสี่ยงของโรคและปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรงหรือโรคเรื้อรังไปจนถึงโรคร้ายแรงหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง วิตามินซีเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถต่อต้านและลดระดับของสารอนุมูลอิสระได้ เมื่อสารอนุมูลอิสระในร่างกายลดลงและกลับมาอยู่ในระดับปกติ ร่างกายก็มีความสมดุลมากขึ้น จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่มีสาเหตุมาจากการอักเสบและความเสียหายเรื้อรังของเซลล์ภายในร่างกาย

ปริมาณการกินวิตามินซีที่เหมาะสม
วิตามินซีเป็นวิตามินที่มีผลเสียต่อร่างกายน้อย สามารถทานได้ทุกวัน ปริมาณที่แนะนำต่อวันจะแตกต่างกันไป ตามเพศ ความต้องการของแต่ละช่วงวัย ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และให้นมลูก ผู้ที่สูบบุหรี่ จะมีความต้องการวิตามินซีสูงขี้น การกินวิตามินซีไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หากทานในปริมาณที่พอเหมาะ การทานวิตามินซีในปริมาณสูงๆ มากเกินไป ติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น ปัสสาวะบ่อย ไม่สบายท้อง ปวดมวน ท้องเสีย

ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวัน 
– ผู้หญิงที่สุขภาพดีอยู่แล้ว 75 มิลลิกรัม
– คุณแม่ให้นมบุตร 120 มิลลิกรัม
– ผู้ใหญ่ทั่วไปไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัม
– ผู้มีประวัติโรคตับหรือไต โรคเกาต์ โรคนิ่ว ไม่ควรใช้เกิน 1,000 มิลลิกรัม

กินวิตามินซีตอนไหนดี
ความจริงแล้วการกินวิตามินซี จะทานช่วงเวลาไหนก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้ทานพร้อม หรือหลังมื้ออาหาร เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้ดีขึ้น และป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นกับระบบย่อยอาหาร

ผลิตภัณฑ์วิตามินซีในปัจจุบัน
เนื่องจากวิตามินซีเป็นสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ต้องได้รับจากการกินอาหารเท่านั้น นอกจากการกินอาหารประเภทผักและผลไม้เป็นประจำแล้ว การกินวิตามินซีในรูปแบบของอาหารเสริม ทั้งแบบแคปซูล แบบเม็ดสำหรับกิน เคี้ยว แบบเม็ดฟู่ผสมน้ำ และเครื่องดื่มเสริมวิตามินซีก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีให้กับร่างกาย เพียงแต่ต้องเลือกให้เหมาะกับช่วงวัย กะปริมาณการทานให้เหมาะสม โดยดูถึงส่วนผสมอื่นๆ ที่มากับผลิตภัณฑ์ด้วย

ที่มา : lovefitt.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


วิตามินบี ตัวช่วยดีๆ เรื่องสุขภาพ

วิตามินบีเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกายและระบบประสาท โดยจัดเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำได้ดีและมักไม่สะสมภายในร่างกาย คนเราจึงจำเป็นต้องได้วิตาบินบีอย่างเพียงพอในทุก ๆ วัน เพื่อสุขภาพที่ดี ในปัจจุบันมีการนำวิตามินบีชนิดต่าง ๆ มารวมอยู่ในเม็ดเดียวกันหรือที่รู้จักกันดีว่าเป็นวิตามินบีรวม ซึ่งง่ายต่อการรับประทาน และแต่ละชนิดก็มีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกันไป หากอยากทราบว่าวิตามินตัวไหนช่วยอะไรได้บ้าง สามารถติดตามได้จากบทความนี้ ตาม SI ไปดูกันเลยค่ะ

วิตามินบีมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้

วิตามินบี 1
วิตามินบี 1 มีอีกชื่อว่าไธอามีน (Thiamine) จะมีหน้าที่ในกระบวนการสร้างพลังงานจากสารอาหารในร่างกาย อีกทั้งอาจช่วยให้สมองและระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น โดยพบมากในข้าวกล้อง จมูกข้าวสาลี นมถั่วเหลือง ถั่ว งา เมล็ดทานตะวัน และเนื้อหมู

วิตามินบี 2
วิตามินบี 2 หรือไรโบฟลาวิน (Riboflavin) ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย สร้างพลังงานให้กับร่างกายจากกระบวนการย่อยอาหาร และอาจช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน ซึ่งไรโบฟลาวินนั้นพบมากในไข่ไก่ เนื้อวัว เครื่องในสัตว์ เห็ด ผักใบเขียวอย่างบรอกโคลีและผักโขม

วิตามินบี 3
วิตามินบี 3 หรือไนอะซิน (Niacin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนชะลอการเสื่อมของร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเอนไซม์ในร่างกาย เสริมการทำงานของสมอง โดยไนอะซินพบได้ในข้าวกล้อง ถั่วลิสง เนื้อไก่ ตับ ปลาทูน่า และปลาแซลมอน

วิตามินบี 5
วิตามินบี 5 หรืออีกชื่อหนึ่ง คือ กรดแพนโทเทนิก (Pantothenic Acid) นอกจากจะช่วยในกระบวนการย่อยอาหารแล้ว ยังช่วยในการสร้างและสลายไขมัน เสริมสร้างการผลิตฮอร์โมน รวมทั้งช่วยบำรุงผม เล็บ และผิวให้สุขภาพดีขึ้นด้วย กรดแพนโททินิกพบได้ในข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน เห็ด มันฝรั่ง บรอกโคลี อาหารทะเล เครื่องใน นม ไข่ และโยเกิร์ต

วิตามินบี 6
วิตามินบี 6 หรือ ไพริดอกซีน (Pyridoxine) ช่วยในกระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกายเสริมสร้างการผลิตเม็ดเลือดแดง อีกทั้งยังกระตุ้นการสร้างสารสื่อประสาทและอาจช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ให้ดีขึ้น โดยวิตามินบี 6 พบมากในเครื่องในสัตว์ อกไก่ มันฝรั่ง กล้วย และถั่วลูกไก่

วิตามินบี 7
วิตามินบี 7 หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ ไบโอติน (Biotin) จัดเป็นสารอาหารสำคัญที่มีส่วนในการบำรุงสุขภาพและร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเล็บ เส้นผม ผิวหนัง ดวงตา และสมอง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ไบโอตินนั้นมักพบได้จากอาหารอย่างไข่แดง ตับ ไต ถั่วลิสง อัลมอนด์ ถั่วเหลือง ดอกกะหล่ำ หรือกล้วย

วิตามินบี 9
วิตามินบี 9 หรือ โฟเลท (Folate) เป็นสารอาหารที่ขาดไม่ได้ในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะโฟเลทมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ คุณแม่ที่ได้รับโฟเลทอย่างเพียงพออาจลดความเสี่ยงของความผิดปกติของทารกในระหว่างตั้งครรภ์ สำหรับคนทั่วไปก็เป็นสารอาหารที่จำเป็นเช่นกัน เพราะช่วยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว จึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้นและลดความเหนื่อยล้าจากภาวะโลหิตจาง โดยโฟเลทสามารถพบได้ในตับ ถั่ว ไข่ มะละกอ กล้วย อะโวคาโด ผักใบเขียวอย่างผักปวยเล้งและบรอกโคลี

วิตามินบี 12
วิตามินบี 12 หรือโคบาลามีน (Cobalamin) มีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงด้านปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ภาวะเลือดจาง ภาวะผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์ โรคสมองเสื่อม และภาวะผิดปกติทางอารมณ์ โดยโคบาลามีนนั้นมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง อีกทั้งยังทำปฏิกิริยากับสารสื่อประสาทที่มีผลต่ออารมณ์ในทางที่ดีขึ้น โดยพบได้มากในอาหารประเภทไข่ เนื้อสัตว์ ตับ ปลา นม โยเกิร์ต หรือชีส

ที่มา : pobpad.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 ผลไม้ป้องกันหวัดสร้างภูมิคุ้มกัน

ผลไม้หลายชนิดมีวิตามินซีสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันหวัด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันโรคเหงือกและฟัน โรคเลือดออกตามไรฟัน โดยปกติร่างกายคนเราต้องการวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เรามาดูกันเลยว่า ผลไม้ป้องกันหวัด ได้มีอะไรกันบ้าง ตาม SI ไปดูกันเลยค่ะ

ฝรั่งสีชมพู
ฝรั่งสีชมพู หรือ ฝรั่งขี้นก เพียงประมาณ 100 กรัม มีวิตามินซีสูงถึง 288 มิลลิกรัม มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 3 เท่า จึงช่วยป้องกันหวัด เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน

มะขามป้อม
ผลไม้ลูกเล็กๆแต่กลายเป็น ผลไม้ป้องกันหวัด ได้ดีเพราะมีวิตามินซีสูงมาก มะขามป้อมปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินซีสูงถึง 276 มิลลิกรัม ดังนั้นเพียงแค่ทานมะขามป้อมไม่กี่ลูกก็ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง และยังช่วยบรรเทาอาการไข้ แก้ไอขับเสมหะ

ฝรั่ง
เป็นผลไม้ที่มีราคาถูกและหาได้ง่ายมีให้ทานตลอดทั้งปี ปริมาณฝรั่ง 100 กรัม มีปริมาณวิตามินซี 160 มิลลิกรัม จึงช่วยป้องกันหวัด เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย แค่กินฝรั่งวันละ 1 ลูก ก็ช่วยให้ห่างไกลโรคได้

ลิ้นจี่
ลิ้นจี่ อุดมไปด้วยวิตามินซีและกลูโคส ปริมาณลิ้นจี่ 100 กรัม มีวิตามินซี 72 มิลลิกรัม เพียงแค่ทานลิ้นจี่วันละ 3 ผล ก็ช่วยเสริมสร้างให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงยิ่งขึ้น

โทงเทงฝรั่ง
โทงเทงฝรั่ง มีวิตามินซีสูงมากเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งวิตามินซีจะช่วยป้องกันโรคหวัด หรือโรคภูมิแพ้ และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ ให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี

ลูกพลับ
ลูกพลับหนึ่งผลจะวิตามินซี 66 มิลลิกรัม คนญี่ปุ่นจึงนิยมทานลูกพลับเพราะมีวิตามินซีสูงช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ต้านทานต่อแบคทีเรียและไวรัสที่จะทำให้เกิดโรคได้

เสาวรส
เสาวรสเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมากจึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันไข้หวัดได้เป็นอย่างดี ใครที่รู้สึกว่าป่วยง่าย เป็นหวัดบ่อยๆ ควรทานเสาวรสเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

สับปะรด
อุดมไปด้วยวิตามินซี จึงช่วยป้องกันหวัด ลดเสมหะในลำคอ แก้เสมหะเหนียว ขับเสมหะได้ โดยจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียและต้านอาการอักเสบได้อีกด้วย

ส้ม
ส้ม 100 กรัม มีวิตามินซี 53 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีช่วยรักษาเลือดออกตามไรฟัน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายแข็งแรง ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย

กีวี
กีวีผลไม้เนื้อสีเขียว รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย กีวี 100 กรัม มี วิตามินซี 105 มิลลิกรัม มีวิตามินซีสูงกว่าส้มซะอีก จึงช่วยรักษาภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงช่วยให้ไม่เป็นหวัดง่ายๆ

ที่มา : health.mthai.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


10 อาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน รับมือโควิด-19

เดี๋ยวนี้เรื่องของโรคภัย และมลภาวะต่างๆ ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวขึ้นเป็นเท่าทวี ทั้งฝุ่นละออง PM 2.5 ไวรัสโคโรน่า หรือโควิด-19 ล้วนเป็นสาเหตุให้ร่างกายอ่อนแอ ล้มป่วยจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งนอกจากวิธีป้องกันพื้นฐานด้วยการใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อยๆ ไม่ไปในที่สุ่มเสี่ยงและคนหนาแน่นแล้ว การเลือกกินอาหารเสริมภูมิต้านทาน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมรับมือโควิด-19 ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำได้ไม่ยากเลย วันนี้ SI มี 10 อาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน รับมือโควิดมาฝากกันค่ะ

1. ผลไม้ตระกูลส้ม
ผลไม้ตระกูลส้ม อาทิ เกรปฟรุต ส้ม มะนาว เลม่อน ล้วนแล้วแต่มีวิตาตามินซีสูง มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งมีหน้าที่กำจัดและต่อสู้กับเชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ คุณควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูงในทุกๆ วัน อย่างน้อยก็น้ำส้มคั้นสดๆ วันละแก้วก็ยังดี

2. บล็อคโคลี่
บล็อคโคลี่อุดมไปด้วยวิตามินมากมาย อาทิ วิตามินเอ ซีและอี รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ และไฟเบอร์ ซึ่งช่วยให้ร่างกายของคุณมีสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ยังสามารถนำไปรังสรรค์อาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งผัด ต้ม หรือจะกินเป็นสลัดเบาๆ ก็ย่อมได้

3. กระเทียม
สมุนไพรไทยที่เราคุ้นเคยมาเนิ่นนาน จากการศึกษาพบว่า “กระเทียม” มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยรักษาโรคร้ายต่างๆ อาทิ โรคอัลไซเมอร์โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง เป็นต้น อีกทั้งยังมีสารต้านการอักเสบ และเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความดันโลหิตและชะลอการแข็งตัวของหลอดเลือดแดงได้อีกด้วย

4. ผักโขม
ผักโขมไม่เพียงแต่มีวิตามินซีสูง ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต่อสู้กับเชื้อโรคในร่างกาย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ว่าแล้วก็กินเมนูนี้สักหน่อยเป็นไร ผักโขมอบชีส!

5. โยเกิร์ต
โยเกิร์ตที่หลายๆ คนชื่นชอบนั้นเต็มไปด้วยวิตามินดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งหนึ่งในคุณสมบัตินั้นก็คือ เสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น แต่ควรรับประทานกรีกโยเกิร์ต หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติจะดีที่สุด เนื่องจากรสอื่นๆ อาจจะมีน้ำตาลสูง ซึ่งส่งผลให้น้ำหนักตัวของคุณพุ่งขึ้นได้!

6. อัลมอนด์
หนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่เรารัก “อัลมอนด์” เต็มไปด้วยวิตามินซี และอี ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของแมงกานีส แมกนีเซียม และไฟเบอร์ เหมาะมากสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก เพราะกินแล้วไม่อ้วน

7. ชาเขียว
หลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า “ชาเชียว” หอมกรุ่นนั้นเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีคุณสมบัติเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งของกรดอะมิโนที่ช่วยผลิตสารบางตัวที่มีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคอีกต่างหาก

8. เมล็ดทานตะวัน
ถึงแม้จะเล็กจิ๋ว แต่ก็เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ! ในเมล็ดทานตะวันนั้นเต็มไปด้วยฟอสฟอรัสแมกนีเซียมวิตามินบี6 และวิตามินอี ที่ช่วยควบคุมและรักษาการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ ว่างๆ หาเมล็ดทานตะวันมาแทะเล่นก็ดีเหมือนกัน

9. มะละกอ
รู้รึเปล่าวว่า “มะละกอ” มีวิตามินซีสูงปรี๊ด นอกจากนั้นยังมีโพแทสเซียม วิตามินบี และโฟเลต ในปริมาณที่พอเหมาะซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมของคุณ และที่สำคัญที่สุดคือ หาง่ายและราคาไม่แพงด้วยนะ

10. บลูเบอร์รี
บลูเบอร์รี เป็นแหล่งของฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าแอนโธไซยานินซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของคุณให้สตรองยิ่งขึ้นได้ มีการศึกษาพบว่า ฟลาโวนอยด์มีบทบาทสำคัญในการเสริมระบบภูมิคุ้มกันของระบบทางเดินหายใจให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น คนที่บริโภคอาหารที่มีฟลาโวนอยด์มีโอกาสน้อยที่จะติดเชื้อในทางเดินหายใจอีกด้วย

ที่มา : gourmetandcuisine.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


 

เสริมภูมิต้านทานโควิด-19 ด้วยสมุนไพรไทย

แพทย์แผนไทยแนะนำอาหารที่ช่วยเพิ่มเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ทั้งกลุ่มเสริมภูมิต้านทานโรค วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ และอาหารที่มีสารสำคัญที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
นพ.มรุต จิรเศรษฐศิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก แนะนำผักผลไม้สมุนไพร 3 กลุ่ม เพื่อเสริมภูมิต้านทานของร่างกายช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 มีอะไรบ้าง SI พาไปดูกันค่ะ

-กลุ่มเสริมภูมิคุ้มกัน
– กลุ่มที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง
– กลุ่มที่มีสารสำคัญที่มีศักยภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19

อาหารกลุ่มเสริมภูมิคุ้มกัน
ผักผลไม้และยา จากสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ได้แก่
– พลูคาว หรือผักคาวตอง
– เห็ดต่าง ๆ ซึ่งมีสารสำคัญคือเบต้ากลูแคน เช่น เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เห็ดออรินจิ เห็ดหลินจือ
– ตรีผลา (สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม) รับประทานในรูปของน้ำต้มดื่ม

อาหารที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น
– ดอกขี้เหล็ก
– ยอดมะยม
– ใบเหลียง
– ยอดสะเดา
– มะระขี้นก
– ฟักข้าว
– ผักเชียงดา
– คะน้า
– มะรุม
– ผักแพว
– มะขามป้อม

อาหารที่มีสารสำคัญที่มีศักยภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส
อาหารที่มีสารกลุ่มแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารเฟลโวนอยด์ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น
– ลูกหม่อน
– ผักผลไม้หลากสี
นอกจากจะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสแล้ว ยังช่วยเสริมการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันด้วย

อย่างไรก็ตาม หลักสำคัญที่ควรปฎิบัติในตอนนี้ คือการล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่เป็นหวัดมีอาการไอ จาม กินร้อนช้อนตัวเอง งดเดินทางไปประเทศเสี่ยง และรักษาระยะห่างจากคนอื่นๆ งดการพบปะสังสรรค์และร่วมกิจกรรม หรือเดินทางไปในที่ที่มีคนเยอะ จะช่วยลดการแพร่ระบาด และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

ข้อมูล :กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

ที่มา : www.posttoday.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


เฮเซลนัทตัวช่วยเด็ดเรื่องสุขภาพ

เฮเซลนัท เป็นถั่วชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามินบี นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ ที่ออกฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย มักจะถูกนำมาแปรรูปเป็นช็อกโกแลต หรือขนมเคลือบช็อกโกแลต ที่ต้องบอกเลยว่านอกจากจะอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ที่เราอาจจะยังไม่รู้อีกเพียบ ตาม SI มาดูกันเลยค่ะ

1. ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด  เฮเซลนัทมีโพแทสเซียมและแคลเซียม ซึ่งมีช่วยให้ผนังของหลอดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง

2. กระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเพศชาย  การบริโภคเฮเซลนัทประมาณ 50 กรัมต่อวัน จะช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย และมีผลบวกต่อการทำงานทางเพศ แม้จะอายุเกิน 50 ปีแล้วก็ตาม

3. บำรุงผมและเล็บ  เฮเซลนัทอุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อผมและเล็บ ช่วยให้เล็บแข็งแรง ไม่เปราะ ผมหนานุ่ม เงางาม ดูสุขภาพดี

4. เพิ่มน้ำนมให้คุณแม่  เฮเซลนัทเต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งช่วยในการผลิตน้ำนมสำหรับคุณแม่หลังคลอด นอกจากนั้นยังมีกรดโฟลิคและวิตามินอีที่ช่วยลดการติดเชื้อ และลดอัตราเสี่ยงในการแท้งบุตรด้วย

5. เสริมภูมิคุ้มกัน  เฮเซลนัทมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยให้การเจริญเติบโต พัฒนาการของกล้ามเนื้อ กระตุ้นเนื้อเยื่อ และช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

ที่มา : www.posttoday.com

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


4 วิธีใส่แมสก์ ล็อคเมคอัพแน่นแม้ต้องใส่หน้ากาก!

โควิดก็ต้องกลัว ความสวยก็ยังต้องมี ช่วงที่ต้องใส่แมสก์ทุกวันแบบนี้ ต้องมาดู วิธีใส่แมสก์ยังไง ให้เครื่องสำอางไม่หลุด เชื่อว่าสาวๆ ต้องพบเจอปัญหาเครื่องสำอางหลุดติดแมสก์มาบ้างไม่มากก็น้อย วันนี้ SI มี 4 วิธี สวยไม่ต้องสะดุดแม้ต้องใส่หน้ากากมาฝากกันค่ะ

1. ใช้หน้ากากอนามัยรุ่นป้องกันเครื่องสำอางเลอะโดยเฉพาะ 
ไอเทมยอดฮิตของสาวญี่ปุ่น อาจยากหน่อยในยุคนี้ เพราะลำพังแมสก์ธรรมดาก็หายากแล้ว แต่สาวๆ คนไหนชอบแต่งหน้าและหาได้ ยำว่าหาได้! ต้องมีติดตัวนะคะ เพราะว่าช่วยป้องกันเครื่องสำอางเลอะเทอะได้ดีมาก

2. ใช้สเปรย์สำหรับเมคอัพ ล็อคเมคอัพแน่นเพิ่มความเป๊ะ จะกี่แมสก์ก็ไม่หวั่น
อีกหนึ่งตัวช่วยล็อคเมคอัพให้แน่นไม่หลุดติดแมสก์นั่นก็คือ สเปรย์เซ็ตเครื่องสำอาง ไอเทมเด็ดที่สาวๆ ต้องพกติดตัว

3. ใช้ทิชชู่บางๆ ทับแมสก์ก่อน
สาวหน้ามันมากๆ ที่ลองวิธีไหนก็ยังพัง อีกหนึ่งวิธีที่พอจะช่วยได้นั่นก็คือ ทิชชู่ โดยใช้ทิชชูสวมทับแมสก์ก่อนใส่ กันไว้ดีกว่าแก้นะคะ

4. เทรนด์ฉ่ำวาวหลบไป เนื้อแมตต์ต้องมา
เลี่ยงรองพื้นเนื้อฉ่ำวาว จุดนี้เนื้อแมตต์ต้องมา! ลิปแมตต์ก็ต้องมาเช่นกัน สำหรับสาวๆ ที่ชอบงานฉ่ำๆ ต้องพักก่อน เปลี่ยนลุคเปลี่ยนชีวิตได้เลยจ้า

ที่มา : รีวิวมนุษย์ผิวแห้ง

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


แอลกอฮอล์ 70 กับ 95 เปอร์เซ็นต์ ต่างกันอย่างไร?

สถานการณ์ไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 ทั่วโลกยังคงน่าเป็นห่วง มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หน้ากากอนามัยยังคงเป็นที่ต้องการกันมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือ แอลกอฮอล์ สำหรับทำความสะอาด เชื่อว่าหลายๆ คนคงสงสัยว่า แอลกอฮอล์ 70 % กับ 95% แตกต่างกันตรงไหน และเปอร์เซ็นต์ ไหนที่จะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ดีกว่า แล้วเราจะใช้อย่างไรให้เหมาะสม วันนี้ SI พาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ

แอลกอฮอล์ เป็นสารชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านเชื้อจุลินทรีย์ โดยสามารถฆ่าหรือหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อได้ โดยแอลกอฮอล์สามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ได้หลากหลาย และไม่จำเพาะเจาะจง ทำให้เหมาะนำมาใช้กำจัดเชื้อจุลินทรีย์บนพื้นผิวสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่มีชีวิต เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรคนั่นเอง

แอลกอฮอล์ 70% คือ
ถือเป็น “ยาสามัญประจำบ้านสามารถฆ่าเชื้อโรคได้” มีขายตามร้านทั่วไปได้ และต้องผ่านการรับรองจาก อย. แต่ถ้าเป็นแอลกอฮอล์ 70% ที่มีส่วนผสมของ Chlorhexidine อันนี้ ก็เป็น “ยา” เช่นกัน เพียงแต่เป็นที่นิยมใช้ในห้องผ่าตัด ทั้งจำต้องผ่านการรับร้องจาก อย. ในระดับเข็มงวดกว่ายาสามัญประจำบ้าน

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเภทแอลกอฮอล์ 70% และมีส่วนผสมของ Chlorhexidine จะออกฤทธิ์เร็ว 15 วินาที ปกป้องได้นาน 16 ชั่วโมง ฆ่าได้ทั้งเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา แห้งเร็วไม่เหนียวมือ บางยี่ห้อมีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์

แอลกอฮอล์ 95% คือ
คือ สารละลายที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ 95 ส่วน (95%) และน้ำ 5 ส่วน (5%) โดยปริมาตร ทำให้แอลกอฮอล์ 95% มีสรรพคุณ ดังนี้

– เป็นตัวทำละลายของสารเคมีที่ใช้ในห้องทดลอง/ห้องปฏิบัติการ
– เช็ดทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคในเครื่องมือ อุปกรณ์ ภาชนะต่าง ๆ
– เช็ดทำความสะอาดกระจกที่มีคราบสกปรก คราบไขมัน
– นำไปประยุกต์ใช้ฆ่าเชื้อโรคและแมลงบางชนิดในสวนผลไม้
– ใช้เพิ่มค่าออกเทน (Octane, ส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพน้ำมัน) ในน้ำมันเบนซิน (Benzene oil)
– นำมาเจือจางกับน้ำและใช้ทาผิวหนัง เพื่อบรรเทาอาการคันจากยุงกัด

ตามที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า แอลกอฮอล์ 70% นั้นเป็นดั่งยาสามัญประจำบ้าน ที่เหมาะฆ่าเชื้อโรค โดยเฉพาะการนำแอลกอฮอล์ 70% มาทำความสะอาดผิวหนังรอบ ๆ แผล เพราะสามารถฆ่าเชื้อโรคที่ผิวหนังประมาณร้อยละ 90 ภายใน 2 นาที แต่ไม่แนะนำให้ใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดแผลโดยตรงแอลกอฮอล์ไม่ใช้ทาบนแผลโดยตรง ขณะที่แอลกอฮอล์ 95% เหมาะใช้แช่เครื่องมือหรือเช็ดทำความสะอาดเครื่องมือมากกว่าการนำมาเช็คบริเวณรอบ ๆ บาดแผล

ที่มา : promotions.co.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน


6 เรื่องน่ารู้ ฟ้าทะลายโจรกับ Covid-19

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังใกล้ตัวคนไทย จึงเป็นความหวัง หากทีมวิจัยของไทยพิสูจน์ได้ว่าสมุนไพร “ฟ้าทะลายโจร” หากการวิจัยแสดงว่าฟ้าทะลายโจร มีผลต้านไวรัสโควิด-19 จะใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสแผนปัจจุบัน และศึกษาวิจัยทางคลินิกในผู้ป่วย แต่หากการทดสอบไม่มีผลต้านไวรัสโควิด-19 จะยังใช้ฟ้าทะลายโจร ในการเสริมภูมิคุ้มกัน เพื่อบรรเทาอาการของโรคหวัดและแก้ไข้ เจ็บคอ และอาจศึกษาวิจัยสมุนไพรอื่นต่อไป วันนี้ SI มีบทความดีๆ ของ 6 ข้อน่ารู้ของฟ้าทะลายโจรที่มีผลต่อไวรัส Covid-19 มาฝากกันค่ะ

1.ไวรัสโคโรน่า (COVID-19) สายพันธุ์ใหม่ระบาดจริงยังไม่มียารักษาที่จำเพาะเจาะจงการป้องกันทางกายภาพคือล้างมือ กินร้อน ช้อนกลางและใส่หน้ากากอนามัยในที่ชุมชนเพื่อป้องกันการรับเชื้อเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

2. ไวรัสโคโรน่า (COVID-19) เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการตั้งแต่เป็นหวัดเพียงเล็กน้อยไปจนถึงปอดอักเสบรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต เมื่อผู้ป่วยติดเชื้อแล้วมีอาการน้อยไม่สามารถแยกออกจากวัดทั่วไปได้ดังนั้นการทำให้ผู้ป่วยหายเร็วเป็นปกติจึงมีความสำคัญที่สุด

3. ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติมีข้อบ่งชี้ในการบรรเทาอาการหวัดเช่นไข้ มีน้ำมูกและเจ็บคอที่ผ่านการพิจารณาประสิทธิผลและความปลอดภัยแล้วประชาชนสามารถเรียกใช้เมื่อเป็นหวัดได้

4. ฟ้าทะลายโจรมีการศึกษาว่าช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสโคโรน่า ซาร์( SARs) ซึ่งเป็นไวรัสในตระกูลมงกุฎเช่นเดียวกับไวรัสโคโรน่า (COVID-19) เข้าสู่เซลล์ จึงมีการจดสิทธิบัตรในประเทศจีนนอกจากนั้นยังเป็นสมุนไพรที่มีการวิจัยหลายฉบับฤทธิ์ต้านไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจเช่น H1N1 หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีการระบาดบ่อยที่สุดรวมถึงไข้หวัดนก H5N1

5. ผลงานตีพิมพ์การทบทวนวรรณกรรมจากการวิจัยหลาย ชิ้น ในปี 2017 หรือพ.ศ 2560 พบว่า สารแอนโดรกราฟโฟไลด์ ในฟ้าทะลายโจรเป็น. broad-spectrum anti-inflammatory – viral agent คือมีฤทธิ์ต้านไวรัสครอบคลุมหลายกลไก ทั้งการป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ ลดการแบ่งตัวไวรัสภายในเซลล์เพิ่มภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับไวรัสและลดการอักเสบที่ปลอดจากการติดเชื้อไวรัส

6. มีการวิจัยประสิทธิผลในการป้องกันหวัดของสารสกัดฟ้าทะลายโจรในนักเรียนพบว่าช่วยลดอัตราการเป็นหวัดได้ 33% ใน 3 เดือน

ที่มา : สมุนไพรอภัยภูเบศร, www.thairath.co.th

หากท่านใตต้องการสร้างแบรนด์หรือสั่งผลิต ผลิตภัณฑ์คุณภาพผสานนวัตกรรมและสารสกัดจากธรรมชาติเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น เราคือผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง มาตรฐาน LEED อาคารสีเขียว เป็นบริษัทแห่งแรกและแห่งเดียวที่สามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยและพัฒนาระดับมืออาชีพ  เพียงคุณนำความฝันของคุณมาหาเรา เราพร้อมสร้างแบรนด์ให้คุณได้อย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน